[พรีวิว] Dragon Quest VII Reimagined สัมผัสแรก ผู้กล้าตะลุยดินแดนแห่งความทรงจำ

หมายเหตุ: ตัวเกมที่ได้รับการทดสอบยังคงอยู่ในขั้นพัฒนา ประสบการณ์ที่ได้รับอาจมีความแตกต่างเมื่อวางจำหน่ายจริง

มีหลายโปรเจ็กต์ทีเดียวครับที่สร้างความไฮป์ต่อเนื่องไปยังปี 2026 ที่จะเป็นโอกาสสำคัญของแฟรนไชส์ Dragon Quest หรือตำนานผู้กล้าซึ่งกำลังจะครบรอบ 40 ปีนั่นเอง โดยช่วงไม่กี่สัปดาห์เราก็ได้ของขวัญอย่างเกมภาคแรกเวอร์ชันรีเมคกันไปแล้ว ทั้งนี้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็มีอีกหนึ่งเกมที่จ่อคิวรออยู่ และน่าจะเป็นเกมที่อยู่ในความทรงจำของใครหลายๆ คน นั่นคือ Dragon Quest VII Reimagined นั่นเองครับ

นับตั้งแต่การวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2000 มาจนถึงตอนนี้ก็อายุถึง 25 ปีแล้ว แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้ผู้เล่นเลิกคิดถึงเกมนี้กันแต่อย่างใด และถ้าว่ากันตามตรง Reimagined ถือเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่เป็นครั้งที่สอง หลังจากเคยได้ปัดฝุ่นครั้งแรกกับเครื่องเล่น 3DS ไปก่อนหน้านี้ และคำว่า Reimagined นั้นก็ถือว่าเป็นการเลือกใช้คำที่น่าสนใจมากๆ ซึ่ง ThisIsGame Thailand ก็รับโอกาสจาก Square Enix Asia เช่นเดียวกับ Bandai Namco Entertainment Asia ไปลองสัมผัสเกมเพื่อนำความประทับใจมาแบ่งปันเพื่อนๆ ด้วย และจะเป็นอย่างไรบ้างขอเชิญติดตามที่นี่เลย

ก่อนอื่นเลยมีเข้าสู่เดโมเกมก็จะพบว่าโลกในเกมนี้ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยแนวคิดคล้ายกับแบบจำลองที่เหมือนกับว่าสแกนวัตถุจริง อารมณ์เดียวกับสวนขวด เข้ามาอยู่ในเกมเป็นโมเดลสามมิติ หมุนไปมาได้อิสระในระดับหนึ่งเลยครับ (เป็น Top-down) นอกจากนี้ UI โดยรวมผมก็รู้สึกว่าคล้ายกับไตรภาคโรโตะที่ได้รับการรีเมคไป นั่นคือเพิ่มมินิแมปบนหน้าจอ หรือเปิดหน้าจอดูแผนที่ ใช้ Zoom เพื่อเทเลพอร์ตได้ แต่ขณะเดียวกันเมนูก็ปรับแต่งให้ใช้งานได้บนจอขนาดใหญ่อย่างเหมาะสม เลือกคำสั่งต่างๆ จากแถบด้านบนที่รวดเร็วฉับไว

ขณะเดียวกันครับ ระบบแบทเทิลเองแม้จะเป็นเทิร์นเบสแบบคลาสสิก ทว่าก็ปรับแต่งมาตรฐานให้เป็นไปตามยุคสมัยมากขึ้น มีการตั้งค่า Auto สามารถปรับความเร็ว รวมไปถึงเลือกกลยุทธ์สำหรับตัวละครในทีมได้เลยครับว่าจะให้เป็นสายไหน ตีไม่ยั้ง สายฮีล หรือสายบาลานซ์ ทั้งหมดนี้ผมรู้สึกว่าทำให้เกมมีความสดใหม่ และเข้ากับคำว่า ‘ตีความ – จินตนาการใหม่’ ที่ใช้ประกอบมากๆ นอกจากนี้เกมยังไม่ได้ใช้ Random Encounter แต่เราจะเห็นมอนสเตอร์เดินไปมาในฉากเลย

เนื้อหาของเกมแบ่งออกเป็นสองช่วงครับ ซึ่งช่วงแรกเป็นต้นเกม เราจะได้อยู่ในเมือง Emberdale ที่มีความเชื่อว่าจะต้องโยนดวงไฟลงไปในหลุมลึกเพื่อป้องกันภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ แต่ขณะเดียวกันก็มีแม่หมอคนหนึ่งออกมาเตือนไม่ให้จัดพิธีใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งชาวเมืองก็ไม่สนใจ ทำให้เราตัดสินใจลงไปยังดันเจี้ยนนั้นด้วย และดันเจี้ยนเองก็เป็นเขาวงกตย่อมๆ แต่ก็ไม่ได้เดินทางยากเพราะมินิแมปมีการระบุตำแหน่งที่ที่เราควรไป ตำแหน่งบันได หรือจุดสำคัญต่างๆ ให้ด้วย ก่อนที่จะไปเจอกับบอส Glowering Inferno ครับ

ถัดมาเป็นช่วงยาวนั่นคือเราจะได้เดินทางมายังเมือง Wetlock ที่กำลังมีชายชราคนหนึ่งกำลังเล่นเครื่องดนตรีที่สะกดชาวเมืองให้วาร์ปไปยังหอคอยปริศนา ก่อนพบว่าเป็นผู้ที่ต้องการช่วยเหลือทุกคนจากเหตุการณ์น้ำท่วมโลกที่ก่อโดย​ปีศาจใต้ทะลึก Gracos นั่นเองครับ ซึ่งแผนที่ในส่วนนี้คือ Highendreigh Tower ที่เป็นหอคอยเขาวงกตนั่นเอง บรรยากาศภายในทำออกมาได้วังเวง แต่ก็ยังมีความสวยงามด้วยสีโทนขาวน้ำเงินที่ดูเงียบสงบ จุดนี้น่าสนใจมากๆ ครับว่าในเวอร์ชันเต็มนั้น ดันเจี้ยนนี้จะสามารถเข้ามาสำรวจใหม่ได้หรือไม่ เพราะจากภาคก่อนหน้าเราจะผ่านมาเพียงครั้งเดียวก่อนที่มันจะหายไปตลอด

ส่วนที่ขาดไม่ได้เลยก็คือระบบ Vocation ที่มีเมนูให้เลือกได้เลย ตัวละครในปาร์ตี้ของเราสามารถเลือกอาชีพที่ต้องการได้แบบอิสระ โดยคำว่าอิสระในที่นี้คือมีคลาสอาชีพให้เลือกเยอะมาก ทำให้ทุกตัวละครมีการดัดแปลงไปมาตามความต้องการของเราแบบไม่ต้องกลัวว่าจะถูกล็อคเพียงบทบาทใดบทบาทหนึ่ง ทั้ง Warrior หรือ Martial Artist และทุกอาชีพมีเพิร์คที่ส่งผลต่อ Attribute บางอย่าง เช่นเน้นตี หรือทำให้เราตกอยู่ในสถานะหลับหลังจากโจมตี เท่านั้นไม่พอพวกเรายังมีโอกาสได้ลองระบบการล่องเรือสำเภาเพื่อไปสู่วิหารของเจ้า Gracos ด้วยครับ

เห็นแบบนี้ต้องบอกเลยว่า Reimagined นั้นเป็นการตีความใหม่ที่แม้จะอ้างอิงจากของเดิมมา ทว่าก็ทำให้องค์ประกอบเนื้อเรื่องถูกถ่ายทอดอย่างราบรื่นมากขึ้น และกราฟิกแบบไดโอรามาเองก็จำลองมาให้เหมือนกับโมเดลยุคเก่าทีเดียว ว่าแล้วก็อยากปรบมือให้ทีมงานที่สามารถลงรายละเอียดได้แบบไม่เสียรสชาติเดิมเลย ส่วน QoL ที่มีใหม่ และที่ยกมาจาก I – III HD Remake ก็ทำให้การเล่นในยุค 2026 ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อหรือวุ่นวาย

สำหรับใครที่สนใจ Dragon Quest VII Reimagined ก็ขอบอกเลยว่ารอกันอีกไม่นาน ต้นปีหน้าก็จะได้สนุกกันแล้วทั้งบนเครื่องเล่น PlayStation 5, Xbox Series X|S, Nintendo Switch รุ่นแรกและรุ่นสอง เช่นเดียวกับ PC โดยปัจจุบันเปิดให้สั่งจองแล้ว และที่พิเศษยิ่งกว่านั้นรูปแบบ Digital Deluxe ยังมาพร้อมสิทธิ์เข้าเล่นเกมล่วงหน้า 48 ชั่วโมงด้วยเช่นกัน แล้วพบกันวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้นะครับ