ผ่านมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีครึ่งแล้วครับหลังจากมีการเปิดตัว Overwatch ภาคต่อที่แม้จะยกเครื่องรูปแบบการเล่นใหม่พร้อมการปรับตัวเข้าสู่รูปแบบ Free-to-play ทว่าก็จะพบว่ามีเสียงดราม่ากันอยู่เป็นเนืองนิจ โดยเฉพาะในส่วนของโหมด PvE ที่เป็นภารกิจรูปแบบออนไลน์ให้ผู้เล่นตะลุยด่านในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเคยได้รับการชูโรงว่าเป็นเนื้อหาในส่วนไฮไลต์สำหรับภาคนี้หลังจากนำเสนอแต่มุม PvP อย่างเดียวมาตลอด
นับตั้งแต่การวางจำหน่ายคอนเทนต์ PvE ในชุด Invasion ที่เป็นชุดแรกก็ถือว่านานโขทีเดียวครับเพราะทิ้งช่วงมาแล้วถึง 8 เดือนโดยหลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่ได้มีคอนเทนต์ใหม่ให้ติดตามกันเลย และชุดแรกถ้าให้ว่ากันตามตรงก็มีเพียงแค่ 3 ภารกิจเท่านั้นด้วยซ้ำไป นับว่าน้อยมากๆ กับที่ต้องรอตั้งแต่เปิดให้บริการกันเกือบปี ซึ่งล่าสุดมีการรายงานจาก Kotaku ถึงอนาคตของโหมด PvE อีกครั้งแล้ว และดูเหมือนจะมีแววไม่สู้ดีนัก
Overwatch 2 Invasion มีเสียงตอบรับที่น่าผิดหวังจนต้องเบรคโครงการ
Kotaku ระบุว่าพวกเขามีโอกาสพูดคุยกับผู้พัฒนาบางส่วนที่ไม่ประสงค์ออกนามโดยทีมงานได้ยอมรับว่าที่จริงแล้วพวกเขามีควรที่จะปล่อยคอนเทนต์ที่ต่อเนื่องตลอดระยะเวลาให้บริการ แต่กลับได้รับคำสั่งให้วางจำหน่ายเนื้อเรื่อง PvE ในทุกๆ หนึ่งปีครึ่งแทน เพราะว่าเบื้องบนต้องการให้มีการเช็คคุณภาพที่ดี แต่ทุกคนมั่นใจว่าไม่ใช่อย่างนั้นและท้ายที่สุดกลับมีการประกาศเลย์ออฟพนักงานในส่วนที่ดูแลงาน PvE จุดนี้จึงยิ่งทำให้พวกเขาเชื่อว่ามีปัจจัยอื่นที่ทำให้โหมดนี้โดนพิจารณาปิดตาย
นอกจากนั้นยังมีผู้พัฒนาอีกกลุ่มที่ระบุว่าผู้บริหารคาดหวังกับการทำรายได้ในโหมด PvE มากเกินไป แต่เนื่องจากเสียงตอบรับที่ไม่ก็เลยทำให้เกิดการลงดาบด้วยมหกรรมเลย์ออฟแบบเทกระจาด เท่านั้นครั้นที่จะออกเสียงใดๆ ก็มักโดนปิดกั้น ทั้งนี้ยังมีคนที่มองว่าอาจเป็นเพราะเกมเพลย์มันไม่สนุกจริงๆ เพราะถึงอย่างไร Overwatch ถูกออกแบบมาเป็นเกมออนไลน์แบบ PvP ดังนั้นต่อให้ดันทุรังทำงานส่วนนี้ต่อ ด้วยโครงสร้างเกมที่ไม่เอื้อมันก็ไม่สามารถไปต่อได้
ฉันใดก็ดี ทีมงานอดีตเหล่านี้ระบุว่าพวกเขายังคงเชื่อเสมอว่าทุกคนเชื่อมั่นในโหมด PvE แต่ว่าก็ต้องทำใจที่ว่า PvP ควรเป็นโหมดที่ให้การโฟกัสมากกว่าเนื่องจากเป็นตัวทำเงินหลัก เพียงแต่การตัดสินใจนี้อาจเกิดจากอาการ ‘หมดใจ’ เพราะถ้าต้องการแบ่งทีมทำงานทั้งสองส่วนให้ไปตามโร้ดแมปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะต้องเพิ่มพนักงานด้วย แต่ก็คงไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้ ท้ายที่สุดพวกเขามีความเห็นว่าทุกปัญหาอาจจะไม่เกิดถ้าการตัดสินใจทำงานอะไรมันไม่ยุ่งยากหรือโดนกั๊กจนเกินไป
เกี่ยวกับเกม
เกมรูปแบบ PvP Tactical Shooters โดยภาคสองได้ปรับจำนวนผู้เล่นเป็น 5v5 พร้อมฮีโร่ใหม่ การรีเวิร์กฮีโร่ รวมไปถึงบาลานซ์อย่างการฮีลอัตโนมัติ และประเภทแผนที่ใหม่คือ Push ที่จะเป็นการดันหุ่นยนต์ อีกทั้งยังมีระบบการ Ping มีการปรับแต่งใหม่ให้ราบรื่นและมีประโยชน์มากขึ้น เช่นเดียวกับนำเสนอคอนเทนต์ใหม่เป็นรูปแบบ Battle Pass ตามฤดูกาลปัจจุบันเปิดให้บริการบน PlayStation, Xbox และบน Nintendo Switch กับ PC พร้อมรองรับภาษาไทย