Nintendo ปรับกลยุทธ์ ‘ราคายืดหยุ่น’ สำหรับเกมบน Switch 2
ราคาแปรผันตามคุณค่าและเนื้อหาเกม

ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดกับสำนักข่าว The Washington Post นาย Doug Bowser ประธาน Nintendo of America ได้เปิดเผยว่า บริษัทจะใช้ระบบ “กำหนดราคายืดหยุ่น” (Variable Pricing) สำหรับเกมบนเครื่อง Nintendo Switch 2 ซึ่งหมายความว่า ราคาเกมจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยหลายประการ ไม่ใช่ราคากลางแบบเดียวเหมือนในอดีต
เกม Nintendo Switch 2 แต่ละเกม ราคาต่างกันตามคุณค่าและประสบการณ์

Bowser อธิบายว่าปัจจัยที่ Nintendo จะนำมาพิจารณาในการตั้งราคาเกม ได้แก่ กระบวนการพัฒนาเกม, ความลึกและความหลากหลายของเกมเพลย์, ระยะเวลาในการเล่น, และ ความสามารถในการเล่นซ้ำ โดยเขาอธิบายว่า “เราจะพิจารณาเกมแต่ละเกมอย่างละเอียด ทั้งในแง่ของการพัฒนา ขอบเขตของเกม ความคุ้มค่าเมื่อเวลาผ่านไป และความสามารถในการเล่นซ้ำ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ราคาของเกมมีความยืดหยุ่น และเรายังไม่ได้กำหนดราคามาตรฐานตายตัว”
ตัวอย่างเช่น เกม Mario Kart World จะวางจำหน่ายในราคา $79.99 (ประมาณ 2,800 บาท) ขณะที่เกม Donkey Kong Bananza จะเปิดตัวที่ $69.99 (ประมาณ 2,500 บาท) แม้จะเป็นเกมเปิดตัวพร้อมเครื่องรุ่นใหม่เหมือนกัน แต่ราคากลับต่างกันเนื่องจากเนื้อหาของเกมและคุณสมบัติที่ต่างกัน
ในตอนนี้ นอกจากเกมจาก Nintendo เองแล้ว ค่ายเกมอื่นก็เริ่มเปิดเผยราคาบางส่วนสำหรับเกมบน Switch 2 เช่นกัน ได้แก่
- Bravely Default: Flying Fairy HD Remaster จาก Square Enix จะวางขายในราคา $39.99 (ประมาณ 1,400 บาท)
- Street Fighter 6 Year 1-2 Fighters Edition อยู่ที่ $59.99 ซึ่งรวม DLC ตัวละครจากปีแรกและปีที่สอง (ประมาณ 2,100 บาท)
- Nintendo Switch 2 Welcome Tour เกมพิเศษที่รวมแบบทดสอบเกี่ยวกับคอนโซล, เดโมเทคโนโลยี และมินิเกมต่าง ๆ จะวางขายในญี่ปุ่นที่ราคาเพียง 990 เยน หรือประมาณ 250 บาท
ต้องบอกว่านโยบาย “กำหนดราคายืดหยุ่น” ของ Nintendo สำหรับเกมบน Switch 2 ถือเป็นการเปิดแนวทางใหม่ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าของเกมแต่ละเกมอย่างแท้จริง โดยผู้เล่นอาจเห็นราคาเกมที่หลากหลายมากขึ้นในอนาคต ขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้อหาและประสบการณ์การเล่นที่แต่ละเกมมอบให้ ซึ่งอาจช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการเลือกซื้อเกมที่ตรงกับความคาดหวังและงบประมาณของตนเอง
ผู้อ่านคนใดต้องการติดตามข่าวทั้งหมดของ This Is Game Thailand ก็สามารถมาได้ที่นี่ครับ >>>คลิก<<<