[พรีวิว] เรียกน้ำย่อยกับความประทับใจแรก Life is Strange Double Exposure

หมายเหตุ: ภายในพรีวิวเกมนี้ยังคงอยู่ในการพัฒนา ประสบการณ์ที่ได้รับในเวอร์ชันจำหน่ายจริงอาจมีความแตกต่างกัน

ใครที่ชอบเกมตะวันตกเน้นเนื้อเรื่อง พอพูดถึง Life is Strange ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์เกมที่ถือว่ามาก่อนกาลสุดๆ กับรูปแบบการนำเสนอแนว Episodic พร้อมการนำธีมการก้าวข้ามสู่การเป็นผู้ใหญ่มาถ่ายทอดแบบแฟนตาซีท่ามกลางบรรยากาศโลกปัจจุบันอย่างลงตัว โดยภายหลังก็มีการแตกแขนงสู่ภาคใหม่ๆ มากมาย อย่างไรก็ตามตัวละครที่ดูเหมือนจะเป็นศูนย์กลางมากที่สุดและมีการปรากฏตัวรวมไปถึงอ้างอิงถึงอยู่ตลอดก็คงต้องเป็น Max ตัวเอกจากภาคแรก

การกลับมาของ Max ในฐานะตัวละครนำครั้งนี้นับเป็นอะไรที่แฟนเกมให้ความสนใจและตื่นเต้นมากๆ เพราะจากภาคล่าสุดที่เราได้เห็นเรื่องราวของเธอกันแบบเต็มๆ ก็ทิ้งช่วงกันถึง 9 ปีเต็มๆ โดยล่าสุดพวกเรา ThisIsGame Thailand ก็ได้รับโอกาสจาก Square Enix และ Bandai Namco Entertainment Asia ในการทดลองเล่นเกมภาคใหม่กันเพื่อนำมาพรีวิวเป็นความประทับใจแรกสำหรับเพื่อนๆ ทุกคนอีกครั้ง และจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นว่าแล้วอย่ารอช้ามาติดตามกันข้างล่างนี้เลย

เรื่องราวในช่วงที่มีการนำมาทดสอบแบ่งออกเป็นสองพาร์ตคือช่วงต้นเกม โดย Max ได้เดินทางมายังมหาวิทยาลัย Caledon University ซึ่งเป็นที่ทำงานของเธอและเพื่อนๆ อีกสองคนคือ Moses และ Safi เพื่อถ่ายภาพและดูดาวกัน ก่อนที่ Safi จะหายตัวไปและพบว่าเธอกลายเป็นศพไปเสียแล้ว ส่วนตอนต่อมาจะเป็นในช่วงเวลาไม่นานให้หลังเมื่อ Max พบว่า Moses ดันเก็บกล้องถ่ายภาพของ Safi ที่เป็นวัตถุหลักฐานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการตายของเพื่อนสาว และเหตุการณ์เหล่านี้ได้ทำให้พลังที่ Max ปิดบังไว้ต้องถูกนำกลับมาอีกครั้ง

ใครที่ไม่เคยเล่นมาก่อนขอแนะนำว่าตัวเกมเป็นรูปแบบ Narrative-Adventure เกมเพลย์ point-and-click คือเราสามารถบังคับตัวละครในฉากเพื่อหาเบาะแส สำรวจสิ่งของ เลือกตอบคำถาม และทุกการกระทำจะส่งผลต่อเนื้อเรื่องที่ยิบย่อยไปได้แบบเหนือความคาดเดา เช่นการเลือกลวดลายบนแก้วกาแฟที่ Max ต้องการหยิบ หรือว่าช่วงที่ Max อยากลองแกล้ง Safi ด้วยเกมทายใจที่เธอสามารถนำสิ่งของไปซ่อนไว้ตามจุดต่างๆ การตัดสินใจทั้งหมดนี้ จะถูกถ่ายทอดเป็นไดอะล็อกที่ไม่เหมือนกันและเรียบเนียนมากทีเดียวครับ

แต่เมื่อเป็นเกม Life is Strange สิ่งที่ขาดไปเสียไม่ได้ก็คือการใช้พลังวิเศษต่างๆ โดย Max ในภาคนี้สามารถข้ามไปสู่มิติอีกไทม์ไลน์หนึ่งได้ เป็นต้นว่าหากสถานการณ์ปัจจุบันเป็นแบบ A เมื่อเธอข้ามไป มันก็จะเป็นแบบ B โดยที่ทั้งสองมิติอยู่คู่ขนานกันโดยที่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ จนกระทั่งเธอก้าวเข้ามา ซึ่งเราจะต้องใช้ความสามารถนี้ในการช่วยเหลือ Moses ในช่วงพาร์ตที่สองของเดโม เพื่อตามหาหลักฐานสำคัญในการป้องกันไม่ให้เพื่อนโดนส่งเข้าซังเตทั้งที่ไม่มีความผิดนั่นเองครับ และเรายังสามารถมองเห็นการกระทำของคนอีกไทม์ไลน์ระหว่างที่ข้ามมายังมิติใหม่ด้วย จุดนี้จะต้องสลับไปมาเพื่อแก้ปัญหาให้ทันเวลาด้วยเหมือนกัน

ด้วยการที่เกมถูกออกแบบมาด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ดังนั้นฟังก์ชันที่มีในเกมจึงหลากหลายและมีกิมมิคมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากที่กล่าวไว้ข้างต้นเรื่องของพลัง และการถ่ายทอดของเนื้อเรื่อง รวมไปถึงท่าทางตัวละครก็เป็นมาตรฐานที่ใหม่มากขึ้น เท่านั้นไม่พอยังมีความเป็นแอ็กชันลอบเร้น เพราะจะมีช่วงที่เราต้องข้ามเวลาไปอีกไทม์ไลน์ ดึงเอาสิ่งของจากอีกเหตุการณ์หนึ่ง (ในสถานที่เดียวกัน) กลับมายังไทม์ไลน์หลัก เพื่อหลอกล่ออีกฝ่าย ขณะที่แก้ปริศนาไปด้วยกันนั่นเองครับ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเกมรูปแบบ Narrative คือการรับรู้ของผู้เล่นที่จะต้องมีความคอนเนกต์กับตัวละครไม่น้อยเพื่ออรรถรส ส่วนนี้ผมว่าเกมทำออกมาได้ดีเพราะทั้งสามคนที่เป็นตัวเอกหลักนั้นมีความเป็นตัวของตัวเอง และ down-to-earth บทสนทนามันเป็นวันธรรมดาทั่วไปเหมือนปุถุชนคนเรา แต่เพิ่มทวิสต์ด้วยปมปริศนา แถมด้วยความที่เราเองก็เคยผ่านมือกับภาคแรกแล้ว มาสู่เกมภาคใหม่ในอายุที่ไล่เลี่ยกับ Max มันเลยยิ่งเป็นความรู้สึกว่าการเล่นทุกคนเป็นประสบการณ์ที่เฉพาะตัวทีเดียวเนื่องด้วยทุกคำตอบ การกระทำของเรา จะส่งผลกับคนที่เป็นเพื่อนที่อยู่ตรงหน้า และแน่นอนว่างานเพลงประกอบ เสียงพากย์ จัดได้ว่าไม่ขาดตกบกพร่อง

สำหรับใครที่อยากเล่น Life is Strange Double Exposure ก็ไม่ต้องรอกันนานเพราะตอนนี้ได้เปิดให้สั่งจองล่วงหน้าแล้ว โดยจะมีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ บน PlayStation 5, Xbox Series X|S และ PC โดยจะเปิดตัวเพิ่มเติมบนเครื่องเล่นเกม Nintendo Switch ในอนาคตเช่นกัน ส่วนโอกาสหน้า ThisIsGame Thailand จะมีอะไรมาแบ่งปันกันอีกนั้น ว่าแล้วอย่าลืมติดตามกันที่นี่เพื่อไม่ให้พลาดทุกความเคลื่อนไหวในวงการเกมก่อนใครครับผม