10 เกมยอดเยี่ยมที่มีอายุครบ 10 ปี ในปี 2025

หลังจากที่ต้องเดินทางผ่านปี 2024 อันแสนจะยาวนานในที่สุดวันนี้ก็ขึ้นปีใหม่กับปี 2025 แล้ว และแน่นอนว่าในปีนี้เองก็จะมีเหตุการณ์สำคัญในวงการเกมหลายอย่างทั้งการ เตรียมจำหน่าย GTA VI ภาคต่อที่เรารอคอย รวมไปถึงการเปิดตัวเครื่องเกม Nintendo Switch รุ่นผู้สืบทอด กระนั้นแล้วที่ต้องไม่ลืมก็คือความยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมเกมและซอฟต์แวร์ที่กำลังจะมีอายุครบ 10 ปีในปีนี้ โดย ThisIsGame Thailand ได้คัดเลือกทั้ง 10 รายชื่อเกมยอดเยี่ยมมาแบ่งปันกันด้วย แต่จะมีเกมอะไรบ้างนั้นมาติดตามกันข้างล่างนี้เลย

1. Metal Gear Solid V: The Phantom Pain

เกม Metal Gear ลำดับสุดท้ายที่ Hideo Kojima ดูแลให้ โดยเป็นเนื้อหาชุดต่อเนื่องจากเกมภาค Ground Zeroes ใช้รูปแบบเกมเพลย์สไตล์โอเพนเวิลด์เป็นครั้งแรกของซีรีส์ ให้เรามีโอกาสในการทำภารกิจต่างๆ ด้วยวิธีการที่ตนเองต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการบุกเข้าประจัญบาน หรือจะลอบเร้นแบบเดิม เช่นเดียวกับการใช้พรรคพวกหรือกองกำลังสนับสนุนทางอากาศจากระยะไกลก็ยังได้

2. Dying Light

เกมเอาตัวรอดในดงซอมบี้มุมกล้อง First-person ที่มาพร้อมกับประสบการณ์ความสยองขวัญและการสำรวจโลกเปิดในเกมชนิดที่เห็นความโหดร้าย ความน่ากลัวในยามมืดมิดกันตรงหน้า โดยจุดเด่นของเกมคือเกมเพลย์แบบ Parkour ให้เราวิ่งผาดโผนเช่นเดียวกับซอมบี้ในช่วงกลางคืนที่มีความเกรี้ยวกราดมากขึ้น ผูุ้เล่นจะต้องตัดสินใจในสถานการณ์สุดกดดันเช่นการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตคนอื่น หรือหันหลังโกยแน่บ

3. Fallout 4

เกมภาคเน็กซ์เจ็น (ของยุคนั้น) ที่ต่อยอดประสบการณ์โอเพนเวิลด์สามมิติจากภาคก่อนหน้า ผู้เล่นจะได้เป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากภัยสงครามนิวเคลียร์เมื่อหลายร้อยปีก่อน และเมื่อเดินทางออกจากหลุมหลบภัยก็พบว่าสภาพแวดล้อมรอบข้างนั้นกลายเป็นทุ่งสังหารสุดแห้งแล้ง เต็มไปด้วยอันตรายจากกัมมันตรังสี โดยการกระทำของเราจะสามารถส่งผลต่อ NPC ต่างๆ ทั้งการเลือกพวก การสร้างมิตรหรือศัตรู เช่นเดียวกับเควสต์อีกมากมายทั้งในเกมภาคหลักและคอนเทนต์เสริมรวมหลายร้อยชั่วโมง

4. Rocket League

เกมแนวขับรถผสมผสานกีฬาที่ผู้เล่นจะต้องบังคับรถไซส์จิ๋วชนบอลเหมือนกับเกมฟุตบอลไปสู่ประตูของฝ่ายตรงข้าม รองรับทั้งโหมดออฟไลน์หรือจะไปลุยกับผู้เล่นทั่วโลกในแบบออนไลน์ก็ได้เช่นกัน โดยหลังจากมีการเปิดจำหน่ายแบบเสียเงินมาเป็นเวลาช่วงหนึ่ง เมื่อ Epic Games เข้าซื้อค่ายพัฒนา และนำเข้าสู่ร้านค้าของตนเอง ก็ปรับโฉมสู่ประสบการณ์เล่นฟรีกันเป็นที่เรียบร้อย แถมยังเพิ่มฟีเจอร์เช่นการเล่นแบบครอสเพลย์มาด้วยนะ

5. Until Dawn

เกมแนวเอาตัวรอดสยองขวัญแบบเลือกตอบคำถาม ผู้เล่นจะพบกับตัวละครวัยรุ่น 8 คนที่ต้องเจอกับเหตุการณ์สิ่งมีชีวิตลี้ลับบุกเข้ามาทำร้ายท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ ซึ่งตัวละครทั้งหมดมีโอกาสรอด – ตาย ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราในแต่ละซีน ภายหลังเกมยังมีการพัฒนาภาคสปินออฟออกมาสำหรับอุปกรณ์ PlayStation VR และในปี 2024 ที่ผ่านมาก็มีการรีมาสเตอร์ใหม่แล้วด้วยบน PC – PS5 ครบครัน

6. Super Mario Maker

ภาคแรกของเกม Super Mario ที่เน้นไอเดียสร้างสรรค์นั่นคือเราสามารถใช้ Gamepad ลากเส้นหรือออกแบบฉากในเกมได้เองถึง 4 ธีมทั้งเวอร์ชั่นแฟมิคอม ไปจนถึงเวอร์ชั่น Wii U ที่มีเมคานิกต่างกันพร้อมนำมาแชร์ให้เพื่อนๆ ทั่วโลก และภาคนี้ยังรองรับ Amiibo เพื่อใส่สกินตัวละครใหม่ๆ ทั้งโปเกม่อน, รถยนต์ หรือร็อคแมนก็ยังมี ปัจจุบันได้ยุติให้บริการโหมดออนไลน์แล้ว แต่ยังมีภาคสองบน Switch ที่อัปเกรดความสนุกแบบเต็มที่กว่าเดิมนะ

7. Splatoon

เกมแนวแอ็กชันยิงปืนที่ไร้ซึ่งความรุนแรงเพราะเราจะได้รับบทเป็นเจ้าหนูเด็กปลาหมึกถือปืนฉีดสีไล่ยิงกันในโหมดการเล่นแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดสียึดพื้นที่หรือยิงกันเองก็มี โดยภาคนี้อาจจะไม่ได้เน้นเนื้อหาสำหรับการเล่นคนเดียวมากเท่าไรนัก แต่ถ้ามองในมุมออนไลน์แล้วยังมีชุมชนผู้เล่นหนาแน่นมากๆ เช่นเดียวกับเกม Super Mario Maker ข้างบน ตอนนี้ได้ปิดให้บริการเรียบร้อย พร้อมย้ายฐานแฟนเกมมาสู่ภาคใหม่ๆ… ที่ต้องบอกว่าปังกว่าเดิม!

8. Rainbow Six Siege

การพลิกโฉมครั้งสำคัญของแฟรนไชส์ที่นำเสนอประสบการณ์รูปแบบ Live Service เน้นย้ำระบบ Tactical FPS ที่ผู้เล่นจะแบ่งออกเป็นทีม 5v5 ห้ำหั่นกันในสมรภูมิเพื่อทำภารกิจต่างๆ ฝ่ายบุกต้องเคลียร์ภารกิจในเวลากำหนด ขณะที่ฝ่ายตั้งรับต้องขัดขวาง หรือทำอย่างไรก็ได้ให้อีกฝ่ายต่างเสียสมาชิกในทีมจนหมดก่อนจบรอบ แม้ช่วงแรกจะโดนวิจารณ์ขรมแต่ตอนนี้ได้กลายเป็นเกมที่ได้รับความนิยมสูงมากไปแล้ว!

9. Bloodborne

ใครจะรู้ว่าเกมนี้จะทิ้งช่วงกันมาครบ 10 ปี ไม่มีภาคต่อ ไม่มีรีมาสเตอร์ ไม่มีแม้กระทั่งแพตช์ 60FPS สำหรับผลงานของ FromSoftware ผู้อยู่เบื้องหลังซีรีส์ Souls สุดหัวร้อน ตัวเกมมาพร้อมกับสภาพแวดล้อมสไตล์โกธิคที่ฉีกแนวจากโลกดาร์กแฟนตาซีในผลงานเกมอื่นๆ ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นนักล่าที่เดินทางในเมือง Yharnam อันเต็มไปด้วยอันตราย ความตาย และคาวเลือดในทุกหนแห่ง รองรับการเล่นแบบ Co-op และโหมดดันเจี้ยนแรนดอมที่ท้าทายความสามารถ

10. The Witcher 3: Wild Hunt

รับบทเป็น Geralt นักล่าอสูรที่ต้องเดินทางไปตามหาเด็กในคำทำนาย ผ่านสภาพแวดล้อมแปลกตาทั้งทุ่งหญ้าหรือเมืองใหญ่ โดยเกมมีจุดเด่นเรื่องการเลือกชอยส์คำตอบ และระบบความสัมพันธ์ ท่ามกลางโลกดาร์กแฟนตาซีจากปลายปากกาของนักเขียนชาวโปแลนด์ โดยเกมนี้ก็ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในผลงาน RPG ที่ยอดเยี่ยมที่สุด ยกระดับจากภาคสองแบบก้าวกระโดด สมกับรางวัลสุดยอดเกมแห่งปี 2015 แบบไม่ต้องสืบ!

ทั้ง 10 เกมนี้ล้วนเป็นเกมคุณภาพยอดเยี่ยมที่ได้รับคำชื่นชมหนาหูทั้งในแง่รีวิวและเสียงตอบรับ และแน่นอนว่าหลายเกมก็ยังคงอยู่ในกระแสจนถึงปัจจุบัน สำหรับเพื่อนๆ มีเกมไหนที่อยากลองมาแนะนำกันว่าแล้วก็ขอเชิญมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ที่นี่เช่นเคย ส่วนโอกาสหน้าหากพวกเรามีความเคลื่อนไหวและข้อมูลข่าวสารในวงการเกมที่สำคัญอย่างไรมาอัปเดตกันอีก เชิญติดตามกันกับ ThisIsGame Thailand ได้เลยครับผม