[พรีวิว] สัมผัสแรก Dragon Quest I & II HD-2D Remake บทถัดไปตำนานสายเลือดผู้กล้า

หมายเหตุ: ตัวเกมและเนื้อหาที่ได้รับการทดสอบยังคงอยู่ในการพัฒนา ประสบการณ์อาจเปลี่ยนแปลงกันเมื่อได้รับการวางจำหน่ายจริงในอนาคต

ก่อนที่ Final Fantasy จะถือกำเนิดขึ้น เกมที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิกตลาด JRPG อย่างแท้จริงจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก Dragon Quest ที่มาพร้อมเรื่องราวที่ย่อยง่ายและระบบการเล่นที่ชวนให้เราได้จำลองบทบาทของนักรบผู้กล้าแกร่งที่ได้รับภารกิจในการเดินทางสู่โลกแฟนตาซีจริงๆ ซึ่งในปัจจุบันเกมได้แตกแขนงออกมามากมายรวมไปถึงยังมีภาค XII ที่กำลังพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างไรจุดเริ่มต้นก็เป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความคิดถึงด้วยซิกเนเจอร์มากมาย

หลังจากการเปิดตัวของ Dragon Quest III HD-2D Remake ในปีที่แล้ว สิ่งที่ทำให้หักปากกาเซียนกันเป็นแถบก็คือการประกาศรีเมคภาคหนึ่งและสองเพื่อให้ไตรภาคแห่งตำนานโรโตะ Erdrick Trilogy ได้สมบูรณ์พร้อมให้เล่นกันในยุคเน็กซ์เจ็น ซึ่งล่าสุดพวกเรา ThisIsGame Thailand ก็ได้รับโอกาสจาก Square Enix Asia และ Bandai Namco Entertainment Asia ในการเข้าร่วมทดสอบเกมชุดรีเมคทูอินวันนี้กันก่อนใคร ต้อนรับเทศกาล Tokyo Game Show 2025 ด้วย ว่าแล้วอย่ารอช้าขอเชิญติดตามความประทับใจในพรีวิวกันข้างล่างนี้เลย

ภายในเดโมนี้เราได้เล่นกันทั้งสองภาคที่คัดออกมาเพื่อให้สัมผัสความสนุกช่วงต้นเกมโดยเฉพาะ เริ่มจากภาคแรกที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับภารกิจหนึ่งที่ผู้กล้าได้เดินทางมาถึงเมือง Galenholm ก่อนจะพบกับเหตุการณ์ที่นักต้มตุ๋นผู้ปลอมตัวเป็นพ่อค้าได้หลอกล่อให้เรามาตามหากุญแจก่อนที่ตัวเองจะถูก Robbin’ ‘ood อีกหนึ่งยอดโจรร่างกล้ามขโมยไปอีกต่อหนึ่งนั่นเอง และเราจะต้องผจญในดันเจี้ยน Craggy Cave ก่อนที่จะเจอกับบอสพ่อมด ถัดมาเป็นภาคสองที่อยู่ในภารกิจที่ต้องตามหาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ในเขาวงกตบนประภาคารครับ

ระบบการเล่นหลักๆ อาจจะไม่ต้องแนะนำมาก เพราะจะแบ่งเป็นช่วงเดินทางที่เราสามารถเดินในฉากทั้งแผนที่ฉากดันเจี้ยนและเมือง รวมไปถึงแผนที่โลกที่อาจสุ่มให้เราเจอศัตรู จนเข้าสู่การต่อสู้แบบเทิร์นเบสที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งตัวละครทั้งหมดจะมีอนิเมชันเป็นของตัวเอง และใช้เมนู UI แบบเดียวกันกับภาค III HD-2D Remake ดังนั้นเมื่อเราเล่นภาคดังกล่าวมาก่อน ก็ปรับตัวได้ง่ายๆ หรือในอนาคตหากใครอยากเล่นจากภาคแรกเรียงไปยังภาคสามเหมือนสมัยแฟมิคอมก็ไม่ขัด

ในส่วนของภาคแรกนั้นแน่นอนว่าทุกคนน่าจะทราบกันดีว่าโหดหินไม่น้อยในเกมต้นฉบับเพราะผู้กล้าของเราไม่มีสมาชิกใดๆ ในปาร์ตี้นอกเหนือจากตัวเอง วันแมนโชว์กันไปเลย แต่ด้วย QoL ใหม่ๆ รวมไปถึงบาลานซ์เกมและระบบการตั้งค่า Tactics แบบเดียวกับภาค III HD-2D Remake ที่วางจำหน่ายในภาคสอง ก็จะทำให้การเลือกใช้ไอเทม เลือกท่าต่อสู้นั้นมีความราบรื่น เหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้น และแน่นอนว่า Battle Speed ที่ทำให้เกมเร็วทันใจก็ยังมีครบครัน

เกมภาคแรกเรื่องราวเป็นเส้นตรงและแอเรียที่เราได้ลองเล่นไม่ได้มีการเพิ่มคอนเทนต์ใด จึงค่อนข้างสั้นและจบไว ขณะเดียวกันในภาคที่สองนั้นเราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเลยครับ เริ่มต้นที่สมาชิกใหม่เป็นเจ้าหญิงแห่ง Cannock สายบู๊ที่เป็นอีกหนึ่งผู้สืบทอดสายเลือดของผู้กล้าโรโตะในตำนาน ทำให้เกมนี้มีสมาชิกในปาร์ตี้ 4 คนเทียบเท่ากับจำนวนมาตรฐานแล้วด้วย และในคำสั่ง Tactics จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย เพราะเราสามารถจัดแจงได้เลยครับว่าระหว่างแบทเทิลนั้น ใครจะเป็นสายบู๊ตีไม่หยุด สายฮีล สายร่ายเวทย์ไม่แคร์ MP

ความใหม่ของเกมที่รู้สึกว่าชอบก็คือการขยายความของเรื่องและสเกลของเกมที่ใหญ่ขึ้นเพื่อไม่ให้ทั้งสองภาคนี้ที่เคยอาจถูกมองว่ามีปริมาณเนื้อเรื่องไม่เต็มอิ่มเท่าภาคสาม สามารถมอบความสนุกให้เราได้ยาวๆ และฉากเขาวงกตของภาคสองเองก็ชวนให้ปวดหัวไม่น้อยเพราะมีความเป็นพัสเซิลเบาๆ โชคดีที่มีมินิแมปให้ด้วย นอกจากนั้นอีกส่วนที่เพิ่มเข้ามาคือ​ Mini Medal ไอเทมเหรียญตามทางที่เก็บไปแลกรางวัลได้ และ Shortcut Command เป็นการตั้งคำสั่งไว้ให้เราใช้วาร์ป (Zoom) หรือว่าสกิลอื่นๆ ระหว่างเดินเท้าในฉากหลักได้นั่นเองครับ สองฟีเจอร์นี้มีอยู่ในเกมทั้งภาคหนึ่งและสองเลย

© ARMOR PROJECT/BIRD STUDIO/SPIKE CHUNSOFT/SQUARE ENIX
*SCREENSHOTS TAKEN FROM AN IN-DEVELOPMENT PS5 GAME BUILD

เกี่ยวกับเกม Dragon Quest I & II HD-2D Remake

ตัวเกมจะได้รับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ ทั้งบนเครื่องเล่น PlayStation 5, Xbox Series X|S, Nintendo Switch 1&2 และ PC บน Steam โดยได้นำขึ้นหน้าร้านค้าเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปีที่แล้วเพื่อให้เตรียมสั่งจองล่วงหน้า ซึ่งเป็นการพัฒนาเกมยุค Famicom ขึ้นมาใหม่ด้วยกราฟิก HD-2D เหมือน Octopath Travelers ซึ่งกราฟิกโดยรวมเองก็จะอ้างอิงในแบบ 16-bit แทนแบบ 8-bit ของต้นฉบับ

สำหรับเนื้อเรื่องเกมภาคแรก ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นผู้กล้าของอาณาจักร Alefgrad ที่ได้รับภารกิจในการช่วยเหลือบ้านเมืองจากการรุกรานของปีศาจและตามหาเจ้าหญิงที่ถูกจ้าวแห่งมังกร Dragonlord จับตัวไป ขณะเดียวกันภาคสองได้รับการบอกเล่าเรื่องราวที่ต่อเนื่องจากภาคแรกเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี พูดถึงเจ้าชายแห่ง Midenhall ที่ต้องออกไล่ล่าพ่อมด Hargon ที่เข้ามาทำลายเมืองนั่นเองครับ สำหรับโอกาสหน้า ThisIsGame Thailand จะมีอะไรมาแบ่งปันอย่าลืมติดตามที่นี่เช่นเคย