![[มีสปอยล์] หรือว่า Aerith จะยังคงเจอชะตากรรมเดิมใน FFVII Rebirth? 1 [มีสปอยล์] หรือว่า Aerith จะยังคงเจอชะตากรรมเดิมใน FFVII Rebirth?](https://i0.wp.com/thisisgamethailand.com/wp-content/uploads/2025/02/08337730016572601187407_1000M.jpg?fit=1000%2C523&ssl=1)
หลังจากที่มีการสัมภาษณ์ทีมพัฒนาเกม Final Fantasy VII Rebirth ซึ่งประกอบไปด้วย Yoshinori Kitase (ผู้อำนวยการสร้างซีรีส์ Final Fantasy VII), Tetsuya Nomura (ผู้อำนวยการสร้าง Final Fantasy VII Rebirth / Crisis Core: Final Fantasy VII Reunion ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์และนักออกแบบตัวละคร) และ Mariko Sato (ผู้อำนวยการสร้าง Crisis Core: Final Fantasy VII Reunion) บอกได้เลยว่าการสัมภาษณ์ในครั้งนี้มีข้อมูลแน่น ๆ มากมาย
โดยจุดที่น่าสนใจที่สุดคงเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่อาจจะทำให้เราตีความได้ว่า “Aerith จะยังคงเจอชะตากรรมเดิมเหมือนกับเกมต้นฉบับใน FFVII Rebirth”
ภายในการสัมภาษณ์นี้ทางผู้พัฒนาเกมได้ระบุว่า “เรื่องราวใน Final Fantasy VII Remake ถูกสร้างขึ้นในลักษณะที่มีปริศนาเบื้องหลังเหตุการณ์ต่าง ๆ สามารถเข้าใจได้ด้วยการเล่นเกม และไม่มีเจตนาที่จะเปลี่ยนแปลงอดีต ดังนั้นเรื่องราวของ Crisis Core: Final Fantasy VII Reunion จึงไม่ได้รับการแก้ไขในแง่ที่ว่าประวัติศาสตร์ได้เปลี่ยนไป”
ซึ่งจากบทสัมภาษณ์ด้านบนนี้ก็ชวนให้คิดว่า “หรือแท้จริงแล้วเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน Final Fantasy VII Remake (รวมไปถึงเกมในอนาคต) อาจจะพาเราไปสำรวจไทม์ไลน์ใหม่ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ต้องย้อนกลับมาที่ไทม์ไลน์เดิมอยู่ดี?” ยิ่งประกอบกับการที่ผู้พัฒนาเกมได้ระบุว่า “สาเหตุของความล่าช้าในการเปิดตัว Final Fantasy VII Rebirth เป็นเพราะเราไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นเกม 2 ภาค หรือไตรภาคดี” และ “Final Fantasy VII เวอร์ชั่นใหม่ไม่ใช่เรื่องราวสรุปของเกมเวอร์ชั่นดั้งเดิม” ซึ่งก็มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเรื่องราวนั้นจะดำเนินไปไม่ถึงตอนจบของเกมดั้งเดิม ซึ่งผู้เขียนคาดเดาว่าอาจจะจบที่ 1 แผ่น (ตอนที่ Aerith โดน Sephiroth สังหาร)
สำหรับข้อมูลที่น่าสนใจอื่น ๆ ที่มีการเปิดเผยภายในการสัมภาษณ์นี้ มีดังนี้
- สาเหตุที่เลือกจะเรียกเกมนี้ว่า Rebirth ไม่ใช่ Remake 2 เพราะว่าทั้ง Remake และ Rebirth มีความหมายคล้ายกันคือ ‘เกิดใหม่’ นอกจากนี้ หากเราเรียกมันว่า Remake 2 อาจทำให้รู้สึกว่าจะมีภาค 3 , 4 , 5 และอื่น ๆ … ซึ่งหมายความว่า Final Fantasy VII Rebirth สามารถเพลิดเพลินได้อย่างเพียงพอด้วยตัวของมันเอง
- โดยปกติเมื่อพูดถึงซีรีส์ Final Fantasy เฉพาะสมาชิกหลักเท่านั้นที่จะถูกรักษาไว้หลังจากจบเกม ในขณะที่พนักงานคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ย้ายไปที่ทีมอื่น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโปรเจกต์ Final Fantasy Remake ได้ตัดสินใจเปิดตัวในหลายส่วนตั้งแต่เริ่มต้น ทีมเดียวกันก็สามารถเริ่มทำงานในภาคต่อได้ โดยที่ยังคงการทำงานเป็นทีม ความรู้ และโมเมนตัมของพวกเขาไว้ ดังนั้นการพัฒนาจึงรวดเร็วมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก จึงไม่มีเวลาพักผ่อน และการพัฒนาก็ทำแบบเต็มสูบมาโดยตลอด แต่เราขอยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี
- เราได้เริ่มดำเนินการในส่วนต่าง ๆ เช่น โครงเรื่องและฉากสำหรับภาคที่ 3 แล้ว
- ตัวเกมจะเป็น Open-World หรือไม่นั้นจะมีการประกาศพร้อมกับข้อมูลในครั้งต่อไป
- ฉากที่ Cloud และ Sephiroth เดินด้วยกันในตัวอย่างคือฉากย้อนอดีตของ Cloud
- มีการปรับตัวโมเดลละครบางตัว เช่น Yuffie ซึ่งเราได้ปรับเพิ่มเติมจาก Final Fantasy VII Remake Intergrade
- ผู้เล่นจะได้พบกับความลึกลับใหม่ที่แตกต่างจาก Final Fantasy VII ดั้งเดิม ทำให้ผู้เล่นจากต้นฉบับจะสามารถสนุกกับเกมในรูปแบบใหม่ ความท้าทายของเราคือการรวมความลึกลับใหม่เหล่านั้นโดยไม่เบี่ยงเบนไปจากเดิม
- แม้ว่าลำดับการเยี่ยมชมสถานที่บางแห่งอาจมีการเปลี่ยนแปลง แต่โดยพื้นฐานแล้วนโยบายของเราจะไม่ตัดทอนสิ่งใด
- เกมนี้เป็นเกม Exclusive บน PS5 เนื่องจากคุณภาพกราฟิกและความเร็วในการเข้าถึง SSD เนื่องจากการผจญภัยแผ่ขยายออกไปในโลกอันกว้างใหญ่หลังจากการหลบหนีจาก Midgar ข้อมูลที่ต้องโหลดจึงมีปริมาณมาก ทีมงานรู้สึกว่าพวกเขาต้องการพลังของ PlayStation 5 เพื่อเอาชนะสิ่งนั้นและเดินทางไปทั่วโลกอย่างสะดวกสบาย
Final Fantasy VII: Rebirth มีกำหนดวางจำหน่ายบนเครื่องเล่น PlayStation 5 ภายในช่วงฤดูหนาวของปี 2023 (ธันวาคม 2023 – กุมภาพันธ์ 2024) เรียกได้ว่าไม่นานเกินรอสำหรับแฟน ๆ แถมมีช่วงทิ้งห่างจากการประกาศสั้นเกว่าเดิมด้วย ดังนั้นแฟน ๆ ที่กำลังรอคอยอยู่ก็อาจจะไปเล่นภาค Remake Intergrade ให้หายคิดถึงไปพลาง ๆ ส่วนโอกาสหน้า ThisIsGame Thailand จะมีอะไรมาแบ่งปันอีกนั้นว่าแล้วขอเชิญติดตามที่นี่เช่นเคยครับ