PS5ข่าว

[มีสปอยล์] หรือว่า Aerith จะยังคงเจอชะตากรรมเดิมใน FFVII Rebirth?

หลังจากทีมพัฒนาเผยว่า ‘Remake ไม่ได้มีเจตนาที่จะเปลี่ยนแปลงอดีต’

หลังจากที่มีการสัมภาษณ์ทีมพัฒนาเกม Final Fantasy VII Rebirth ซึ่งประกอบไปด้วย Yoshinori Kitase (ผู้อำนวยการสร้างซีรีส์ Final Fantasy VII), Tetsuya Nomura (ผู้อำนวยการสร้าง Final Fantasy VII Rebirth / Crisis Core: Final Fantasy VII Reunion ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์และนักออกแบบตัวละคร) และ Mariko Sato (ผู้อำนวยการสร้าง Crisis Core: Final Fantasy VII Reunion) บอกได้เลยว่าการสัมภาษณ์ในครั้งนี้มีข้อมูลแน่น ๆ มากมาย

โดยจุดที่น่าสนใจที่สุดคงเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่อาจจะทำให้เราตีความได้ว่า “Aerith จะยังคงเจอชะตากรรมเดิมเหมือนกับเกมต้นฉบับใน FFVII Rebirth”

ภายในการสัมภาษณ์นี้ทางผู้พัฒนาเกมได้ระบุว่า “เรื่องราวใน Final Fantasy VII Remake ถูกสร้างขึ้นในลักษณะที่มีปริศนาเบื้องหลังเหตุการณ์ต่าง ๆ สามารถเข้าใจได้ด้วยการเล่นเกม และไม่มีเจตนาที่จะเปลี่ยนแปลงอดีต ดังนั้นเรื่องราวของ Crisis Core: Final Fantasy VII Reunion จึงไม่ได้รับการแก้ไขในแง่ที่ว่าประวัติศาสตร์ได้เปลี่ยนไป”

ซึ่งจากบทสัมภาษณ์ด้านบนนี้ก็ชวนให้คิดว่า “หรือแท้จริงแล้วเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน Final Fantasy VII Remake (รวมไปถึงเกมในอนาคต) อาจจะพาเราไปสำรวจไทม์ไลน์ใหม่ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ต้องย้อนกลับมาที่ไทม์ไลน์เดิมอยู่ดี?” ยิ่งประกอบกับการที่ผู้พัฒนาเกมได้ระบุว่า “สาเหตุของความล่าช้าในการเปิดตัว Final Fantasy VII Rebirth เป็นเพราะเราไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นเกม 2 ภาค หรือไตรภาคดี” และ “Final Fantasy VII เวอร์ชั่นใหม่ไม่ใช่เรื่องราวสรุปของเกมเวอร์ชั่นดั้งเดิม” ซึ่งก็มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเรื่องราวนั้นจะดำเนินไปไม่ถึงตอนจบของเกมดั้งเดิม ซึ่งผู้เขียนคาดเดาว่าอาจจะจบที่ 1 แผ่น (ตอนที่ Aerith โดน Sephiroth สังหาร)

สำหรับข้อมูลที่น่าสนใจอื่น ๆ ที่มีการเปิดเผยภายในการสัมภาษณ์นี้ มีดังนี้

  • สาเหตุที่เลือกจะเรียกเกมนี้ว่า Rebirth ไม่ใช่ Remake 2 เพราะว่าทั้ง Remake และ Rebirth มีความหมายคล้ายกันคือ ‘เกิดใหม่’ นอกจากนี้ หากเราเรียกมันว่า Remake 2 อาจทำให้รู้สึกว่าจะมีภาค 3 , 4 , 5 และอื่น ๆ … ซึ่งหมายความว่า Final Fantasy VII Rebirth สามารถเพลิดเพลินได้อย่างเพียงพอด้วยตัวของมันเอง
  • โดยปกติเมื่อพูดถึงซีรีส์ Final Fantasy เฉพาะสมาชิกหลักเท่านั้นที่จะถูกรักษาไว้หลังจากจบเกม ในขณะที่พนักงานคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ย้ายไปที่ทีมอื่น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโปรเจกต์ Final Fantasy Remake ได้ตัดสินใจเปิดตัวในหลายส่วนตั้งแต่เริ่มต้น ทีมเดียวกันก็สามารถเริ่มทำงานในภาคต่อได้ โดยที่ยังคงการทำงานเป็นทีม ความรู้ และโมเมนตัมของพวกเขาไว้ ดังนั้นการพัฒนาจึงรวดเร็วมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก จึงไม่มีเวลาพักผ่อน และการพัฒนาก็ทำแบบเต็มสูบมาโดยตลอด แต่เราขอยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี
  • เราได้เริ่มดำเนินการในส่วนต่าง ๆ เช่น โครงเรื่องและฉากสำหรับภาคที่ 3 แล้ว
  • ตัวเกมจะเป็น Open-World หรือไม่นั้นจะมีการประกาศพร้อมกับข้อมูลในครั้งต่อไป
  • ฉากที่ Cloud และ Sephiroth เดินด้วยกันในตัวอย่างคือฉากย้อนอดีตของ Cloud
  •  มีการปรับตัวโมเดลละครบางตัว เช่น Yuffie ซึ่งเราได้ปรับเพิ่มเติมจาก Final Fantasy VII Remake Intergrade
  • ผู้เล่นจะได้พบกับความลึกลับใหม่ที่แตกต่างจาก Final Fantasy VII ดั้งเดิม ทำให้ผู้เล่นจากต้นฉบับจะสามารถสนุกกับเกมในรูปแบบใหม่ ความท้าทายของเราคือการรวมความลึกลับใหม่เหล่านั้นโดยไม่เบี่ยงเบนไปจากเดิม
  • แม้ว่าลำดับการเยี่ยมชมสถานที่บางแห่งอาจมีการเปลี่ยนแปลง แต่โดยพื้นฐานแล้วนโยบายของเราจะไม่ตัดทอนสิ่งใด
  • เกมนี้เป็นเกม Exclusive บน PS5 เนื่องจากคุณภาพกราฟิกและความเร็วในการเข้าถึง SSD เนื่องจากการผจญภัยแผ่ขยายออกไปในโลกอันกว้างใหญ่หลังจากการหลบหนีจาก Midgar ข้อมูลที่ต้องโหลดจึงมีปริมาณมาก ทีมงานรู้สึกว่าพวกเขาต้องการพลังของ PlayStation 5 เพื่อเอาชนะสิ่งนั้นและเดินทางไปทั่วโลกอย่างสะดวกสบาย

Final Fantasy VII: Rebirth มีกำหนดวางจำหน่ายบนเครื่องเล่น PlayStation 5 ภายในช่วงฤดูหนาวของปี 2023 (ธันวาคม 2023 – กุมภาพันธ์ 2024) เรียกได้ว่าไม่นานเกินรอสำหรับแฟน ๆ แถมมีช่วงทิ้งห่างจากการประกาศสั้นเกว่าเดิมด้วย ดังนั้นแฟน ๆ ที่กำลังรอคอยอยู่ก็อาจจะไปเล่นภาค Remake Intergrade ให้หายคิดถึงไปพลาง ๆ ส่วนโอกาสหน้า ThisIsGame Thailand จะมีอะไรมาแบ่งปันอีกนั้นว่าแล้วขอเชิญติดตามที่นี่เช่นเคยครับ

ที่มา
4gamer

Youryu

นักผจญเกมที่ไม่จำกัดประเภทและแพล็ตฟอร์ม
Back to top button