ถ้าใครเล่นเกม Final Fantasy VII Rebirth จบแล้วคงพอจับใจความได้ว่าเรื่องราวของเกมในตอนนี้เหลือเชื่อขนาดไหนกับพล็อตเรื่องโลกคู่ขนานของมัน คุณต้องมีเวลาว่างเยอะพอ ที่จะสืบค้นข้อมูล ปะติดปะต่อเรื่องราวเป็นชั่วโมงถึงจะตามเหตุการณ์ช่วงหลังของเกมทัน เพราะแค่การเล่นเกมนั้น ตัวเนื้อหามันเปิดกว้างให้ตีความหมายได้เยอะ และกระตุ้นให้เหล่าแฟนเกมวิเคราะห์กันว่า Part 3 จะออกมาเป็นยังไงและจะวางจำหน่ายเมื่อไหร่?
โชคดีที่การเปิดตัว Final Fantasy VII Rebirth Ultimania ซึ่งเป็นหนังสือสรุปข้อมูลรายละเอียดยิบย่อยเกี่ยวกับเกม และแผนการในอนาคตของ Square Enix ช่วยให้เรื่องนี้กระจ่างขึ้นมาก โดยได้รับการแปลจากผู้ใช้ Twitter อย่าง Aitaikimochi ทาง Ultimania ยืนยันแล้วว่าในเกมนั้นมีหลายจักรวาลจริง ๆ และเราได้สลับไปมาระหว่างหนึ่งในสองจักรวาลนี้เพื่อเป็นสักขีพยานความยากลำบากของ Cloud และ Zack
Kazushige Nojima ผู้เขียนบท Final Fantasy VII Rebirth อธิบายไว้ในเล่มนี้ว่ามีหลากหลายโลกในตัวเกม ไม่ใช่แค่สองโลกที่มีให้เราได้เห็นกัน ฟังดูอาจจะสับสนเล็กน้อย แต่ดูเหมือนเราจะได้คำตอบบางอย่างใน Part 3 นี่แหละ โดย Nojima สัญญาว่าจะเฉลยปมของ “หลากหลายจักรวาล” รวมถึงความลับของ Aerith กับมาทีเรียสีขาวของเธอด้วย
โลกใน Final Fantasy VII Rebirth หมุนรอบตราของเจ้าหมา Stamp
หนังสือ Ultimania อธิบายต่อว่ามีวิธีดูง่ายๆ ว่าในสถานการณ์ไหนเราอยู่โลกใดกันแน่ นั่นก็คือสายพันธุ์เจ้าตูบ Stamp มาสคอตของ Shinra นี่เอง โดยตั้งแต่เกมวางขายภาคแรกไปก็มีการตั้งทฏษฎีกันไว้แล้ว เพราะในโลกของ Zack, เจ้าหมา Stamp เป็นสายพันธุ์เทอร์เรียร์ ในขณะที่ฝั่งโลกของ Cloud มันเป็นบีเกิ้ล แต่ตอนนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นสิ่งที่ใช้แบ่งแยกแต่ละโลกอย่างชัดเจน ซึ่งในเล่มยังบอกด้วยว่านอกจากสองโลกที่เราได้เห็นกันไป ยังมีโลกอื่นๆ อีก โดยจะมีเจ้า Stamp เวอร์ชั่น ยอร์คเชียร์ เทอร์เรียร์, ปั๊ก, คอร์กี้ และ ชิวาวา ด้วย
เมื่อนับรวมโลกที่เราเห็นตอนจบเกม ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีเจ้า Stamp นั่นแสดงว่า Rebirth ได้วางปมเอาไว้กับเจ็ดโลกที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ฟังดูเหมาะเจาะมากเมื่อพูดถึงเกมนี้อยู่ (Final Fantasy VII) การวางแผนทุกอย่างให้เข้าใจง่ายและสอดคล้องกับเนื้อเรื่องใน Part 3 ตอนนี้ก็ได้แต่คาดเดา แต่ขอหวังว่ามันคงไม่ซับซ้อนเท่าตอนจบของภาค Rebirth นะ ช่วยให้เรื่องมันชัดเจนทีเถอะ Nojima!
