Final Fantasy VII Rebirth วางจำหน่ายบนเครื่อง PlayStation 5 เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาพร้อมคำวิจารณ์อันยอดเยี่ยม ตัวอย่างเช่นบทวิจารณ์บนเว็บไซต์ IGN ที่มอบคะแนนให้สูงถึง 9/10 แต่หลังจากวางขายมาแล้วสักพัก ก็เกิดเสียงถกเถียงเกี่ยวกับความสำเร็จทางด้านยอดขาย หรือเรียกว่าความไม่สำเร็จดีละ?
จนถึงตอนนี้ ทาง Square Enix ยังไม่ได้ประกาศยอดขายของภาค Rebirth ซึ่งเป็นภาคที่สองของซีรีส์เกมรีเมคจาก Final Fantasy VII ต้นฉบับ จุดนี้ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะตามปกติทางค่ายจะรีบประกาศยอดขายเกม Final Fantasy ภาคใหม่ๆ อยู่เสมอ ยกตัวอย่าง Final Fantasy XVI เกมเอ็กซ์คลูซีฟ PS5 เช่นเดียวกัน ที่ประกาศว่าสามารถขายได้กว่า 3 ล้านชุดในสัปดาห์แรกที่เปิดตัว หรือย้อนไปก่อนหน้านั้น Final Fantasy VII Remake เวอร์ชั่น PlayStation 4 เปิดตัวเมื่อเมษายน 2020 ก็ประกาศด้วยว่ามียอดขายทะลุ 3.5 ล้านในสามวัน และ Final Fantasy XV ที่สามารถขายได้ 5 ล้านชุดภายในวันแรกที่เปิดตัว (แต่อันนั้นวางจำหน่ายพร้อมกันทั้ง PS4 และ Xbox One ในเดือนพฤศจิกายน 2016) จนถึงตอนนี้ยังคงเป็นเกมที่มีสถิติยอดขายเร็วที่สุดในซีรีส์ Final Fantasy
ปัจจุบัน Square Enix ยังคงเงียบกริบเรื่องยอดขายของภาค Rebirth ตอนนี้วางจำหน่ายมาเกือบสองเดือนแล้ว หากดูจากพฤติกรรมก่อนๆ ของทางค่ายเกม หากภาค Rebirth มีสถิติยอดขายที่ดี เราคงได้เห็นประกาศออกมาตั้งนานแล้ว
เสียงถกเถียงเรื่องยอดขายดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อ Daniel Ahmad นักวิเคราะห์การตลาดและข้อมูลเชิงลึก จาก Niko Partners ทวีตข้อความว่าภาค Rebirth “มียอดขายต่ำกว่าที่คาด” โดยขายได้ราวๆ ครึ่งเดียวของภาค Remake ในช่วงเวลาเดียวกัน และเสริมอีกว่าดูเหมือนเส้นกราฟยอดขายของ Rebirth ก็กำลังดิ่งลงเมื่อเทียบกับ Remake
ในอังกฤษ Christopher Dring ผู้บริหารเว็บไซต์ GamesIndustry.biz รายงานว่ายอดขายวันแรกของภาค Rebirth ต่ำกว่า Remake 34% แต่สูงกว่า Final Fantasy XVI อยู่ 6% เรียกว่าเป็นภาพรวมในตลาดอังกฤษที่ค่อนข้างสับสน
แล้วที่ญี่ปุ่นล่ะ? สำหรับที่ญี่ปุ่น เรามีข้อมูลยอดขายเกมแบบแผ่น แต่ไม่มีข้อมูลการดาวน์โหลด แต่หากดูเฉพาะยอดขายเกมแบบแผ่น เราจะเห็นได้ว่า Rebirth มีช่วงเวลาเปิดตัวที่ยากลำบากเมื่อเทียบกับเกม Final Fantasy ภาคอื่นๆ ภาค Rebirth ติดอันดับที่สองของเกม PS5 ที่เปิดตัวยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น รองจาก Final Fantasy XVI ด้วยยอดขาย 262,656 ชุด ตามหลัง Final Fantasy XIV ที่ขายได้ 336,027 ชุด แต่ภาพจะหม่นลงมาทันทีเมื่อไปเทียบกับเกม Final Fantasy ภาคอื่นๆ ยกตัวอย่าง Final Fantasy VII Remake เปิดตัวในญี่ปุ่นด้วยยอดขาย 702,853 ชุด และ Final Fantasy 15 มียอดขายเปิดตัว 716,649 ชุด
เหล่าผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ยอดขายของ Final Fantasy VII: Rebirth ว่าอย่างไร?
เนื่องจากทาง Square Enix ไม่มีการประกาศยอดขาย เราคงทำได้เพียงคาดเดากันไปก่อน และสอบถามความคิดเห็นจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญ คุณ Dring จาก GamesIndustry.biz ได้พูดถึงข้อมูลยอดขายในอังกฤษเพิ่มเติมว่าภาค Remake ซึ่ง Rebirth ถูกนำไปเปรียบเทียบด้วยนั้น วางจำหน่ายบนเครื่องเล่นที่มีฐานผู้เล่นใหญ่กว่า (PS4) และอยู่ในช่วงที่มีการล็อกดาวน์จาก Covid ทำให้ยอดขายเกมและจำนวนผู้เล่นพุ่งสูงขึ้นอย่างผิดปกติ ภาค Rebirth กลับต้องมาเปิดตัวบนเครื่อง PS5 ที่มีฐานผู้เล่นน้อยกว่า แถมสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายคนไม่พร้อมจะซื้อเกมระดับราคา $70
มีความเป็นไปได้อีกอย่างคือผู้บริโภคอาจมีความสับสนในตลาดเกม Final Fantasy VII Rebirth คือเกมภาคที่สองของซีรีส์รีเมคที่อาจทำให้ลูกค้าทั่วไปเข้าใจได้ยาก Final Fantasy VII Remake ตั้งชื่อตรงตัวและเข้าใจง่าย แต่พอเป็นเกมต่อภาคที่สอง แถมมีคำว่า Rebirth อาจจะสร้างความกังวลให้ Square Enix ในด้านการตลาด
ทาง IGN ได้สอบถาม Louise Wooldridge นักวิเคราะห์จาก Ampere Analysis เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Final Fantasy VII Rebirth ซึ่งเธอได้บอกว่าข้อมูลต่อไปนี้อาจจะไม่ถูกต้องนักเพราะรวมผู้เล่นตัวอย่างเกม Final Fantasy VII Rebirth ที่ยังคงดาวน์โหลดได้จาก PlayStation Store อยู่
โดยจากข้อมูลของ Ampere Analysis ภาค Rebirth คือเกมที่มีจำนวนผู้เล่นสูงสุดอันดับเจ็ดในแพลตฟอร์ม PS5 เมื่อเดือนมีนาคม พ่ายแพ้ให้กับ Helldivers 2 รวมถึงเกมดังๆ อื่นๆ ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์หลังวางจำหน่าย ตัวเกมเคยติดอันดับที่สี่ของเกมที่มีผู้เล่นต่อวันมากที่สุดบน PS5 เอาชนะเกมอย่าง GTA V, Apex Legends, Helldivers 2, และ Roblox แต่แพ้ให้กับ Call of Duty, Fortnite, และ EA Sports FC 24 ซึ่งคุณ Wooldridge บอกว่าหลังจากนั้นจำนวนผู้เล่นภาค Rebirth ลดลงอย่างเห็นได้ชัด “ตามที่เกมแนวเล่นคนเดียวเป็นอยู่แล้ว”
สิ่งที่น่าสนใจคือประเทศที่ครองตลาดหลักของ Rebirth คือ สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, อังกฤษ, เยอรมันนี, แคนาดา, และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นภาพเดียวกันกับ Final Fantasy XVI แต่มีจำนวนน้อยกว่า ผู้เล่นในสหรัฐคิดเป็นหนึ่งในสามของจำนวนผู้เล่นทั่วโลก และญี่ปุ่นมีผู้เล่นอีกเกือบหนึ่งในสี่
สิ่งที่เห็นได้ชัดคือคนที่ซื้อ Rebirth ไปนั้นติดพันงอมแงมจริงๆ ในเดือนมีนาคม Rebirth คือเกมบน PlayStation และ Xbox ที่มีผู้เล่นกลับมาเล่นซ้ำต่อเนื่องมากที่สุด โดยเฉลี่ยผู้เล่นจะเปิดเกมเล่น 12 วันต่อเดือน ซึ่งสูงกว่า Helldivers 2 ถึง 36% และ Fortnite (เฉพาะ PS5) ถึง 40% “ถึง Rebirth จะมีผู้เล่นน้อยกว่าเกมคู่แข่ง แต่คนที่เล่นก็มีความตั้งใจที่จะเล่นจนจบจริงๆ หวนกลับมาเล่นแทบทุกวันและใช้เวลากับตัวเกมนานมากๆด้วย” Wooldridge กล่าว
เวลาเฉลี่ยที่ผู้เล่นทั่วโลกใช้กับตัวเกมก็สูงมากเช่นกัน โดยอยู่ที่ราวๆ 55 ชั่วโมง ซึ่งสูงกว่าเกมอื่นๆ ในเดือนเดียวกันอย่างไม่เห็นฝุ่น รวมถึงเกมออนไลน์ในแฟรนไชส์เดียวกันอย่าง Final Fantasy XIV ด้วย เรื่องที่น่าสนใจคือในช่วงสามเดือนก่อนที่ Rebirth จะวางจำหน่าย Ampere ได้เห็นจำนวนผู้เล่น Final Fantasy VII Remake บน PS5 เพิ่มขึ้นราวๆ 4.5 เท่า และแตะสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ (เดือนที่ Rebirth วางจำหน่าย) เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีผู้เล่นมากมายที่ขุดภาค Remake มาเล่นให้จบก่อนที่จะผจญภัยต่อในภาค Rebirth
แล้วข้อมูลเหล่านี้บอกอะไรกับเราได้บ้าง?
“ถ้าจะมองในแง่เกมเล่นคนเดียว ฉันก็ไม่อยากจะถึงขั้นบอกว่าเกมนี้กำลังประสบปัญหาหรอกนะคะ” Wooldridge กล่าว “เห็นชัดว่าเกมนี้มีฐานแฟนที่เหนียวแน่นและชื่นชอบเกมมากๆ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าภาคนี้มีปัจจัยจำกัดอยู่หลายอย่างเมื่อเทียบกับภาค Remake ที่ออกมาก่อน เช่น ฐานผู้เล่นที่มีขนาดเล็กลง (เฉพาะเครื่อง PS5 และเป็นช่วงต้นของวงจรชีวิตเครื่องคอนโซลเมื่อเทียบกับตอน Remake ออกบน PS4) และความจริงที่ว่านี่เป็น ‘ภาคต่อ’ ไม่ใช่เกมใหม่หรือเกมแบบเล่นจบในตัวเอง (แบบ FF16) เพราะฉะนั้นมันจึงยากที่จะเปรียบเทียบกันตรงๆ – เราคงต้องคาดหวังการเปิดตัวของ Rebirth ไว้ต่ำกว่า Remake เมื่อดูจากสถานการณ์ทั้งหมดที่ฉันพูดถึง”
สมมติว่า Rebirth มียอดขายไม่เข้าเป้าอย่างที่ Square Enix คาดไว้ จะเกิดอะไรขึ้น? จากบทสนทนาของ IGN กับแหล่งข่าววงในอุตสาหกรรมเกม ปกติแล้วหากเกมภาคสองในไตรภาคทำยอดขายได้แย่มาก ค่ายเกมมักจะกลับมาพิจารณาเรื่องงบประมาณพัฒนาของภาคสุดท้าย และอาจมีการปรับเปลี่ยนเกิดขึ้น ทาง Square Enix ยังไม่ได้มีการพูดเป็นนัยว่าขอบเขตของเกมภาคที่สามในไตรภาค Final Fantasy 7 Remake จะได้รับผลกระทบจากยอดขายของ Rebirth แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าค่ายเกมยักษ์ใหญ่กำลังวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอย่างจริงจังเพื่อหาแนวทางสำหรับอนาคตข้างหน้า
ขณะเดียวกัน ยอดขายของ Final Fantasy VII Rebirth อาจจะกระเตื้องขึ้นได้ ถ้านับรวมการวางจำหน่ายเวอร์ชั่น ‘Intergrade’ ที่อัพเกรดกราฟฟิกบน PC เหมือนที่เคยทำกับ Final Fantasy VII Remake และถ้าเครื่อง PS5 Pro ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ บทสรุปของยอดขาย Rebirth อาจจะออกมาดีกว่าที่คาดไว้ คำถามที่ยังค้างคาสำหรับ Square Enix ก็คือ จะดีแค่ไหนกัน?