7 Starter Deck กับจุดเด่นของแต่ละสายในเกม Shadowverse: Worlds Beyond
แต่ละ Deck ทำอะไรได้ รู้และเข้าใจด้วยคอนเซ็ปต์ง่าย ๆ แล้วจะเล่นสบายขึ้น

สวัสดีเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่าน หากคุณเพิ่งเริ่มต้นเล่น Shadowverse: Worlds Beyond แล้วกำลังรู้สึกสับสนกับคำศัพท์เฉพาะหรือไม่รู้จะเลือกเล่นสายไหนดี บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจภาพรวมของ 7 Starter Deck แต่ละสายได้ง่ายขึ้น ผ่านคอนเซ็ปต์พื้นฐานที่ย่อยง่ายและเข้าถึงได้ แม้ไม่เคยเล่นเกมการ์ดมาก่อนก็สามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว เพราะแต่ละ Deck ถูกออกแบบมาให้มีเอกลักษณ์เด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นสายจั่วไว บุกเร็ว หรือวางแผนระยะยาว ทุกสายมีสไตล์เฉพาะตัวที่จะตอบโจทย์ผู้เล่นต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว ถ้าเข้าใจแก่นของแต่ละ Deck ได้ตั้งแต่ต้น รับรองว่าเส้นทางการเล่นจะสนุกขึ้น เล่น Deck ไหนก็จะเป็นงานได้ไวมากยิ่งขึ้นแน่นอน ไปชมกันเลย
1. Forestcraft – สายต้นเกม Low-cost ลงไว

จุดเด่นของ Forestcraft คือการเน้นใช้การ์ดคอร์สต่ำจำนวนมากเพื่อสร้างแรงกดดันในช่วงต้นเกม โดยระบบหลักที่ทำให้เด็คนี้โดดเด่นคือ “Combo” ซึ่งจะให้โบนัสพิเศษเมื่อมีการ์ดถูกเล่นหลายใบในเทิร์นเดียว ผู้เล่นจึงต้องบริหารมือให้ดี เพื่อสามารถร่ายการ์ดได้ต่อเนื่อง 2-3 ใบขึ้นไปในแต่ละรอบ ยิ่งเล่นหลายใบยิ่งเปิดคอมโบได้แรง เช่น การเพิ่มพลัง โจมตีซ้ำ หรือเรียกยูนิตเสริม การจัดเด็คจะเน้นการ์ด 1-2 cost เป็นหลัก ทำให้สามารถเติมสนามได้รวดเร็ว กดดันคู่แข่งก่อนที่อีกฝ่ายจะตั้งเกมได้ทัน เหมาะกับผู้เล่นสายบุกไว ชอบจบเกมก่อนเทิร์น 8 โดยไม่ต้องวางแผนระยะยาวมากนัก แถมไม่เปลืองเวลาด้วยครับ
2. Swordcraft – กลยุทธ์พื้นฐาน เติมสนามให้เต็มแล้วแลกหมัด

Swordcraft เป็นเด็คสายสมดุลที่เข้าใจง่ายและเหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะใช้คอนเซ็ปต์การต่อสู้แบบตรงไปตรงมา นั่นคือ “เติมสนามให้แน่น แล้วบุกเป็นชุด” จุดเด่นคือความสามารถในการเรียกยูนิตหลายตัวในเทิร์นเดียว ทั้งจากการ์ดติดตัวที่อัญเชิญพวกพ้อง หรือจากคำสั่งที่เสริมกำลังให้ยูนิตพร้อมกันหลายตัว ระบบหลักของเด็คนี้คือการเสริมพลังกันเอง ทำให้สามารถจัดทีมรุกที่แข็งแรงในช่วงกลางเกมได้ดี เด็คนี้เน้นการควบคุมจังหวะสนามด้วยการแลกยูนิตให้ได้เปรียบ และโจมตีเป็นชุดพร้อมปิดเกมอย่างรวดเร็วในเทิร์น 6-8 เหมาะกับผู้เล่นที่ชอบความชัดเจน ไม่ต้องคอมโบซับซ้อน แต่เน้น มากันเป็นทีมแล้วตีพร้อมกันครับ
3. Runecraft – สายยิงเวทย์สะสม Spellboost

Runecraft เป็นเด็คสายเวทมนตร์ที่เน้นการวางแผนระยะยาวด้วยระบบ “Spellboost” ซึ่งจะลดค่าร่ายของการ์ดเวทย์หรือเพิ่มพลังเมื่อคุณเล่นเวทย์ใบอื่นก่อนหน้านั้น ยิ่งคุณร่ายเวทย์บัฟมากเท่าไร การ์ดหลัก ๆ ก็จะยิ่งเก่งขึ้นตาม เช่น เวทย์ยิงแรงขึ้น แต้มอัญเชิญถูกลง หรือเรียกยูนิตใหญ่ฟรีในช่วงท้ายเกม รูปแบบการเล่นจึงต้องอาศัยการจัดลำดับการ์ดอย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มจากช่วงต้นเกมใช้เวทย์เบา ๆ สะสมบูสต์ แล้วค่อยระเบิดพลังในเทิร์นกลางถึงท้ายเกม จุดแข็งของเด็คนี้คือคอมโบแรงแบบพุ่งเดียวจบ หรือการเคลียร์สนามด้วยเวทย์วงกว้าง เหมาะกับผู้เล่นที่ชอบการวางแผน คิดล่วงหน้า และเล่นเกมแบบปั้นมือให้พร้อม แล้วปล่อยเวทย์ทีเดียวให้คู่แข่งตั้งตัวไม่ทันครับ
4. Dragoncraft – เพิ่ม Play Points ลงตัวใหญ่ก่อนศัตรู

Dragoncraft เป็นเด็คสายพลังที่เน้นการ เร่ง Play Points (PP) เพื่อร่ายการ์ดใหญ่ก่อนศัตรู โดยระบบเฉพาะตัวที่เรียกว่า “Ramp” จะช่วยให้ผู้เล่นมี PP มากกว่าศัตรูในช่วงเทิร์นเดียวกัน ทำให้สามารถอัญเชิญยูนิตขนาดใหญ่หรือใช้เวทย์รุนแรงได้ตั้งแต่กลางเกม จุดเด่นของเด็คนี้คือการควบคุมเกมด้วยพลังยูนิตที่เหนือกว่า ทั้งในด้านพลังชีวิต การโจมตี และความสามารถพิเศษ เช่น ต้านเวทย์ ป้องกันการถูกทำลาย หรือบัฟตัวเองหลังโจมตี นอกจากนี้ยังมีระบบ Overflow ที่เปิดใช้งานเมื่อคุณมี PP เกิน 7 ขึ้นไป ทำให้การ์ดบางใบมีความสามารถพิเศษเพิ่มเติม เหมาะกับผู้เล่นที่ชอบสายควบคุม สนุกกับการปั้นมังกร แล้วปล่อยลงมาถล่มคู่ต่อสู้แบบตัวเดียวเปลี่ยนเกมได้เลยในพริบตา
5. Abysscraft – สายเกิดใหม่ ชุบชีวิต ยิ่งตายยิ่งเทพ

Abysscraft เป็นเด็คที่เล่นกับ “ความตาย” อย่างชาญฉลาด โดยใช้คอนเซ็ปต์ “ยิ่งตาย ยิ่งแข็งแกร่ง” ผ่านระบบหลักอย่าง Last Words (ความสามารถที่ทำงานเมื่อยูนิตตาย) และ Necromancy (ใช้สุสานเพื่อจ่ายค่าสกิลพิเศษ) ผู้เล่นจะเน้นการปั๊มสุสานให้เต็มเร็วที่สุด ผ่านการ์ดที่เรียกยูนิตออกมาถี่แล้วปล่อยให้ตาย เพื่อเปิดคอมโบจากยูนิตใหม่ที่มีความสามารถฟื้นคืนชีพ หรือ บัฟตัวเองจากจำนวนการ์ดที่ตายไปแล้ว จุดเด่นคือการกลับเกมจากสถานการณ์ที่ดูเสียเปรียบ ด้วยการชุบยูนิตหลายตัวขึ้นมาพร้อมกัน หรือปิดเกมด้วยเวทย์ที่ใช้ Necromancy รุนแรง เหมาะกับผู้เล่นที่ชอบแนวตั้งรับแล้วโต้กลับ ชื่นชอบความวุ่นวายบนบอร์ด และมีความอดทนต่อเกมที่ต้องปั้นสนามแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อระเบิดทีเดียวในท้ายเกม
6. Havencraft – วางไอเทมบนฟีลด์แล้วสังเวยตัวเอง

Havencraft เป็นเด็คสายคุมจังหวะเกมที่โดดเด่นด้วยระบบ Countdown Amulet ซึ่งเป็นไอเทมพิเศษที่วางบนฟีลด์แล้วจะทำงานหลังผ่านไปตามจำนวนเทิร์นที่กำหนด หรือสามารถเร่งให้ทำงานไวขึ้นได้ด้วยการ Engage (สังเวยยูนิตตัวเอง) เพื่อแลกกับผลลัพธ์ที่ทรงพลัง เช่น เรียกยูนิตเทพลงสนาม เคลียร์บอร์ด หรือฟื้นฟูพลังชีวิต จุดเด่นของเด็คนี้คือการวางแผนล่วงหน้าและบริหารจังหวะได้แม่นยำ ผู้เล่นต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควรวาง Amulet เมื่อไหร่ควรเร่งนับถอยหลังผ่านการแลกยูนิตหรือใช้เวทย์เสริม การ์ดหลายใบยังสามารถผสมผสานกับคำสั่ง Devotion หรือ Holy เพื่อสร้างคอมโบต่อเนื่อง เหมาะกับผู้เล่นที่ชอบเล่นแบบวางหมาก หาจังหวะพลิกสถานการณ์ และคุมเกมด้วยการ “บูชายัญ” เพื่อเรียกพลังที่ใหญ่กว่านั้นกลับมา
7. Portalcraft – นักประดิษฐ์ปั้นหุ่นยนต์บนมือ

Portalcraft คือเด็คสายเทคโนโลยีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยระบบ “Resonance” และการ์ดประเภท Artifact ที่สามารถเรียกใช้แบบต่อเนื่อง โดยคีย์เวิร์ดสำคัญของเด็คนี้คือการ ควบคุมลำดับการจั่ว และ ปั้นมือ ให้มี Artifact แบบที่ต้องการในเวลาที่เหมาะสม จุดเด่นของ Portalcraft คือความสามารถในการ “สร้าง” ยูนิตเฉพาะทางในมือ เช่น หุ่นยนต์โจมตีเร็ว เคลียร์บอร์ด หรือบัฟตัวอื่น แล้วเลือกเรียกออกมาในจังหวะที่ได้เปรียบ ผู้เล่นต้องวางแผนล่วงหน้าให้ดีว่าจะให้การ์ดไหนอยู่ในเด็ค การ์ดไหนจะถูกสร้างขึ้นมาถือ เหมาะกับผู้เล่นสายวางแผน ชอบควบคุมทรัพยากร และสนุกกับการ “แกะสูตร” เพื่อสร้างชุดคอมโบของตัวเองแบบเฉพาะกิจในแต่ละแมตช์

ทั้ง 7 Starter Deck ใน Shadowverse: Worlds Beyond นั้นถูกออกแบบมาให้มีเอกลักษณ์ชัดเจนและเหมาะกับสไตล์การเล่นที่หลากหลาย ไม่ว่าคุณจะชอบบุกไว เล่นเวทย์หนัก คุมจังหวะ หรือสร้างคอมโบซับซ้อน ก็สามารถเลือกเด็คที่เข้ากับตัวเองได้ง่ายขึ้นเมื่อเข้าใจคอนเซ็ปต์พื้นฐานของแต่ละสาย หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้การเริ่มต้นของคุณราบรื่นขึ้น และสนุกกับการสำรวจโลกการ์ดใบใหม่ไปพร้อม ๆ กับ Deck แรกที่ใช่สำหรับคุณครับ
ดาวน์โหลดเกม