5 สิ่งที่ผู้เล่นควรไตร่ตรองก่อนซื้อเกม (STEAM) ในยุคนี้
ซื้อเกมได้แค่ซื้อสิทธิ์การเข้าถึง จะคุ้มไม่คุ้มต้องคิดให้ดี

สวัสดีเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่านนะครับ ในแวดวงเกมตอนนี้ก็ได้มีอีกหนึ่งข่าวที่สะเทือนขวัญผู้เล่นในแพลตฟอร์มร้านค้า STEAM กันอย่างล้นหลาม เมื่อกฎหมายใหม่ได้มีการบังคับให้ STEAM ขึ้นข้อความเตือนผู้เล่นก่อนซื้อเกมว่าเกมที่ซื้อไปนั้นเป็นเพียงสิทธิ์การเข้าถึงเท่านั้น ไม่ใช่เจ้าของเกมแต่อย่างใด ซึ่งมันก็เป็นอย่างนี้มานานแล้วแต่เพิ่งจะมีการแสดงให้เห็นอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งก็มีทั้งผู้เล่นที่เข้าใจและไม่เข้าใจ ทำให้การซื้อเกมของยุคนี้ต้องเต็มไปด้วยความระมัดระวังแต่ต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนจะซื้อครับ เราไปดูกันดีกว่าว่าก่อนซื้อเกมในยุคนี้เราควรคิดถึงในแง่ไหนบ้าง
5 สิ่งที่ผู้เล่นควรไตร่ตรองก่อนซื้อเกมในยุคนี้
1. ราคาของเกมแพงขึ้นทุกวัน คุ้มไหมที่ได้แค่สิทธิ์ชั่วคราว

ราคาของเกมในยุคนี้ก็แพงขึ้นทุกวัน เห็นได้ชัดว่าเกมระดับ AAA เริ่มจะมีการปรับราคาขึ้นสู่หลัก 2,000 ขึ้นไปหลายเจ้าหลายเกมแล้ว และถ้าเราจะซื้อเกมที่แพงระดับนั้น ควรมาคิดคำนึงว่ามันคุ้มแล้วหรือไม่ที่จะได้เพียงแค่สิทธิ์การเข้าถึงเกมเพียงอย่างเดียว หรือเราควรจะซื้อเกมที่มีราคาถูกกว่านี้หรือเปล่า หรือจะรอให้ STEAM ลดราคาลงแล้วค่อยซื้อหรือเปล่า อันนี้ก็ต้องช่างน้ำหนักระหว่างเงินที่มีในกระเป๋า ความอยากเล่น และความเสี่ยงที่อาจจะถูกถอดเกมออกจากคลังได้ทุกเวลา อันนี้ความคุ้มไม่คุ้มก็จะอยู่ที่ตัวบุคคลแล้วล่ะครับ
2. ความมั่นคงของค่ายเกมที่ผลิตเกม

เดี๋ยวนี้การที่เราจะซื้อเกมสักเกมมันไม่ใช่แค่ซื้อแล้วก็จบเหมือนซื้อแผ่นเกมสมัยก่อน การซื้อเกมในแพลตฟอร์ม Digital เราจะต้องมาดูเรตติ้งของค่ายเกมที่ผลิตเกมนั้น ๆ ว่าปัจจุบันมันยังดูดีอยู่ไหม มีปัญหาดราม่าอะไรกันหรือเปล่า เกมที่เรากำลังจะซื้อมีคนบ่นหรือออกมาโวยวายอะไรจนมีโอกาสทำให้เขาจะยึดเกมคืนหรือเปล่า ยกตัวอย่างสิ่งที่เกิดขึ้นคือ Ubisoft ประกาศลบ The Crew ออกจากคลังของผู้เล่น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ผู้เล่นที่เสียเงินซื้อเกมนั้นไปแล้วไม่สามารถทำอะไรกับการตัดสินใจครั้งนี้ได้เลย นั่นหมายความว่าจะซื้อเกมอะไรนอกจากต้องดูเกมแล้วยังต้องดูค่ายด้วยครับ
3. ความมั่นคงของร้านค้าที่ขายเกม

นอกจากเรื่องราคาของเกมและเรื่องค่ายเกมที่เราต้องไตร่ตรองแล้ว ยังมีเรื่องของแพลตฟอร์มร้านค้าที่เราซื้อเกมอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันนอกจาก STEAM แล้วมันก็ยังมีอีกหลายเจ้าเลยที่ให้บริการแบบนี้ แต่ถึงแม้มันจะดูไกลตัวว่า “STEAM จะปิดให้บริการ” ซึ่งมันอาจจะฟังดูเป็นไปได้ยากในวันนี้ แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งที่ STEAM หรือร้านค้าที่คุณซื้อเกมไว้ปิดให้บริการขึ้นมา นั่นหมายความว่าเกมทุกเกมที่คุณซื้อเก็บไว้ทั้งหมดจะหายไปตลอดการ เพราะฉะนั้นก่อนจะซื้อเกมที่แพลตฟอร์มไหน ควรตัดสินใจให้ดีก่อนซื้อครับ จะ STEAM, Epic Store, Xbox, EA, Ubisoft, GOG หรืออื่น ๆ ก็เลือกที่ตัวเองมั่นใจครับ
4. หากกังวลควรซื้อแบบ Physical มากกว่า Digital

ถึงแม้ปัจจุบันการซื้อแบบ Physical จะหมดความนิยมไปแล้วในปัจจุบัน และเครื่องอ่านแผ่นก็คงถูกถอดออกไปจาก PC หลาย ๆ เครื่องแล้ว แต่สำหรับเครื่อง Console นั้นก็ยังมีการเล่นผ่านแผ่นอยู่เหมือนเดิมถึงแม้ว่าจะมีเวอร์ชั่น Digital แล้วก็ตาม กลายเป็นว่าในความกังวลเกี่ยวกับเกมมันเพิ่มมากขึ้น การซื้อแผ่นเกมมาเล่นใน Console กลับตอบโจทย์ความปลอดภัยในความเป็นเจ้าของมากกว่า ถ้าใครอยากรู้สึกว่าการซื้อเกมมาเล่นนั้นเราได้เป็นเจ้าของในตัวแผ่นนั้นจริง ๆ ก็ควรเลือกซื้อแบบ Physical มากกว่า Digital ครับ
5. ทำใจล่วงหน้าเลยว่าถ้าเกมหายไปก็รับได้

อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาทางใจได้ก็คือการเปิดใจยอมรับมันให้ได้ครับ เพราะเอาเข้าจริงสิ่งที่ STEAM ประกาศมาไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่แล้วตั้งแต่แรก เพียงแค่ประกาศขึ้นมาให้เห็นชัดเจนเท่านั้นเอง ดังนั้นไม่ว่าเราจะทำยังไงก็แก้ไขอะไรไม่ได้ นอกจากทำใจยอมรับมันเพื่อให้เกิดความสะดวกต่อการจ่ายเงินซื้อ แต่ก่อนที่จะซื้อเกมเราควรมีการช่างน้ำหนักภายในใจก่อนก็ดีว่า เกมราคาเท่านี้ เราจะเล่นกี่ชั่วโมง เล่นจบแล้วต่อให้ถูกลบเกมออกจากคลังไปเราก็ไม่เสียดายเงินตรงส่วนนี้ ถ้าเราสามารถยอมรับตรงส่วนนี้ได้ การซื้อเกมแบบ Digital ก็จะดำเนินไปแบบเดิมที่เราเคยเป็นครับ
และนี่คือ “5 สิ่งที่ผู้เล่นควรไตร่ตรองก่อนซื้อเกมในยุคนี้” หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่านนะครับ โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าเรื่องนี้ไม่ได้น่าแปลกใจอะไรเท่าไหร่เพราะมันก็ไม่ต่างอะไรกับการเติมเงินในเกม Online การซื้อ Battle Pass หรือการจ่ายเงินเปิดกาชาภายในเกม เพราะเกมเหล่านี้ถ้าปิดให้บริการขึ้นมา สิ่งที่จ่ายไปทั้งหมดก็จะเสียไปเช่นกัน แค่ต้องคิดให้รอบคอบก่อนซื้อเกม ๆ หนึ่งเท่านั้นเอง 🙂