แม้ว่าระบบการต่อสู้ภายในเกม Final Fantasy VII Rebirth นั้นจะมีความใกล้เคียงกับ Final Fantasy VII Remake อยู่พอสมควร แต่ภายในเกมนี้ก็มีการเพิ่มระบบใหม่ ๆ เข้ามาให้เราได้ใช้งานกันอยู่พอสมควร และเพื่อให้การเล่นเกมภาคใหม่ของทุกคนราบรื่นมากยิ่งขึ้น ในวันนี้เราก็ได้รวบรวม 5 เทคนิคในการเอาชนะทุกการต่อสู้มาให้ทุกคนได้ติดตามกันครับ
5 เทคนิคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้ภายใน Final Fantasy VII Rebirth
1. การบล็อกคือรูปแบบการป้องกันที่ดีที่สุด
แม้ว่า Final Fantasy VII Rebirth จะมีระบบต่อสู้แบบผสมผสานแอ็กชั่นและการใช้คำสั่ง แต่มันก็ไม่ใช่เกมแอ็กชั่นแบบเต็มรูปแบบที่ผู้เล่นสามารถหลบหลีกทุกการโจมตีและไม่เสียเลือดเลยในทุกการต่อสู้ วิธีการป้องกันหลักและมีประสิทธิภาพที่สุดของผู้เล่นคือการบล็อกนั่นเอง
ภายในเกมนี้ผู้เล่นไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเสียหายได้โดยตรง เพราะระบบการหลบไม่ทำงานในลักษณะนั้น ศัตรูส่วนใหญ่จะยังคงโจมตีผู้เล่นได้แม้ว่าผู้เล่นจะกดปุ่มหลบซ้ำ ๆ ก็ตาม โชคดีที่ผู้เล่นสามารถใช้การป้องกันเพื่อลดความเสียหายที่ได้รับจากการโจมตีทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีทางกายภาพหรือเวทมนตร์ การบล็อกช่วยลดความรุนแรงของการโจมตีได้ตั้งแต่โจมตีเบาไปจนถึงโจมตีหนัก
และสิ่งที่ดีที่สุดก็คือเมื่อผู้เล่นกดป้องกันได้ถูกจังหวะจะทำให้เกิดการ “บล็อกอย่างแม่นยำ” ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลไกสำคัญใน Final Fantasy 7 Rebirth หากผู้เล่นสามารถบล็อกการโจมตีได้ในจังหวะสุดท้าย ผู้เล่นจะไม่เสียเลือด อีกทั้งยังสามารถป้องกันการกระเด็นจากแรงโจมตี และยังเติมเกจ ATB ได้อีกด้วย (หรือเรียกได้ว่าแทบจะไร้เทียมทานเลยก็ว่าได้) ทำให้การฝึกฝนการบล็อกให้สมบูรณ์แบบนั้นสำคัญมาก ๆ ฉะนั้นผู้เล่นควรสังเกตการเคลื่อนไหวของศัตรูเพื่อที่จะบล็อกการโจมตีได้อย่างแม่นยำ แต่ถ้าหากผู้เล่นไม่มั่นใจในจังหวะนั้น การบล็อกธรรมดา ๆ ก็เพียงพอแล้ว
และในเมื่อการบล็อกเป็นสิ่งสำคัญ เราจึงขอแนะนำอย่างยิ่งให้ติดตั้ง Steadfast Block Materia ให้กับสมาชิกทุกคนในปาร์ตี้ เพราะมันช่วยลดความเสียหายที่ได้รับและเพิ่มแถบ ATB ขณะป้องกัน เรียกได้ว่าเป็น Materia ที่มีประโยชน์คุ้มค่าแก่การติดตั้งให้กับทุกตัวละครที่สุด
2. การสลับตัวละครคือกุญแจสำคัญ
ผู้เล่นสามารถเลือกควบคุมตัวละครโปรดในปาร์ตี้ของผู้เล่นได้ในการต่อสู้ อย่างไรก็ตามเราไม่แนะนำให้ควบคุมตัวละครเพียงตัวเดียวตลอดทุกการต่อสู้ เนื่องจากตัวละครที่ควบคุมโดย AI จะใช้เพียงการโจมตีพื้นฐาน การบล็อก และการหลบเท่านั้น นอกจากนี้ พวกมันยังสะสมแถบ ATB ได้ช้ากว่าขณะที่ผู้เล่นไม่ได้ควบคุมโดยตรง และถึงแม้ว่าผู้เล่นจะสามารถบังคับให้ AI ใช้ความสามารถพิเศษผ่านการติดตั้ง Materia เฉพาะทางได้ แต่ก็เท่ากับว่าผู้เล่นกำลังเสียช่อง Materia อันมีค่าไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็นจริง ๆ ดังนั้น การสลับไปควบคุมตัวละครอื่นในปาร์ตี้ของผู้เล่น น่าจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
นอกจากนี้การสลับตัวละครเป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากศัตรูมักจะโจมตีตัวละครที่ผู้เล่นควบคุมอยู่เป็นหลัก เพราะตัวละครนั้นมักจะสร้างความเสียหายได้มากที่สุด ศัตรูเหล่านั้นจึงถูกมองว่าตัวละครที่ผู้เล่นควบคุมนั้นเป็นภัยคุกคามที่สุด ดังนั้นการสลับไปควบคุมตัวละครอื่นในปาร์ตี้ จะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นโจมตีศัตรูได้ง่ายขึ้น เนื่องจากศัตรูจะมัวโฟกัสตัวละครที่ผู้เล่นเพิ่งควบคุมอยู่นั่นเอง โดยเทคนิคนี้ใช้ได้ผลกับทั้งศัตรูทั่วไปและบอสใหญ่ด้วย
3. เผื่อ ATB ไว้ใช้ยามจำเป็นเสมอ
ในการต่อสู้ภายในเกมนี้การสะสมแถบ ATB เป็นสิ่งสำคัญ ตัวละครบางตัวอย่าง Cloud และ Tifa จะสะสมแถบ ATB ได้เร็ว ในขณะที่ตัวละครอย่าง Aerith จะสะสมได้ช้ากว่า ดังนั้น ผู้เล่นต้องวางแผนการใช้แถบ ATB ที่สะสมไว้อย่างชาญฉลาด ซึ่งปกติแล้ว ผู้เล่นจะมีแถบ ATB ได้สูงสุด 2 แถบเท่านั้น และความสามารถหรือเวทมนตร์ส่วนใหญ่จะใช้แถบ ATB เพียง 1 แถบ
แน่นอนว่าการใช้ท่าสกิลบ่อย ๆ อาจดูเท่ แต่แท้จริงแล้วมันเปลืองแถบ ATB พอสมควร ฉะนั้นผู้เล่นควรเก็บแถบ ATB ไว้ใช้ในยามจำเป็น เพราะสกิลหลายอย่างจะมีประโยชน์อย่างมากเมื่อใช้ในจังหวะที่เหมาะสมตัวอย่างเช่น Focused Thrust ของ Cloud นั้นมีประสิทธิภาพสูงกับศัตรูที่อยู่ในสถานะ Pressured เท่านั้น ดังนั้นการใช้แถบ ATB กับสกิลนี้ใส่ศัตรูที่ยังมีพลังเต็ม ไม่ใช่การใช้ที่เหมาะสมเท่าไหร่
ยิ่งไปกว่านั้น การรักษา ATB ของผู้เล่นไว้จะมีประโยชน์ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานที่ผู้เล่นจำเป็นต้องฟื้นฟู HP ไม่ว่าจะเป็นการใช้สกิล Pray หรือ Cure รวมไปถึงการใช้ไอเทม แต่ถ้าผู้เล่นใช้ ATB ทั้งหมดไปกับการโจมตีโดยไม่เผื่อเกจไว้บ้าง ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่สวยงามนัก ฉะนั้นหากผู้เล่นต้องการเตรียมตัวให้พร้อมในการต่อสู้กับบอสสุดโหด แนวปฏิบัติที่ดีคือพยายามทำให้เกจ ATB เต็ม 2 ช่องอยู่เสมอ และเลือกใช้เกจ ATB โดยให้เหลือไว้อย่างน้อย 1 ช่องเสมอเพื่อสำรองสำหรับฟื้นฟูพลังชีวิตยามคับขัน
4. รักษาโดยไม่ต้องใช้ MP ทั้งหมดของผู้เล่น
ในช่วงบทแรกของเกม การฟื้นฟู HP ของปาร์ตี้ให้เต็มทุกคนอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายไม่น้อย เนื่องจากผู้เล่นยังไม่มี Materia Magnify ที่ช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตให้กับหลายตัวละครพร้อมกันด้วยสกิล Cure อีกทั้ง MP ของผู้เล่นก็ยังมีน้อย นอกจากนี้ ไอเทมฟื้นฟูอย่าง Potion ก็มักจะมีอยู่อย่างจำกัดแถม Potion พื้นฐานก็ฟื้นฟู HP ได้ไม่มากนัก
วิธีแก้ไขปัญหานี้คือการใช้วิธีประหยัด MP และ Gil (สกุลเงินในเกม) โดยใช้สกิล Prayer และ Chakra ซึ่ง Aerith จะมีสกิล Prayer ติดตัวมาตั้งแต่เริ่มเกม ส่วน Tifa จะมีสกิล Chakra ผู้เล่นสามารถซื้อสกิล Chakra ได้ในช่วงหลังของเกม แต่สกิล Prayer จะหาได้ช้ากว่ามาก ทั้งสองสกิลนี้ช่วยฟื้นฟู HP โดยใช้แค่แถบ ATB โดยไม่ต้องเสีย MP แต่อย่างใด
ถึงแม้สกิล Prayer จะใช้แถบ ATB ถึง 2 ช่อง แต่ก็สามารถฟื้นฟู HP ให้กับสมาชิกทั้งปาร์ตี้ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในยามคับขัน เมื่อตัวละครของผู้เล่นพลังชีวิตน้อยลง การเก็บแถบ ATB ของสมาชิก 1 คน ไว้ใช้สกิล Prayer ทุก ๆ 2-3 รอบ จะช่วยรักษาพลังชีวิตของปาร์ตี้ให้เต็มได้อย่างง่ายดาย
5. อย่ามองข้ามสกิล Synergy
ผู้เล่นที่เคยเล่น Final Fantasy VII Remake อาจจะลืมการใช้สกิล Synergy ไปเสียสนิท เพราะระบบนี้ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ภายใน Final Fantasy VII Rebirth โดยสกิลเหล่านี้เป็นการโจมตีร่วมกันระหว่างสมาชิกปาร์ตี้ 2 คน เพื่อสร้างความเสียหายหรือเสริมสร้างการป้องกันซึ่งกันและกัน โดยผู้เล่นสามารถใช้สกิล Synergy ได้ด้วยการกดปุ่มบล็อกค้างไว้ แล้วกดปุ่มให้ตรงกับสกิลที่ต้องการใช้ โดยสกิลที่ใช้ได้จะขึ้นอยู่กับสมาชิกปาร์ตี้ที่อยู่ในการต่อสู้ ณ ขณะนั้น
สกิล Synergy เป็นระบบเสริมการต่อสู้ที่มีประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะเมื่อผู้เล่นคุ้นเคยแล้ว ดังนั้นควรลองใช้สกิลเหล่านี้อยู่เสมอ อีกทั้งการใช้สกิลผสานอย่างถูกต้อง ยังช่วยเพิ่มการสะสมแถบ ATB อีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมาก
Final Fantasy VII Rebirth เกมภาคต่อของ Final Fantasy VII Remake จะวางจำหน่าย 29 ก.พ. 2024 บน PlayStation 5 ผู้เล่นจะได้ติดตามการผจญภัยของ Cloud และผองเพื่อนเพื่อตามล่า Sephiroth บนแผนที่ที่มีสเกลใหญ่ขึ้น พร้อมสำรวจประวัติเบื้องหลังของตัวละครต่าง ๆ เกมมีทั้งหมด 2 แผ่น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะว่าการผจญภัยในครั้งนี้จะยิ่งใหญ่กว่าเดิมแน่นอน!
