เทคโนโลยี

TikTok ปิดดีลประวัติศาสตร์แยกกิจการในสหรัฐฯ

ตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ หวังยุติปมความมั่นคง

TikTok บรรลุข้อตกลงครั้งสำคัญในการแยกกิจการในสหรัฐอเมริกาออกไปอยู่ภายใต้บริษัทร่วมทุนใหม่ที่ชื่อว่า TikTok USDS Joint Venture LLC ซึ่งจะถูกควบคุมโดยกลุ่มนักลงทุนอเมริกันเป็นหลัก ตามบันทึกภายในของบริษัทที่เพิ่งเปิดเผยออกมา ดีลนี้มีเป้าหมายเพื่อคลายความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 ปี และเพื่อให้มั่นใจว่าแอปยอดฮิตที่มีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ กว่า 170 ล้านคนจะยังคงให้บริการต่อไปได้

Shou Zi Chew ซีอีโอของ TikTok ระบุว่าการทำธุรกรรมนี้มีกำหนดจะปิดดีลอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มกราคม 2026 โดยหน่วยงานใหม่นี้จะกลายเป็นศูนย์กลางการบริหารงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้ในสหรัฐฯ ตั้งแต่การดูแลข้อมูล ความปลอดภัย ไปจนถึงการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ TikTok ในสหรัฐฯ มีโครงสร้างการบริหารที่แยกขาดจากบริษัทแม่ในจีนอย่างชัดเจนมากขึ้น

ในส่วนของโครงสร้างผู้ถือหุ้น กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่อย่าง Oracle, Silver Lake และ MGX จากอาบูดาบี จะถือหุ้นรวมกันอยู่ที่ 45% (แบ่งกันรายละ 15%) ขณะที่กลุ่มนักลงทุนเดิมของ ByteDance จะถือหุ้นอีกราวหนึ่งในสาม และทาง ByteDance เองจะลดสัดส่วนการถือครองหุ้นเหลือเพียง 19.9% เท่านั้น ซึ่งสัดส่วนนี้จะช่วยให้สิทธิการควบคุมส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือของนักลงทุนฝั่งตะวันตกตามที่กฎหมายสหรัฐฯ กำหนด

tiktok-deal-on-us-company

หนึ่งในภารกิจที่น่าจับตามองที่สุดของบริษัทร่วมทุนใหม่คือการฝึกอัลกอริทึมใหม่ (Algorithm Retraining) โดยจะใช้ข้อมูลเฉพาะของผู้ใช้งานในสหรัฐฯ เท่านั้น เพื่อให้ระบบแนะนำเนื้อหา (For You Feed) มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ว่าไม่มีการแทรกแซงจากภายนอก นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งบอร์ดบริหารใหม่ 7 คน ซึ่งเสียงส่วนใหญ่จะเป็นชาวอเมริกัน เพื่อให้การตัดสินใจด้านนโยบายคอนเทนต์เป็นไปตามมาตรฐานของสหรัฐฯ

สำหรับพันธมิตรคนสำคัญอย่าง Oracle จะไม่ได้ทำหน้าที่แค่ผู้ถือหุ้น แต่จะทำหน้าที่เป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงที่เชื่อถือได้ (Trusted Technology Provider) โดยรับผิดชอบทั้งการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บนระบบคลาวด์ในประเทศ และการตรวจสอบซอฟต์แวร์อย่างละเอียด ขณะที่ TikTok Global จะยังคงดูแลการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ในระดับสากลและกิจกรรมเชิงพาณิชย์อื่นๆ เช่น ระบบอีคอมเมิร์ซและการตลาดในระดับโลกต่อไป

ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นบทสรุปของมหากาพย์ที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2020 ในยุคประธานาธิบดีทรัมป์สมัยแรก จนมาถึงการผ่านกฎหมายแบน TikTok ในปี 2024 และจบลงด้วยการเจรจาภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ที่ต้องการรักษาแอปนี้ไว้แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขความปลอดภัยสูงสุด ดีลนี้จึงไม่เพียงแต่ช่วยรักษาพื้นที่สร้างสรรค์ของครีเอเตอร์ชาวอเมริกัน แต่ยังเป็นบรรทัดฐานใหม่ของการทำธุรกิจเทคโนโลยีข้ามชาติในยุคภูมิรัฐศาสตร์ปัจจุบันด้วย

ที่มา
Axios

Artherlus

แค่คนทั่วไปที่หลงใหลในวงการไอที
Back to top button