เทคโนโลยี

Google เปิดตัว Nano Banana Pro

ยกระดับการสร้างและแก้ไขภาพด้วยความละเอียดสูงขึ้น

Google ประกาศเปิดตัว Nano Banana Pro รุ่นอัปเกรดของโมเดลสร้างภาพยอดนิยม โดยพัฒนาบน Gemini 3 โมเดลภาษารุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 โมเดลใหม่นี้มุ่งเน้นเพิ่มความสามารถในการแก้ไขภาพอย่างลึกซึ้ง ความละเอียดสูงถึงระดับ 4K และการจัดการข้อความที่แม่นยำกว่าเดิม รวมถึงเชื่อมต่อกับการค้นหาข้อมูลบนเว็บเพื่อสร้างภาพประกอบตามบริบทจริง ผู้ใช้สามารถควบคุมองค์ประกอบภาพได้ยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น ปรับมุมกล้อง แสง และสีสัน เพื่อให้เหมาะกับงานมืออาชีพ

Nano Banana Pro ปรับปรุงการสร้างภาพให้ละเอียดและสมจริงยิ่งขึ้น โดยรองรับการพิมพ์ข้อความในหลายภาษา หลายฟอนต์ และสไตล์หลากหลาย เช่น ตัวอักษรคัดลายมือหรือพื้นผิวพิเศษ นอกจากนี้ยังสามารถดึงข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตเพื่อช่วยสร้างสื่อการสอนหรือภาพประกอบเฉพาะเจาะจง เช่น ค้นหาสูตรอาหารแล้วแปลงเป็นแฟลชการ์ดหรืออินโฟกราฟิกได้ทันที ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดเวลาในการผลิตเนื้อหาการศึกษาและการตลาด

จุดเด่นสำคัญคือการควบคุมภาพในระดับมืออาชีพ โดยผู้ใช้สามารถปรับมุมกล้อง ความชัดลึก โฟกัส แสง และคัลเลอร์เกรดดิ้งได้อย่างละเอียด โมเดลนี้ยกระดับความละเอียดจาก 1024×1024 พิกเซลของรุ่นเดิม เป็นภาพ 2K หรือ 4K ที่คมชัดเหมาะสำหรับงานพิมพ์และการนำเสนอ นอกจากนี้ยังรองรับการรวมวัตถุสูงสุด 14 ชิ้นในภาพเดียว พร้อมรักษาความเหมือนของใบหน้าคนได้ถึง 5 คน ซึ่งเหมาะสำหรับการเล่าเรื่องหรือสร้างแบรนด์ที่สม่ำเสมอ

google-nano-banana-pro-upgrade

อย่างไรก็ตาม คุณภาพที่เพิ่มขึ้นมาพร้อมต้นทุนที่สูงกว่า โดยรุ่นเก่าคิดค่าบริการ 0.039 ดอลลาร์ต่อภาพ 1024 พิกเซล ขณะที่ Nano Banana Pro อยู่ที่ 0.139 ดอลลาร์สำหรับภาพ 1080p/2K และ 0.24 ดอลลาร์สำหรับ 4K แต่ฟีเจอร์ขั้นสูงเหล่านี้ถือว่าคุ้มค่าต่อผู้ใช้ที่ต้องการผลลัพธ์ระดับสตูดิโอ โดยโมเดลยังคงรักษาความเร็วในการประมวลผลเพื่อไม่ให้กระทบการใช้งานประจำวัน

Google เริ่มนำ Nano Banana Pro ไปใช้ในบริการหลักหลายตัวแล้ว โดยแอป Gemini จะเลือกใช้รุ่นนี้เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้เสียเงิน แต่ผู้ใช้ฟรีจะมีโควต้าจำกัดก่อนสลับกลับไปรุ่นเดิม ผู้สมัครสมาชิก AI Plus, Pro และ Ultra จะได้รับโควต้าสูงกว่า และใช้งานได้ใน NotebookLM โหมด AI บนการค้นหา เครื่องมือวิดีโอ Flow รวมถึงแอป Slides และ Vids สำหรับลูกค้า Workspace ซึ่งช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานร่วมกัน

สำหรับนักพัฒนา สามารถเข้าถึงโมเดลผ่าน Gemini API, Google AI Studio และ IDE ตัวใหม่ชื่อ Antigravity เพื่อสร้างแอปพลิเคชันขั้นสูง นอกจากนี้ Google ยังผสานเทคโนโลยี SynthID สำหรับตรวจจับลายน้ำภาพ AI ในแอป Gemini เพื่อให้ผู้ใช้ยืนยันความเป็น AI ได้ง่าย และมีแผนเพิ่มการรองรับมาตรฐาน C2PA ในอนาคต เพื่อเสริมความโปร่งใสและป้องกันการแพร่กระจายคอนเทนต์ปลอม

ที่มา
Techcrunch

Artherlus

แค่คนทั่วไปที่หลงใหลในวงการไอที
Back to top button