5 ประเภทเกมที่คุณควรหามาเล่นเมื่อเบื่อสังคม

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ บางครั้งเราก็ไม่ได้เบื่อเกม…แต่เบื่อ “ผู้คนในเกม” มากกว่า การเล่นเกมร่วมกับคนอื่นอาจสนุกในตอนแรก ทว่าเมื่อเจอความกดดัน การเปรียบเทียบ หรือความคาดหวังจากทีม มันอาจทำให้เรารู้สึกเหนื่อยโดยไม่รู้ตัว การได้อยู่ลำพังในเกมเงียบ ๆ ที่ไม่ต้องแข่งขันกับใคร กลับกลายเป็นช่วงเวลาที่ช่วยฟื้นแรงบันดาลใจได้อย่างน่าประหลาด เพราะเกมไม่ได้มีไว้แค่เพื่อชนะ แต่บางครั้งก็มีไว้ “พักใจ” และ “ค้นหาตัวเอง” อีกครั้ง บทความนี้เลยอยากชวนคุณมาดูว่า มีเกมแนวไหนบ้างที่เหมาะจะเล่นในวันที่คุณอยากหลบจากสังคมบ้างครับ

1. เกมที่ไม่แข่งขัน ไม่มีแพ้ ไม่มีชนะ

เวลาที่เราเล่นเกมกับผู้เล่นคนอื่นในโลกออนไลน์ หรือแม้แต่จะเป็นเพื่อนของเราเองก็ตาม ความรู้สึกกดดัน การถูกคาดหวัง หรือการกลัวว่าจะเป็นตัวถ่วงเพื่อนร่วมทีมมันก็จะโผล่ขึ้นมาอยู่เรื่อย ๆ ทุกเกม ต่อให้เกมนั้นจะเล่นชนะ แต่ตะกอนความรู้สึกยังคงเหลือตกค้างอยู่ในใจเราเสมอ ทำให้เรามีความรู้สึกไม่อยากแข่งขันกับใครเพิ่ม และเกิดการเบื่อสังคมขึ้นมา ดังนั้นเมื่อเราอยู่คนเดียว เราควรเลือกเล่นเกมที่ไม่มีการแข่งขัน ไม่มีแพ้ ไม่มีชนะ เพื่อให้จิตใจเราถูกรีเซ็ตจากความกดดันทางสังคม เล่นเกม Single Player ที่ไม่มีใครมาด่าเราเมื่อเราแพ้ เดินไปตามกระแสของเกมที่เล่นโดยไม่สนสายตาของคนอื่น ไม่มีใครด่า ไม่มีใครคาดหวัง และไม่ได้เป็นตัวถ่วงของใคร ต่อให้แพ้หรือตายในเกมก็เริ่มใหม่ได้ มันทำให้จิตใจเรามีเบาะรองเวลาที่ทำผิดพลาด และฟื้นฟูได้เร็วขึ้นครับ

2. เกมที่มีจังหวะการเล่นช้าลง มีเวลาให้หยุดคิด

เกมหลายเกมถูกออกแบบมาโดยเน้น “ความมันส์” เป็นหลัก อาจจะด้วยจังหวะการเล่นที่รวดเร็ว เร้าใจ รุนแรง สะใจ ซึ่งถามว่าสนุกไหม มันก็คงสนุกแหละครับ แต่แน่นอนว่าความสนุกก็มาพร้อมกับความเหนื่อยล้าเช่นกัน ไม่ว่าจะเหนื่อยล้าทางร่างกาย สายตา ประสาทสัมผัส รวมไปถึงจิตใจ การเลือกเล่นเกมที่มีจังหวะช้าลงจะทำให้สมองของเราไม่ถูกเร่งเร้าไปตามเกม อาจจะเป็น Turn-based หรือเกมทำฟาร์มชิล ๆ ที่มีเวลาให้เราหยุดคิดว่า ตอนนี้เรากำลังทำอะไรอยู่นะ ต่อไปเราจะทำอะไรต่อนะ มีช่วงเวลาที่ทำให้เราคิดแบบ Step by Step ได้อย่างช้า ๆ เพื่อจัดเรียงระบบความคิดตัวเองใหม่โดยไม่กดดันครับ

3. เกมที่เนื้อเรื่องดี พาเราดำดิ่งไปกับมันได้

แน่นอนว่าการเบื่อสังคมนั้นอาจเกิดจากความเครียด ความกดดัน ทำให้เราไม่อยากจะคิดอะไรเยอะแยะให้ปวดหัวอีกแล้ว และการเลือกที่จะเล่นเกมแบบตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า และมันจะดีมาก ๆ ถ้าเกิดว่าเกมที่เล่นนั้นมีเนื้อเรื่องที่ดี น่าติดตาม เหมือนได้ดูหนังดี ๆ สักเรื่อง มันจะทำให้เรารู้สึกว่า “ต่อให้ถูกชี้นำก็ไม่เป็นไร” เพราะต่อให้เราดำดิ่งไปกับเนื้อเรื่องอย่างที่เกมต้องการ เกมก็มอบประสบการณ์ที่ประทับใจให้กับเราอยู่ดี เพราะหลายครั้งเราก็ไม่ได้พร้อมที่จะเล่นเกมยาก ๆ เสมอไป บางวันยังคิดไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าควรเดินไปทางไหนดี ดังนั้นเกมเส้นตรงที่เน้นเนื้อเรื่องอาจเป็นคำตอบให้กับเราได้ครับ

4. เกมที่เปิดให้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง สร้างโลกของตัวเอง

เมื่อเราอยู่กับคนอื่นมากเกินไป จิตใจจะเรียกร้องความเป็นส่วนตัวขึ้นมาโดยอัตโนมัติ และเกมเล่นคนเดียวของเราก็ควรเป็นเกมที่ไม่ได้บังคับอะไรเรามากนัก ต้องเป็นเกมที่ไม่กดดัน ไม่มีเวลาเข้ามาบีบให้เร่งทำนู่นทำนี่ หรือคิด Action ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะเกมเล่นคนเดียวเราไม่ต้องทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดเสมอไปก็ได้ ผ่อนคลายลงบ้าง และเลือกเกมที่สร้างโลกของเราเองได้ ไม่ว่าจะจากการสร้างเมือง ทำฟาร์ม ปลูกผัก หรือสร้างสังคมในเกมกับ NPC ที่เราชอบ การเล่นเกมที่สร้างสิ่งที่เราชอบได้ก็เป็นเหมือนเป็นภาพสะท้อนความต้องการของเราเอง เพราะการเล่นเกมกับคนอื่นนั้นเราต้องทำตามความคาดหวังเสมอ แต่ในเกมของเรานั้นไม่ใช่ เราสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่อยากเป็น สร้างอะไรก็ได้ที่อยากสร้างครับ

5. เกมที่ให้พลังบวกได้ถึงแม้ว่าคุณจะอยู่คนเดียว

หลังจากที่เราออกห่างจากสังคมแล้ว สิ่งที่เกมควรจะให้เราได้คือการเยียวยาจิตใจ หรือความรู้สึกที่ได้พักผ่อนครับ ถึงแม้จะเป็นเกมที่เล่นคนเดียว แต่ก็ไม่ใช่ทุกเกมที่สามารถฮีลใจได้ เพราะเกมหลายเกมถูกสร้างขึ้นมาจากความสนุก ความมันส์ และบางเกมก็มีความกดดันในตัวของมัน แต่จังหวะนี้เราควรเลือกเกมที่ให้พลังบวกกับเราได้ เช่น อาจจะเป็นเกมที่ตรงกับงานอดิเรกหรือความชอบของเรา หรืออาจจะเป็นเกมที่มีเนื้อเรื่องตรงกับประสบการณ์ของเราโดยเฉพาะ เป็นต้น การเล่นเกมที่ NPC พูดกับเราดี ๆ มีพลังบวกส่งมาให้กับเรา หรือแคร์เราอยู่ข้าง ๆ มันทำให้เรารู้สึกดีขึ้นเวลาที่เจอเรื่องแย่ ๆ ในเกมอื่นได้จริง ๆ ครับ

สุดท้ายแล้วการอยู่คนเดียว ไม่ได้แปลว่าเราต้องรู้สึกโดดเดี่ยวเสมอไป เกมหลายเกมออกแบบมาเพื่อให้ผู้เล่นได้ทบทวนตัวเอง และมอบพลังบวกให้กลับไปเผชิญโลกจริงได้อีกครั้ง การเล่นเกมลำพังบางทีก็เหมือนการคุยกับใจตัวเองในพื้นที่ปลอดภัย ไม่ต้องแข่งขัน ไม่ต้องเร่งรีบ แค่ได้รู้ว่าความสุขเล็ก ๆ ยังมีอยู่ในโลกดิจิทัลใบนี้ก็พอแล้ว เพราะบางที…การกดปุ่ม Start เพียงลำพังก็อาจเป็นการเริ่มต้นใหม่ของหัวใจเราได้เหมือนกันนะครับ