Google Translate เปิดตัว Model Picker ยกระดับการแปลภาษาให้ยืดหยุ่นยิ่งขึ้น
เน้นความเร็วหรือความแม่นยำสูงสุดในทุกสถานการณ์

Google เดินหน้าพัฒนาแอป Google Translate อย่างต่อเนื่อง หลังจากเปิดตัวฟีเจอร์แปลภาษาแบบเรียลไทม์ด้วยเทคโนโลยี AI และระบบฝึกภาษาที่ทันสมัย ล่าสุดได้เพิ่มตัวเลือกใหม่ชื่อ Model Picker ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เลือกโหมดการแปลได้ตามความเหมาะสมของแต่ละสถานการณ์ โดยโหมดนี้จะปรากฏใต้โลโก้ Google Translate ด้านบนหน้าจอทันทีที่เปิดแอป
ค่าเริ่มต้นของ Model Picker คือโหมด Advanced ที่มุ่งเน้นความแม่นยำสูง เหมาะสำหรับข้อความซับซ้อนหรือเนื้อหาที่ยากต่อการตีความ ในขณะที่โหมด Fast จะให้ความสำคัญกับความรวดเร็วในการแปล เหมาะสำหรับการใช้งานด่วน เช่น การแชทสนทนาหรือการอ่านป้ายข้อความระหว่างเดินทาง ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายตามบริบทที่เกิดขึ้นจริง
อย่างไรก็ตาม Google ระบุว่าโหมด Advanced จะรองรับเฉพาะบางภาษาในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดชัดเจนว่าฟีเจอร์นี้จะใช้งานฟรีทั้งหมดหรือต้องเชื่อมโยงกับบริการ Google AI Pro คล้ายกับตัวเลือกโมเดลในแอป Gemini ที่ให้ผู้ใช้กำหนดระดับความสามารถของ AI ด้วยตนเอง

จากการทดสอบเบื้องต้น พบว่าฟีเจอร์ Model Picker เริ่มปรากฏในอุปกรณ์ iOS บางรุ่นแล้ว แต่สำหรับผู้ใช้ Android ยังไม่พบการอัปเดตในขณะนี้ คาดว่า Google จะทยอยปล่อยให้ครอบคลุมผู้ใช้ทั่วโลกในเร็ววัน เพื่อให้ทุกแพลตฟอร์มเข้าถึงความสามารถใหม่นี้ได้อย่างเท่าเทียม
ย้อนกลับไปในเดือนสิงหาคม Google เคยประกาศว่าโมเดล Gemini เป็นหัวใจหลักเบื้องหลังความก้าวหน้าของ Translate ทั้งในด้านคุณภาพการแปลที่ดียิ่งขึ้น การรองรับข้อมูลหลายรูปแบบหรือ multimodal และระบบสังเคราะห์เสียงพูดหรือ TTS ที่ฟังดูเป็นธรรมชาติและแม่นยำมากกว่าเดิม ส่งผลให้แอปนี้กลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือนกันยายน Google Translate บน iOS ยังเพิ่ม Control Center Widgets สำหรับการแปลข้อความ การใช้กล้องแปล การแปลด้วยเสียง และโหมดสนทนา ทำให้ผู้ใช้เข้าถึงฟีเจอร์เหล่านี้ได้รวดเร็วและสะดวกยิ่งกว่าเดิม สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ Google ที่มุ่งผลักดันให้ Translate เป็นผู้ช่วยด้านภาษาที่ฉลาดและใช้งานง่ายในทุกอุปกรณ์







