PS5Switchคอนโซล / พีซีพีซีรีวิวรีวิว / พรีวิวเกม

[รีวิว] Dragon Quest I & II HD-2D Remake – คืนชีพตำนานฮีโร่ผู้กอบกู้โลก

ต่อยอดความเข้มข้นของตำนานผู้กล้าอัศวินมังกรในรูปแบบที่สดใหม่กว่าเดิม

Dragon Quest I & II HD-2D Remake เป็นเกมรีเมคที่จะพาเรากลับไปสู่ความคลาสสิคในตำนานอีกครั้ง สำหรับเนื้อเรื่องเกมภาคแรก ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นผู้กล้าของอาณาจักร Alefgrad ที่ได้รับภารกิจในการช่วยเหลือบ้านเมืองจากการรุกรานของปีศาจและตามหาเจ้าหญิงที่ถูกจ้าวแห่งมังกร Dragonlord จับตัวไป ขณะเดียวกันภาคสองได้รับการบอกเล่าเรื่องราวที่ต่อเนื่องจากภาคแรกเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี พูดถึงเจ้าชายแห่ง Midenhall ที่ต้องออกไล่ล่าพ่อมด Hargon ที่เข้ามาทำลายเมืองนั่นเอง

ในโอกาสนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปผจญภัยกับเกมทั้ง 2 ภาคนี้มาแล้ว และก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิวมาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ

อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 โดยหากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้าหลังจากที่รีวิวนี้ได้เผยแพร่ไปแล้ว ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้

อสอง… เนื่องจากเกมนี้มีทั้งหมด 2 ภาคด้วยกัน ผู้เขียนขออนุญาตเขียนแบบภาพรวมของ 2 เกม ไม่ได้ลงรายละเอียดแบบแยกภาคนะครับ

กราฟิกสวยงามและเพลงประกอบสุดคลาสสิค

Dragon Quest I & II HD-2D Remake Review

สิ่งแรกที่ผู้เขียนประทับใจตั้งแต่เริ่มเล่นก็คือ กราฟิกที่สวยงามและถูกสร้างสรรค์ใหม่ จากต้นฉบับอย่างชัดเจน ทั้งน้ำที่สะท้อนแสงแดด ป่าไม้ที่ดูมีชีวิตชีวา และสนามรบที่เปลี่ยนไปตามพื้นที่ที่ผู้เล่นกำลังสำรวจอยู่ ซึ่งแต่เดิมในเกมต้นฉบับทุกอย่างมักดูเหมือนกันหมด การปรับโฉมภาพเหล่านี้ทำให้โลกของเกมมีความสมจริงและดึงดูดสายตายิ่งขึ้น

Dragon Quest I & II HD-2D Remake Review

นอกจากนี้เนื่องจากผู้เขียนเล่นบน PS5 ทำให้มีโหมดกราฟิกให้เลือก 2 โหมดด้วยกัน ได้แก่โหมด Performance และ Graphics ซึ่งให้ความแตกต่างกันพอสมควรในแง่ของภาพ โดยภาพในโหมด Performance จะเบลอว่า Graphics ในขณะที่ FPS นั้น… ผู้เขียนรู้สึกว่าไม่แตกต่างกันเลย ฉะนั้นผู้เขียนแนะนำให้เล่นในโหมด Graphicsจะดีกว่าครับ

ไม่เพียงแค่กราฟิกเท่านั้น เพลงประกอบในเกมก็ถูกปรับปรุงอย่างน่าทึ่ง ด้วยการนำดนตรีต้นฉบับมาเรียบเรียงใหม่ด้วยวงออร์เคสตร้า ทำให้เสียงเพลงฟังชัดใส ลื่นไหล แต่ยังคงกลิ่นอายความคลาสสิคแบบ 8-bit ของต้นฉบับไว้ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ตัวเกมยังได้มีการเพิ่มเสียงพากย์เข้ามาด้วย ทำให้เกมนี้มอบประสบการณ์การเล่นแบบจัดเต็มมาให้เราได้ติดตามกัน การผสมผสานระหว่างภาพและเสียงนี้ทำให้การเดินทางย้อนกลับไปยังดินแดนที่คุ้นเคยของ Dragon Quest ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความประทับใจแบบที่แฟน ๆ เกมเก่าไม่ควรพลาด

การผจญภัยในแบบ JRPG ดั้งเดิมที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เหนือกาลเวลา

Dragon Quest I & II HD-2D Remake Review

ในแง่ของเกมเพลย์ เกมรีเมคเกมนี้ยังคงเอกลักษณ์ของเกม JRPG สไตล์คลาสสิคอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการออกสำรวจโลกกว้างที่เต็มไปด้วยความลึกลับและสิ่งน่าค้นหา ผู้เล่นจะได้เดินสำรวจทุกซอกทุกมุมของเมืองและดันเจี้ยน ค้นหาหีบสมบัติที่ซ่อนอยู่ตามมุมกำแพง หรือกระทั่งถุงเล็ก ๆ ที่วางอยู่ตามทาง ซึ่งมักจะมีของล้ำค่าซ่อนอยู่เสมอ การได้พูดคุยกับ NPC ที่เดินไปมาในเมืองก็ช่วยเพิ่มชีวิตชีวาให้กับการผจญภัย เพราะบทสนทนาเหล่านั้นไม่เพียงมอบเบาะแสสำคัญ แต่ยังมีมุกตลกและเรื่องราวเล็ก ๆ ที่ทำให้โลกของเกมดูมีชีวิตมากขึ้น

Dragon Quest I & II HD-2D Remake Review

โดยภาคแรกมอบประสบการณ์ในรูปแบบการผจญภัยคนเดียวอย่างแท้จริง ผู้เล่นจะต้องรับบทเป็นฮีโร่ผู้กล้าออกต่อสู้กับเหล่าปีศาจและกอบกู้โลกด้วยพลังแห่งความกล้าเพียงลำพัง เป็นเสน่ห์แบบเรียบง่ายแต่ทรงพลังที่ยังคงตราตรึงใจแฟน ๆ มาจนถึงปัจจุบัน ขณะที่ในภาคสองนั้นเกมได้ขยายรูปแบบการต่อสู้ด้วยระบบปาร์ตี้ ทำให้ผู้เล่นได้สัมผัสถึงความร่วมมือของเหล่าผู้กล้า และกลยุทธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น การวางแผนการต่อสู้แบบ Turn Based ยังคงความสนุกดั้งเดิม แต่เพิ่มความลึกและความหลากหลายให้มากกว่าเดิม

ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางตามล่าความมืดในฐานะฮีโร่ผู้โดดเดี่ยว หรือการต่อสู้ร่วมกับสหายเพื่อปกป้องอาณาจักร เกมนี้ยังคงพิสูจน์ให้เห็นถึงมนต์เสน่ห์ของ JRPG แบบดั้งเดิม ที่มอบทั้งความตื่นเต้น อบอุ่น และความทรงจำสุดคลาสสิคให้กับผู้เล่นทุกคน

การต่อสู้แบบดั้งเดิมที่ยังคงเสน่ห์ไว้ครบถ้วน

Dragon Quest I & II HD-2D Remake Review

หนึ่งในสิ่งที่ทำให้เกมนี้โดดเด่นคือ การรักษาความคลาสสิคของระบบต่อสู้ไว้ได้อย่างงดงาม ผู้เล่นจะได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่ยืนเรียงรายอยู่ตรงหน้าในลักษณะ “เทิร์นเบส” แบบต้นฉบับดั้งเดิม ไม่มีอนิเมชั่นแอ็กชั่นฟาดฟันหรือกระโดดหลบเหมือนเกมยุคใหม่นัก แต่แทนด้วยเอฟเฟกต์การโจมตีที่ลอยขึ้นมาแทน ซึ่งอาจทำให้เกมเมอร์รุ่นใหม่รู้สึกแปลกตาเล็กน้อย ทว่า…สำหรับแฟนเกมรุ่นเก๋าแล้ว นี่คือ “เสน่ห์” ที่ชวนให้คิดถึงยุคทองของเกม RPG ที่สุด

การต่อสู้ในเกมไม่ได้มีแค่การโจมตีไปวัน ๆ แต่ยังต้องอาศัย การวางแผน ฟาร์มเลเวล และเก็บไอเทมจากมอนสเตอร์ เพื่อเตรียมพร้อมก่อนปะทะบอสสุดโหด ซึ่งบอกเลยว่าความคลาสสิคนี้มาพร้อมความท้าทายที่ไม่ธรรมดา เพราะหากประมาทเพียงนิดเดียว อาจต้องเจอกับคำว่า “Game Over” ซ้ำแล้วซ้ำอีก ผู้เขียนเองก็เคยพลาดพลั้งเข้าไปสู้โดยไม่รู้ตัวว่าบอสอยู่ตรงหน้า เพราะเกมนี้ไม่มีจุดเซฟ ไม่มีห้องพัก ไม่มีคำเตือนใด ๆ ทั้งสิ้น!

Dragon Quest I & II HD-2D Remake Review

อย่างไรก็ตาม เกมก็ยังมี ระบบ Auto-Save และ Checkpoint มาช่วยให้ไม่ต้องหัวเสียจนเกินไป หากพลาดท่าตายกลางทางก็สามารถกลับมาเริ่มใหม่จากจุด (เกือบ) ล่าสุดได้ หรือหากรู้ว่าตัวเองพอมีลุ้น ก็สามารถกลับไปลุยต่อด้วยระบบ Rematch โดยไม่ต้องรีเซ็ตทั้งฉาก ถือเป็นระบบที่เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผู้เล่นได้ไม่น้อย

อีกจุดที่น่าชื่นชมคือ ระบบ Auto-Battle ที่เปิดโอกาสให้เรากำหนดแนวทางการต่อสู้ของตัวละคร เช่น โหมดลุยแหลก, โหมดประหยัด MP หรือโหมดเน้นฮีล ทำให้การเก็บเลเวลและล่ามอนสเตอร์ตัวเล็ก ๆ ไม่กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่ถึงอย่างนั้น ระบบยังบังคับให้ผู้เล่นต้องคอยกดคำสั่งพื้นฐานในแต่ละเทิร์นอยู่ดี หากมีโหมด “สู้แบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ” เพิ่มเข้ามาอีกนิด เกมนี้คงจะเล่นได้ลื่นไหลและสะดวกยิ่งกว่านี้

การเติมเต็มเนื้อเรื่องและรายละเอียดที่ทำให้เกมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

Dragon Quest I & II HD-2D Remake Review

หนึ่งในจุดที่ผู้เขียนประทับใจมากก็คือ การเพิ่มเติมเนื้อเรื่องและรายละเอียดต่าง ๆ ที่ทำให้หลายคำถามคาใจในเกมต้นฉบับได้รับคำตอบอย่างชัดเจน เช่น ผู้เขียนเคยสงสัยว่าทำไมราชาไม่ส่งกองทัพไปช่วยเจ้าหญิง แต่พอได้เล่นเวอร์ชั่นรีเมคก็ได้รู้ว่า “ส่งแล้ว แต่สู้ไม่ไหวว้อย!” สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้ทำให้โลกของเกมมีชีวิตและมีเหตุผลมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาใหม่ ๆ ที่ถูกใส่เข้ามาเพื่อขยายเรื่องราว ทำให้ผู้เล่นได้สัมผัสมุมมองของตัวละครและเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างละเอียดมากขึ้น การใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้ชัดเจนมาก ทำให้รู้สึกได้ว่าทีมพัฒนาใส่หัวใจและความรักลงไปในรีเมคนี้ ทั้งการปรับปรุงเนื้อเรื่องและการเพิ่มเติมฉากใหม่ ๆ ส่งผลให้เกมมีมิติที่ลึกขึ้น และสนุกสนานยิ่งกว่าต้นฉบับ

อ้อ! และถ้าใครอยากติดตามเนื้อเรื่องทั้งหมดให้ครบถ้วนก็สามารถทำได้แล้วด้วยการเล่นเกม DRAGON QUEST III HD-2D Remake จากนั้นค่อยมาเล่นภาคแรก และภาค 2 ต่อได้เลยครับ รับรองฟินสุด ๆ

สรุปรีวิว

Dragon Quest I & II HD-2D Remake Review

Dragon Quest I & II เวอร์ชั่นรีเมคนี้มอบประสบการณ์ JRPG คลาสสิคที่ครบเครื่อง ด้วยกราฟิกที่ปรับปรุงใหม่ให้สมจริงและมีชีวิตชีวา พร้อมเพลงประกอบเรียบเรียงใหม่แบบออร์เคสตร้าที่คงกลิ่นอายความคลาสสิค ระบบต่อสู้แบบเทิร์นเบสยังคงเสน่ห์ดั้งเดิมแต่เพิ่มความท้าทายด้วยการวางแผน ฟาร์มเลเวล และเก็บไอเทม พร้อมฟีเจอร์ Auto-Save และ Auto-Battle ที่ช่วยให้เล่นได้สะดวกขึ้น นอกจากนี้การขยายเนื้อเรื่องและเพิ่มรายละเอียดใหม่ ๆ ทำให้โลกของเกมสมบูรณ์และน่าสนใจยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้แฟนเก่าและผู้เล่นใหม่สามารถสัมผัสความคลาสสิคพร้อมประสบการณ์ที่ลึกและสนุกกว่าเดิม

ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 8.5 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็เป็นได้ครับ

จุดเด่น

– กราฟิกสวยงามและสมจริง เพลงประกอบเรียบเรียงใหม่คงความคลาสสิค

– ระบบต่อสู้เทิร์นเบสยังคงเสน่ห์ดั้งเดิม ท้าทายและลึกซึ้ง

– Auto-Save และ Auto-Battle ช่วยให้เล่นสะดวกขึ้น

– การขยายเนื้อเรื่องและเพิ่มรายละเอียด ทำให้โลกของเกมสมบูรณ์และน่าสนใจ

– เหมาะทั้งแฟนเก่าและผู้เล่นใหม่ที่อยากสัมผัส JRPG คลาสสิค

ข้อสังเกต

– ระบบต่อสู้ยังต้องกดคำสั่งแต่ละเทิร์น ไม่สามารถต่อสู้แบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ

– เอฟเฟกต์การโจมตีอาจดูเรียบง่ายสำหรับผู้เล่นยุคใหม่

– ภาษาอังกฤษที่ใช้ในบทสนทนาเป็นภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างเก่า ทำให้การแปลภาษาอาจจะยากพอสมควร

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Bandai Namco Entertainment ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งซื้อเกมได้ที่ : [คลิก]

ภาพ Screeshots เพิ่มเติม

ผู้อ่านคนใดต้องการติดตามรีวิว / พรีวิวเกมอื่น ๆ ของ This Is Game Thailand ก็สามารถมาได้ที่นี่ครับ >>>คลิก<<<

Youryu

นักผจญเกมที่ไม่จำกัดประเภทและแพล็ตฟอร์ม
Back to top button