5 เหตุผลที่ผู้เล่นไม่เชื่อมั่นใน Dissidia Duellum Final Fantasy
เมื่อชื่อ Final Fantasy ไม่สามารถการันตีความมั่นใจได้อีกต่อไป ทำไมแฟน ๆ ถึงมองว่า Dissidia Duellum อาจเป็นอีกเกมที่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่าน Dissidia เคยเป็นหนึ่งในเกมต่อสู้ที่ทำให้แฟน Final Fantasy หลงรัก ด้วยการจับเอาฮีโร่และวายร้ายจากหลากภาคมาปะทะกันในสมรภูมิที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อ Square Enix ประกาศ Dissidia Duellum Final Fantasy แทนที่จะได้รับเสียงตอบรับอันอบอุ่น กลับกลายเป็นกระแสกังวลและตั้งคำถามว่า “นี่มันเกม Dissidia จริงเหรอ?” ทั้งจากภาพดีไซน์ เกมเพลย์ ไปจนถึงการตัดสินใจของทีมพัฒนาเอง ที่ดูเหมือนจะเดินห่างจากสิ่งที่ผู้เล่นต้องการออกไปเรื่อย ๆ ความรู้สึกไม่มั่นใจจึงเริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่ก่อนเกมจะเปิดให้เล่นจริงเสียด้วยซ้ำ เราไปชมกันดีกว่าครับว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
1. มองดีไซน์แว๊บแรก ก็เกือบไม่รู้ว่าเป็นตัวละครจาก FF

ภาพโปรโมทของเกม Dissidia Duellum Final Fantasy นั้นเป็นภาพตัวละครจาก Final Fantasy หลากหลายภาค ไม่ว่าจะเป็น Terra, Lightning, Rinoa, Cloud เป็นต้น ซึ่งเป็นตัวละครชูโรงของเกมแต่ละภาคแทบทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างนั้นตัวละครเหล่านี้ถูกเปลี่ยนดีไซน์เสื้อผ้าใหม่ ให้กลายเป็นหนุ่มสาวในยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้น เหมือนวัยรุ่นที่มาเดินเที่ยวย่านอากิฮาบาระ แทนที่จะใส่ชุดที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองหรืออะไรที่ดูแฟนตาซีกว่านี้ ทำให้แฟน ๆ หลายคนจำหน้าพวกเขาไม่ได้ตั้งแต่แรกเห็น และวิจารณ์เกี่ยวกับการออกแบบตัวละครกันให้เห็นตามโซเชียลครับว่า แค่ดีไซน์ก็รู้แล้วว่ามองผิดจุด
2. ผู้เล่นต้องการ Dissidia แบบเดียวกับภาค PSP

พอขึ้นชื่อคำว่า Dissidia โผล่มาในชื่อ Final Fantasy เรามักจะคิดเป็นภาพเดียวกันหมดว่า เป็นเกมแนวต่อสู้แบบ 1-1 ที่สามารถเหาะเหินบินไปฟันกันกลางอากาศได้ ควบคู่กับระบบ Break ที่เป็นเอกลักษณ์ของเกม ชิงไหวชิงพริบในการเอาชนะคู่แข่ง นั่นคือ Dissidia ในอุดมคติของแฟน ๆ แต่สำหรับ Dissidia Duellum Final Fantasy กลับกลายเป็นเกม Turn-based ที่ต้องใช้การ์ดในการออกท่าโจมตี แถมการ์ดยังมีระดับ SR-SSR อีก หมายความว่าผู้เล่นต้องเปิดกาชาให้ได้ตัวดี ๆ มาใช้ถึงจะเก่ง ไม่ใช่ฝีมือในการต่อสู้เหมือนอย่างที่ Dissidia ควรจะเป็น ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่เป็นแฟนเกมภาคนี้เลยไม่ค่อยโอเคครับ
3. ค่ายนี้ขึ้นชื่อเรื่องคิดเองทำเอง ไม่ฟังเสียงผู้เล่น

อย่าว่าแต่ Dissidia Duellum Final Fantasy เลยครับ ทุกเกมที่เป็นเกมมือถือของ Square Enix ก็ประสบกับปัญหานี้เหมือนกันทั้งนั้น โดยเฉพาะเกมชื่อหลักอย่าง Final Fantasy แล้ว ถูกเอามาทำใหม่ไม่รู้ตั้งกี่ภาค แล้วก็พังมาแล้วไม่รู้กี่ภาค จากการที่ทีมพัฒนาต้องการจะทำเกมตามกระแส แนวเกมไหนดังก็ทำแนวนั้นออกมาเสิร์ฟผู้เล่นเพื่อเกาะกระแส แต่พอเกาะกระแสก็ดันไม่ค่อยฟังเสียงของผู้เล่น หลายครั้งรับทราบแล้วแต่ผลลัพธ์ที่ออกมาในแพทช์ต่อ ๆ ไปก็ไม่ได้เป็นไปตามคำเรียกร้องของผู้เล่นสักเท่าไหร่ สุดท้ายก็มีเกมดี ๆ Potential สูงทยอยปิดตัวไปทีละเกมนั่นเอง
4. การเปลี่ยนหน้า UX/UI ของค่ายนี้โหลดช้าเสมอ

ถ้าใครที่เคยเล่นเกมมือถือของ Square Enix มาจะเข้าใจเป็นอย่างดีว่า ทุกครั้งที่เราเปลี่ยนหน้า UX/UI เปลี่ยนแมพ เปิดกระเป๋า ย้ายไปหน้ากาชา หรือทำอะไรสักอย่าง ทุกการเปลี่ยนหน้าจะมีการโหลดใหม่เสมอ นอกจากจะเปลืองเน็ตแล้ว ยังโหลดช้าอีกต่างหาก ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้โหลดนานอะไรมาก ประมาณ 1-2 วินาทีก็เปลี่ยนหน้าได้แล้ว แต่ถ้ามันต้องโหลดทุกครั้งที่เรากดหน้าจอก็รู้สึกอึดอัดไม่น้อยเลยล่ะ เหตุเกิดจากการเขียนโค้ดหลังบ้านของเกมมือถือญี่ปุ่นยังเป็นรูปแบบเก่าที่ทีมงานเคยชินมาตั้งแต่ช่วงปี 2010 เป็นต้นมา ซึ่งมันค่อนข้างจะเก่าไปแล้วในยุคนี้ ถ้า Dissidia Duellum Final Fantasy ยังแก้ไขจุดนี้ไม่ได้ ก็มีสิทธิ์ที่จะโดนเบื่อง่ายเหมือนกันครับ
5. แฟนเกมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยู่ได้ไม่นาน เดี๋ยวก็ปิด

อีกหนึ่งเรื่องที่ขึ้นชื่อลือชามากที่สุดเกี่ยวกับเกมมือถือของค่าย Square Enix ก็คือการปิดให้บริการอย่างรวดเร็วครับ และแฟนเกมจำนวนไม่น้อยเลยที่เห็นว่า Dissidia Duellum Final Fantasy อาจจะอยู่ได้ไม่กี่ปี แถมบางคนยังแซวเป็นหลักเดือนด้วยซ้ำ เนื่องจากว่าเราเห็นมาหลายเกมแล้วที่พี่เหลี่ยมของเราเอาชื่อ Final Fantasy ไปทำแนวเกมที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน แต่ก็พังเละเทะแบบไม่มีคนเล่น สุดท้ายเกมก็ต้องปิดตัวลงในที่สุด มันเป็นแบบนี้มาโดยตลอด และแฟนเกมก็ยังมีแผลช้ำเก่าที่ยังไม่หายจำนวนมาก คนเลยไม่ค่อยเชื่อมั่นกับภาคนี้สักเท่าไหร่ครับ

ในโลกของเกม ไม่มีชื่อซีรีส์ไหนที่ใหญ่เกินกว่าความเชื่อมั่นของแฟน ๆ และ Dissidia Duellum ก็เป็นตัวอย่างที่สะท้อนเรื่องนั้นได้อย่างชัดเจน แม้จะมาพร้อมชื่อ “Final Fantasy” แต่ถ้าตัวตนของเกมหลุดจากสิ่งที่ผู้เล่นรักและคาดหวัง คนก็หันหน้าหนีเหมือนกัน ถึงแม้ Square Enix จะยังมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองในวันที่เกมเปิดจริง แต่เสียงของผู้เล่นในตอนนี้ก็ชัดเจนเกินพอ พวกเขาไม่ได้ต้องการเพียงเกมใหม่ แต่ต้องการ “Dissidia” ที่มีหัวใจของ Final Fantasy กลับคืนมาอีกครั้งครับ