[พรีวิว] Once Upon a Katamari สัมผัสแรก เกมสุดรีแลกซ์สายฮาแดนปลาดิบ

หมายเหตุ: เกมที่นำมาพรีวิวยังคงอยู่ในการพัฒนา ประสบการณ์ที่ได้รับเมื่อวางจำหน่ายจริงอาจแตกต่างกัน

ว่าด้วยแฟรนไชส์ Katamari แล้ว หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นเพียงแค่คัลต์คลาสสิก แต่การกลับมานับตั้งแต่ภาค Reroll ที่นำเอาเกมดั้งเดิมมาปรับโฉมใหม่ พร้อมเปลี่ยนลายเส้นของตัวเอกอย่างเจ้าชายน้อย The Prince ให้กลมกิ๊กมากขึ้น ก็ทำให้ช่วงที่ผ่านมาเกมได้รับความนิยมมากขึ้นทีเดียวโดยเฉพาะในญี่ปุ่นที่จัดกิจกรรม ป็อปอัปคาเฟ่ ไปจนถึงการจำหน่ายของที่ระลึกกันจนคนล้นเวทีเลยครับ

และแล้วหลังจาก Reroll กันมาสองรอบ ปีนี้ดูเหมือนจะเป็นปีทองของ Katamari กันเลยทีเดียวเพราะจากช่วงเมษายนที่ผ่านมาที่เพิ่งเปิดตัวภาคพิเศษบน Apple Arcade ตอนนี้เองเกมภาคใหม่แบบแกะกล่องอย่าง Once Upon a Katamari ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อย และพวกเรา ThisIsGame Thailand ก็ได้รับโอกาสจาก Bandai Namco Entertainment Asia ในการทดลองเล่นเกมสุดรีแลกซ์นี้กันแล้วด้วย!

หลายคนอาจจะไม่คุ้นมาก่อนว่า Katamari คืออะไร ก็ต้องขอแนะนำว่าเกมนี้เราจะได้รับบทเป็นเจ้าชายแห่งจักรวาลตัวละครจิ๋วที่ทำหน้าที่กลิ้งก้อนกลมๆ ที่เรียกว่า ‘คาตามาริ’ ในการเก็บวัตถุ สิ่งมีชีวิต หรืออะไรก็ตามที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งจะต้องเก็บของที่ชิ้นเล็กกว่าเท่านั้น ฟูมฟักจนกลายเป็นก้อนเบ้อเริ่มเทิ่มที่ดูดซับได้แม้กระทั่งดวงดาวทั้งดวง โดยเนื้อเรื่องแต่ละภาคก็จะแตกต่างกัน ส่วนมากคือความวายป่วงที่เกิดขึ้นจากพระบิดาหรือ The King of All Cosmos และภาคนี้เจ้าตัวก็ทำเรื่องปวดหัวกันตามเคย

สำหรับการทดสอบครั้งนี้พวกเราได้ลองเล่นมาจำนวนสามฉากดังต่อไปนี้คือ As Fast as Possible, Philosopher Hunt และ Rev Your Fryers ทั้งสามฉากนี้ก็จะมีวัตถุประสงค์ประจำฉากที่ไม่เหมือนกันด้วย เริ่มจากฉากแรกที่มีเป้าหมายคล้ายกับภาคคลาสสิกเลยนั่นคือ The King จะทำการระบุให้ชัดเจนว่าต้องการ ‘คาตามาริ’ ในลูกขนาดเท่าใด และเราต้องม้วนให้ได้ก้อนใหญ่ได้เร็วที่สุด ขณะที่อีกสองฉากจะเป็นกฎพิเศษ ไม่ได้เน้นความใหญ่หรือความไว ซึ่งฉากแรกคือการตามหา ‘นักปรัชญา’ ในฉากกรีกโบราณ! ขณะที่อีกฉากคือการปั้นก้อนคาตามาริที่มีแต่อาหารเท่านั้น ห้ามทำตกพื้น และไปจบลงที่กระทะ!

ความพิเศษของภาคนี้คือเกมนำเสนอโลกที่ถ่ายทอดผ่านหลายช่วงเวลา ทั้งยุคเอโดะของญี่ปุ่น, ยุคกรีกโบราณ และโลกปัจจุบันที่เราจะได้เห็นตัวละครเก่าๆ เช่นครอบครัวโฮชิโนะเป็นต้น นอกจากนั้นแล้ว Hub World เองก็ทำออกมาได้ดีขึ้นมาก คือแบ่งเป็นโซนตามยุคสมัยเลยครับ และแต่ละยุคจะมีฉากฮับไม่เหมือนกัน เดินสำรวจและเปลี่ยนตัวละคร Cousin มาลองเล่นกันได้ด้วยเหมือนกัน นอกจากนั้นไฮไลต์ที่พวกเราชอบก็คือตัวละครทั้งหมดสามารถปรับแต่งสี ใบหน้า และเครื่องตกแต่งอื่นๆ ได้เช่นกันครับ

ท้ายที่สุด เรายังมีโอกาสได้ลองเล่นโหมด Katamariball ที่เป็นโหมดมัลติเพลเยอร์ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นเวลานานเลยครับที่ไม่มีโหมดเล่นหลายคนให้เล่น ย้อนกลับไปตั้งแต่ภาค Beautiful Katamari เลยทีเดียว รูปแบบการเล่นจะมีกฎเดียวคือม้วนก้อนให้ใหญ่ที่สุด และเราสามารถม้วนคู่แข่งได้ด้วย รองรับทั้งระบบออนไลน์ที่จะเปิดให้เล่นในอนาคต และแบบออฟไลน์กับ AI แต่ขอบอกว่าเป็นงานหินเพราะแม้จะเป็น AI แต่ก็ดุเดือดไม่ใช่เล่นๆ เลยครับ

แม้จะมีความสดใหม่ในทุกๆ ด้าน ทว่าความรีแลกซ์ที่เป็นหัวใจหลักของเกมนี้ยังคงอยู่ครบและเราสัมผัสได้จากการที่คอนโทรลเลอร์ของเกมจะหนึบมือตุ้บๆ ตลอดที่เราเก็บของได้จนฟินเลย นอกจากนี้ยังมีความลับ อารมณ์ขันที่แฝงอยู่ในเกมผ่านการวางวัตถุต่างๆ ที่ดูแล้วเหมือนตั้งใจจะกวนบาทาเรา ซึ่งก็เป็นซิกเนเจอร์ของเกมที่ทำให้เราหมั่นเขี้ยวอยู่แล้ว เห็นแบบนี้ก็อยากให้ถึงวันวางจำหน่ายไวๆ แล้วครับเนี่ย แถมยังเป็นภาคแรกที่เป็นเน็กซ์เจ็นเต็มตัว เล่นกันลื่นๆ ได้เลยครับ

เกี่ยวกับเกม Once Upon a Katamari

ตัวเกมเปิดให้เล่นบน PlayStation 5, Xbox Series X|S, Nintendo Switch 2 และ PC ในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมหน้าร้านค้า Steam เพื่อสั่งจอง รวมไปถึงเพิ่มเกมสู่ Wishlist ได้เลย และงาน Tokyo Game Show ก็จะมีการจัดบูธทดสอบเกมด้วยเช่นกัน สำหรับโอกาสหน้า ThisIsGame Thailand จะมีอะไรมาแบ่งปันอย่าลืมติดตามที่นี่ เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารและความเคลื่อนไหวสนุกๆ จากวงการเกมเช่นเคยครับผม