Samsung Galaxy S26 เผชิญความท้าทายด้านแบตเตอรี่เมื่อเทียบกับ Xiaomi 16

ตามข้อมูลหลุดล่าสุดจาก Digital Chat Station บน Weibo, Samsung Galaxy S26 series คาดว่าจะได้รับการอัปเกรดความจุแบตเตอรี่ในปี 2026 โดยรุ่น Galaxy S26 Pro ขนาด 6.27 นิ้วจะมาพร้อมแบตเตอรี่ 4,300 mAh เพิ่มขึ้น 300 mAh จาก Galaxy S25 ที่มี 4,000 mAh อย่างไรก็ตาม การอัปเกรดนี้ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนเรือธงจากแบรนด์จีน เช่น Xiaomi 16 ซึ่งคาดว่าจะมีแบตเตอรี่ถึง 7,000 mAh ในรุ่นขนาด 6.3 นิ้ว

Xiaomi 16 และสมาร์ตโฟนเรือธงอื่น ๆ จาก Vivo และ Oppo คาดว่าจะนำหน้าในด้านความจุแบตเตอรี่ โดยเฉพาะรุ่นขนาดกะทัดรัดที่อาจมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 7,000 mAh ซึ่งเหนือกว่า Galaxy S26 Pro อย่างชัดเจน นอกจากนี้ รุ่นที่มีหน้าจอใหญ่ขึ้นอย่าง Xiaomi 16 Pro Max, Vivo X300 Pro และ Oppo Find X9 Pro คาดว่าจะมีแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าเดิมด้วยหน้าจอขนาด 6.7 ถึง 6.9 นิ้ว

จุดเด่นของ Galaxy S26 Ultra คือการอัปเกรดระบบชาร์จเร็วเป็น 60 วัตต์ จากเดิม 45 วัตต์ ซึ่งได้รับการยืนยันผ่านการอัปเดตเฟิร์มแวร์ One UI 8 นี่เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดช่องว่างด้านความเร็วการชาร์จเมื่อเทียบกับคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม ความจุแบตเตอรี่ของรุ่น Ultra คาดว่าจะอยู่ที่ 5,000 mAh ซึ่งยังคงตามหลังคู่แข่งบางรายที่อาจมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า

ความแตกต่างด้านความจุแบตเตอรี่นี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ที่แตกต่างกันระหว่าง Samsung และแบรนด์จีน Samsung ดูเหมือนจะเน้นความสมดุลระหว่างขนาด น้ำหนัก และประสิทธิภาพ ในขณะที่แบรนด์จีนอย่าง Xiaomi มุ่งเน้นที่ความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานที่ยาวนานขึ้น อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีแบตเตอรี่ซิลิคอน-คาร์บอนที่คาดหวังอาจยังไม่ถูกนำมาใช้ใน Galaxy S26 ซึ่งอาจทำให้ Samsung เสียเปรียบในด้านนวัตกรรม

ข้อจำกัดของ Samsung ในการเพิ่มความจุแบตเตอรี่อาจมาจากการออกแบบที่เน้นความบางและเบา โดย Galaxy S26 Edge คาดว่าจะบางเพียง 5.5 มม. และมีแบตเตอรี่ 4,200 mAh ซึ่งใหญ่กว่า iPhone 17 Air ที่คาดว่าจะมีแบตเตอรี่ 2,900 mAh. อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับคู่แข่งจีนที่เน้นความจุสูง Samsung อาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาด

การแข่งขันด้านแบตเตอรี่ในสมาร์ทโฟนเรือธงปี 2026 จะเป็นประเด็นที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะเมื่อผู้ใช้งานให้ความสำคัญกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่มากขึ้น Samsung อาจต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่หรือปรับกลยุทธ์เพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้ใช้ ขณะที่ Xiaomi, Vivo และ Oppo ดูเหมือนจะครองความได้เปรียบในด้านนี้ ด้วยความจุแบตเตอรี่ที่สูงและนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ