ลองเล่นเป็นเรื่อง! Digimon Alysion ช่วง CBT

Digimon Alysion เกม Online Card Game จาก IP ที่หลายคนชื่นชอบ โดยในครั้งนี้เกมดังกล่าวได้กลับมาอีกครั้งพร้อมกับเกมเพลย์ที่แตกต่างไปจากเกมการ์ดอื่น ๆ ที่มีในตลาดมากมาย และล่าสุดทีมงานก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมทดสอบ CBT และก็ไม่พลาดที่จะมาพรีวิวความประทับใจและข้อสังเกตแรกจากการเล่นเกมนี้ให้ทุกคนได้ติดตามกันครับ

อนึ่งข้อมูลนี้เขียนจากการทดลองเล่นช่วง CBT เมื่อตัวเกมปล่อยให้เล่นจริงอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ครับ

จุดเด่นที่ 1 – เกมการ์ดที่ดึงความเป็นดิจิมอนออกมาได้อย่างน่าสนใจ

สิ่งแรกที่อยากพูดถึงคงหนีไม่พ้นระบบเกมเพลย์ที่มีกติกาเฉพาะตัวและถ่ายทอดความเป็นดิจิมอนออกมาได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าการ์ดที่ถูกแบ่งประเภทตามสี ซึ่งแต่ละสีก็มาพร้อมจุดแข็งและเอกลักษณ์ที่ต่างกัน รวมถึงยังมีการระบุ “ประเภท” ของดิจิมอนแต่ละตัว ซึ่งมีผลต่อการใช้ความสามารถพิเศษและการใช้ “การ์ดสนับสนุน” ได้อย่างหลากหลาย แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกประทับใจที่สุดคือ “ระบบการพัฒนาดิจิมอน” ที่ทั้งสนุกและท้าทายฝีมือผู้เล่นไม่น้อย

โดยปกติผู้เล่นสามารถลงการ์ดดิจิมอนร่างใดก็ได้ในสนามแทบจะทันที แต่ยิ่งเป็นร่างวิวัฒนาการขั้นสูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งใช้ค่ามานามากขึ้น ซึ่งเป็นช่องว่างให้คู่แข่งมีโอกาสเร่งการได้เปรียบได้ง่ายขึ้นเช่นกัน (จะอธิบายในหัวข้อต่อไป) ในทางกลับกัน หากเราเลือกพัฒนาดิจิมอนตามลำดับขั้นอย่างเป็นระบบ มานาที่ใช้ก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เราสามารถเก็บพลังไว้ใช้กับการ์ดอื่น ๆ ได้มากขึ้น เป็นกลยุทธ์ที่ให้ทั้งความสนุก ความลุ้น และการวางแผนที่ลึกซึ้งในเวลาเดียวกัน

จุดเด่นที่ 2 – ระบบมานาที่เปลี่ยนเกมการ์ดนี้ให้ไม่เหมือนใคร

หนึ่งในจุดที่ทำให้เกมนี้โดดเด่นและน่าจดจำอย่างมาก คือระบบมานาที่เรียกว่า Memory ซึ่งฉีกทุกกฎเดิม ๆ ของเกมการ์ดที่เราเคยรู้จัก ปกติแล้วเกมการ์ดส่วนใหญ่จะกำหนดตายตัวว่าใน 1 เทิร์น เราจะเล่นการ์ดได้กี่ใบ หรือมีมานาให้ใช้กี่หน่วย แต่ในเกมนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย ปริมาณมานาของเราจะผันผวนไปตามการเล่นของคู่แข่ง เช่น ถ้าฝ่ายตรงข้ามเหลือมานา 0 แล้วลงการ์ดที่ใช้มานา 5 หน่วย เทิร์นถัดไปเราก็จะได้มานามาใช้เพิ่มถึง 5 หน่วย ในทางกลับกัน หากเราใช้มานามากกว่าที่มีอยู่ เช่น เหลือ 5 แต่เล่นรวม 6 หน่วย ก็จะบีบให้คู่แข่งเหลือมานาเพียง 1 หน่วยในเทิร์นถัดไป

กลไกนี้ทำให้ทุกการลงการ์ดกลายเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ต้องคิดอย่างรอบคอบ เพราะการวางผิดพลาดเพียงครั้งเดียว อาจกลายเป็นการเปิดโอกาสให้ศัตรูปล่อยการ์ดระดับสูงลงสนามได้ทันที และเปลี่ยนกระดานให้เราเสียเปรียบในพริบตา นี่แหละคือเสน่ห์ของระบบ Memory ที่ทำให้ทุกเทิร์นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและการวางแผนที่ลึกซึ้งเกินคาด

จุดเด่นที่ 3 – เสน่ห์ของการสะสมการ์ดในเกม ที่เกินกว่าจะเป็นแค่เกมการ์ด

ต้องบอกเลยว่า Digimon Alysion ไม่ใช่แค่เกมการ์ดต่อสู้ธรรมดา แต่คือสนามแห่งความตื่นเต้นของนักสะสมตัวจริง เพราะเสน่ห์ของเกมนี้อยู่ที่การ์ดหลากหลายรูปแบบที่สวยงามโดนใจสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการ์ดปกติ การ์ดสะท้อนแสง การ์ดลายเส้นพิเศษ หรือแม้แต่การ์ดลับสุดหายากที่สามารถหาได้จากการเปิดซองภายในเกมเท่านั้น ความหลากหลายเหล่านี้ทำให้ทุกครั้งที่เข้าเกม ไม่ใช่แค่การลงสนามแข่งขันแล้วจบไป แต่ยังมีความลุ้นระทึกเล็ก ๆ ว่า “วันนี้เราจะได้การ์ดสุดพิเศษหรือเปล่า?” และถ้าโชคดีได้มาจริง ๆ ก็ยังสามารถนำไปใส่เด็คเล่นเพื่อโชว์ความเท่ให้เพื่อน ๆ อิจฉาเล่นอีกต่างหาก เรียกได้ว่า Digimon Alysion สามารถถ่ายทอดเสน่ห์ของการสะสมการ์ดในชีวิตจริงมาสู่โลกเกมมือถือได้อย่างลงตัว (และก็ต้องยอมรับแบบขำ ๆ ว่านี่อาจเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ดูดเงินเราที่แยบยลที่สุด ฮา…)

ข้อสังเกตที่ 1 – ตัวอักษรค่อนข้างเล็ก ทำให้อ่านยากเมื่อเล่นบนมือถือ

หนึ่งในจุดที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกติดขัดมากที่สุดขณะเล่นเกมนี้ ก็คือตัวอักษรภายในเกมที่เล็กมากจริง ๆ แถมรายละเอียดการ์ดก็เยอะอีกด้วย ซึ่งผู้เขียนเล่นบนมือถือจอ 6.12 นิ้ว ซึ่งก็ถือว่าไม่เล็กแล้ว แต่ทุกครั้งที่ต้องอ่านรายละเอียดสกิลหรือข้อมูลการ์ด ก็ต้องเพ่งอยู่พักใหญ่กว่าจะมองชัด ทำให้รู้สึกว่าเกมนี้น่าจะเหมาะกับการเล่นบนแท็บเล็ตมากกว่า

ถึงอย่างนั้น ใจลึก ๆ ผู้เขียนก็แอบหวังให้เกมนี้ลงให้เล่นบนพีซีหรือคอนโซลด้วย เพราะเชื่อเหลือเกินว่ามันจะยิ่งฟินขึ้นหลายเท่า ทั้งจากการอ่านตัวอักษรที่คมชัดสบายตา และได้เห็นการ์ดโปรดในแบบเต็มจอที่ทำให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศเกมได้มากยิ่งขึ้น

ข้อสังเกตที่ 2 – คำอธิบายการ์ดบางอย่างไม่ค่อยชัดเจน ต้องลองเล่นถึงจะเข้าใจ

อีกหนึ่งจุดที่ผู้เขียนสังเกตระหว่างเล่นก็คือ คำอธิบายการ์ดในเกมบางใบยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร หากใครเป็นสายอ่านรายละเอียดก่อนเล่น อาจต้องเกาหัวอยู่พักหนึ่งกว่าจะเข้าใจความหมายจริง ๆ และจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนลองเล่นเอง พบว่าหลายครั้งต้องจัดเด็คแล้วลงสนามไปลองใช้ก่อน ถึงจะรู้ว่าความสามารถของการ์ดนั้นทำงานอย่างไร ซึ่งก็กลายเป็นความสนุกไปอีกแบบ เพราะมันเหมือนเราได้ค้นพบลูกเล่นของเกมด้วยตัวเอง แต่ถ้าในอนาคตเกมนี้มีภาษาไทยมาให้ด้วยก็คงจะดีมาก เพราะจะช่วยให้ผู้เล่นเข้าใจรายละเอียดได้ง่ายขึ้น และดื่มด่ำกับเกมได้เต็มที่ยิ่งกว่าเดิม

ภาพสกรีนช็อตเพิ่มเติม

ผู้อ่านคนใดต้องการติดตามรีวิว / พรีวิวเกมอื่น ๆ ของ This Is Game Thailand ก็สามารถมาได้ที่นี่ครับ >>>คลิก<<<