รายงานชี้เกม 3rd-party ล็อตแรกของ Switch 2 ทำยอดจำหน่ายน่าผิดหวัง
เป็นการทำ Game Key Card และเพราะเป็นเกมที่มีอายุกันนะ?
สิ่งที่ไม่เหมือนกันระหว่าง Nintendo Switch 1 และ 2 ที่เราสังเกตได้ชัดเจนก็คือ การสนับสนุนซอฟต์แวร์เกมช่วงเปิดตัวหรือ Launch Title ที่นอกจาก Mario Kart World และ Fast Fusion แล้ว ก็ยังเสริมทัพด้วยเกมจากผู้พัฒนาอิสระเช่น SEGA, CAPCOM และ Bandai Namco Entertainment ตั้งแต่วันแรกที่วางจำหน่ายอาทิ Yakuza 0 เวอร์ชันปรับปรุง และ Street Fighter 6 กับ Split Fiction เป็นต้น ซึ่งแม้เป็นเกมเก่าทว่าก็ล้วนให้ประสบการณ์เน็กซ์เจ็นทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม The Game Business ได้มีการออกมาเปิดเผยผ่านพอดแคสต์ตอนใหม่ถึงแนวโน้มความสำเร็จของเกม 3rd-party เหล่านี้ด้วย โดยพบว่าในสหรัฐอเมริกานั้นมีการซื้อเกมจากค่ายนอก Nintendo เพียงประมาณ 19% เท่านั้น ส่วนสหราชอาณาจักรนั้นถือว่ายิ่งแล้วใหญ่เพราะมีเพียง 11% ซึ่งเป็นยอดจากการขายเกมรูปแบบตลับอย่างเดียว และเกมที่ทำยอดจำหน่ายสูงสุดเป็น Cyberpunk 2077 ที่พบว่ายอดสูงกว่า The Witcher III ตัวพอร์ตของรุ่นที่แล้วในช่วงเปิดตัวด้วย
มีการให้ความเห็นเพิ่มเติมต่อว่าเกม 3rd-party โดยรวมทำยอดได้น้อยและมีหนึ่งในค่ายที่ไม่ได้ออกนามได้ระบุว่าเป็นยอดที่ต่ำที่สุดเลยแม้จะลงให้กับเครื่องเล่นที่มีการตอบรับที่ดีมากก็ตามครับ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการให้เหตุผลเบื้องหลังว่าเกิดจากอะไร ทว่าหากลองพิจารณาก็มีหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นการทำ Game Key Card ที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกกังวลเรื่องการเป็นเจ้าของตลับเกม และอีกเหตุผลหนึ่งก็อาจเกี่ยวข้องกับอายุของเกมที่เป็นเกมเก่า สำหรับเพื่อนๆ คิดเห็นอย่างไรลองมาพูดคุยกันได้
เกี่ยวกับ Nintendo Switch 2
เครื่องเล่นเกมคอนโซลรูปแบบไฮบริดที่จะสานต่อความสนุกจากเครื่องเล่นรุ่นแรกในรูปแบบเน็กซ์เจ็น พร้อมกับหน้าจอขนาด 7.9 นิ้ว และการรองรับ HDR เช่นเดียวกับเฟรมเรตระดับ 120FPS (หรือ 4K สำหรับการใช้งานบนโทรทัศน์) เช่นเดียวกับความสามารถในการใช้ระบบ Voice Chat – Video Call ครบครัน รองรับความจุระดับ 256GB โดยมีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 25 มิถุนายน 2025 นี้ครับ
สำหรับใครที่สนใจรีวิว และข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกันได้ อย่าลืมติดตามได้จาก ThisIsGame Thailand ข้างล่างนี้เลยครับ
