[รีวิว] Capcom Fighting Collection 2 รวมสุดยอดเกมต่อสู้ยุคทองที่สมบูรณ์ที่สุด

หมายเหตุ: ตัวเกมเวอร์ชันที่ใช้ในการรีวิวเป็นรูปแบบ Nintendo Switch ประสบการณ์ที่ได้รับอาจมีความแตกต่างกัน

ช่วงที่ผ่านมาสิ่งที่เราเห็นได้ชัดก็คือเจตจำนงของ CAPCOM ที่ตั้งใจส่งมอบประสบการณ์เกมเก่าให้ทุกคนได้มีโอกาสสัมผัสความสนุกของเกมที่หายากมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือวิธีการพอร์ตรูปแบบคอลเลกชัน ตั้งแต่ชุดอาร์เคดรวมฮิตเมื่อหลายปีก่อน ชุดร็อคแมนเอ็กเซ่ มาจนถึงชุดรวมเกมทำเงินจากชุดไฟต์ติ้ง ที่ตอนนี้ก็คลอดแพคใหม่อย่าง Capcom Fighting Collection 2 มาให้เล่นแล้ว!

Capcom Fighting Collection 2 นี่มันดรีมแคสต์เวอร์ชันเน็กซ์เจ็นชัดๆ

เกมนี้ก็ยังนำเสนอการใช้งานเช่นเดียวกับรูปแบบ Fighting Collection แพครวมฮิตที่ผ่านมาของ CAPCOM นั่นคือเมื่อเราเลือกเข้าเกมปุ๊บก็จะเจอรูปแบบเมนูสไตล์โลโก้วงกลมเวียนไปมาให้เลือก แต่สิ่งที่ต้องยอมรับคือการคัดเลือกไลน์อัปที่ถือว่าเด็ดดวงกว่าที่เคย เพราะพี่แกใส่มาทั้ง CAPCOM VS. SNK, Power Stone ทั้งสองภาคเลย และ Project Justice ทั้งหมดนี้ก็คุ้มค่ามากพอแล้วเพราะมันคือเกมจากยุคดรีมแคสต์ทั้งหมด!

นอกจากนั้นยังมีเกมหายากเช่น Star Gladiator เกมต่อสู้แนวไซไฟสไตล์สามมิติ และเกม Capcom Fighting Evolution ที่เคยเป็นเหมือนจุดด่างพร้อยของยุค 2000s มาก่อน ทว่าก็ถือว่าเอามาให้เล่นได้เพลินๆ เป็นแกล้ม ใส่มาดีกว่าไม่มีเพราะปัจจุบันนี้หาเล่นบนแพลตฟอร์มไหนไม่ได้ และเกมปิดท้ายคือ Street Fighter Alpha 3 Upper ที่แม้จะไม่ใช้ภาคสมบูรณ์แบบที่สุดอย่างภาค Max แต่ก็มีวิวัฒนาการมากกว่าตัวก่อนๆ ที่เคยอยู่ในคอลเลกชันเก่าๆ ครับ (เดชะบุญ เวอร์ชันนี้เองก็ยังไปโผล่บนดรีมแคสต์เหมือนกัน อะไรจะเหมาะเจาะปานนี้) สำหรับผมเองขอแนะนำว่า Power Stone มันส์สุดด้วยความชอบส่วนตัว ใครอยากหา Smash Bros. สไตล์สามมิติเต็มตัว เกมนี้ตอบโจทย์

ฟีเจอร์ที่ออกแบบให้ใช้งานง่าย

ความเหมือนดรีมแคสต์ยังไม่จบเพียงแค่นี้เพราะทุกเกมยังรองรับเชื่อมต่อกับโลกอินเทอร์เน็ตเพื่อให้เราได้ซัดกับผู้เล่นอื่นทั่วโลกผ่านระบบ Rollback Netcode ด้วยเช่นกัน เอาเข้าจริงจุดนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เราคาดหวังว่าจะมีใส่มาหรือไม่มีใส่มาเพราะคอลเลกชันก่อนหน้าก็เป็นคอนเซปต์เดียวกันหมดคือนำมาปรับมาตรฐานเป็นยุคปัจจุบันพร้อมเล่นออนไลน์ได้ คือรู้อยู่แล้วว่ามาแน่ๆ ทั้งนี้ถึงอย่างไรผมมั่นใจว่ามันจะจุดไฟให้วงการไฟต์ติ้งสองมิติได้กลับมามีรสชาติกันอีกครั้ง ที่สำคัญลงแรงก์ได้ด้วยจ้า!

ตัวเลือกปรับแต่งอื่นๆ ที่ถูกใส่เข้ามาก็จะเป็นในส่วนของการปรับฟิลเตอร์ภาพแบบสแกนไลน์คล้ายกับจอโทรทัศน์แบบ CRT ที่เหมาะกับเหล่าผู้เล่นสายเรโทร และมีตัวเลือกปรับขอบของภาพให้เป็นขอบดำหรือจะโชว์อาร์ตเวิร์กก็ได้ แต่ผมไม่ค่อยโฟกัสมากเท่าไรนัก เพราะเกมต่อสู้เราก็ต้องต่อสู้สิ (ฮา) โดยรวมแล้วเมนูการช่วยเหลือการเข้าถึงต่างๆ ทำออกมาได้ดี และเกือบลืมไป ทุกเกมถึงจะใช้รูปแบบอาร์เคดทว่าก็มีการปรับแต่งบางส่วนให้เข้ากับการเล่นบนคอนโซล เช่นการรองรับ VS. โดยตรงทำให้เมื่อเราเล่นแบบสองคนแล้วชนะ เกมจะไม่ตัดไปโหมดอาร์เคดอัตโนมัติ และมีโหมดฝึกซ้อมที่ละเอียดดีมากเทียบเท่าเกมยุคปัจจุบัน ดูทั้งฮิตบ็อกซ์ ทั้งระยะดาเมจได้

แน่นอนว่าเกมอาร์เคดในยุคปลาย 90 ที่ถูกนำมาใส่นี้หลายเกมเป็นเกมที่มีสูตรตัวละครลับ หรือการปลดล็อกตัวละครด้วย จุดนี้ขอชมว่า CAPCOM ให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมใช้งานเพื่อเล่นเกมรูปแบบแข่งขันจริงจังมากเลยเพราะเราสามารถกดคำสั่งเปิดให้เลือกตัวละครอิสระได้เลย ใครเคยฝึกตัวลับจนเทพ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกปิดกั้นเพราะเราสามารถเข้าถึงพวกบอสต่างๆ ได้ (ภายใต้บาลานซ์ที่เหมาะสม)

เพลงประกอบ ตัวเลือกกราฟิก และแกลอรี่

เอาเข้าจริงส่วนของเพลงประกอบและกราฟิกเราคงไม่ต้องพูดถึงกันมากเพราะเพลงยุคนั้นก็เป็นดนตรีที่เราคุ้นกันอยู่แล้ว แต่ส่วนของกราฟิกต้องบอกว่าเกมส่วนที่เป็นสามมิติไม่ได้อัปสเกลมาให้แสดงผลได้คมชัดเท่าไรนัก คือมันคมขึ้นแต่ไม่ได้แก้เท็กซ์เจอร์อะไร ดังนั้นจึงจะคล้ายกับการจำลองการเล่นครับ ส่วนแกลอรี่ก็จะเป็นคลังภาพที่ให้เราชมอาร์ตเวิร์ก ภาพออกแบบ หรือฟังเพลงต่างๆ ไม่มีพวกบทสัมภาษณ์หรือคลิปโฆษณาเก่าๆ อะไร

ข้อที่อยากบ่นเล็กน้อย

สิ่งที่รู้สึกเสียดายก็คือ Street Fighter 3 Alpha ที่ยังคงใช้รูปแบบ Upper ที่เป็นเวอร์ชันที่เกือบจะสมบูรณ์ที่สุดแล้ว ทว่าก็ยังไม่ใช่ที่สุด เราจะไม่มีตัวละครพิเศษเช่น Yun, Maki, Eagle และ Ingrid แบบในภาค Max บน PSP ที่เป็นการปรับบาลานซ์ครั้งสุดท้าย จุดหนึ่งก็เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะใช้เวอร์ชันอาร์เคดเป็นพื้นฐานและการออกแบบเกมบนอุปกรณ์สถาปัตยกรรมต่างกัน ทั้งนี้ก็ขอบ่นหน่อย อย่างไรก็ตามทั้งสี่ตัวละครนี้ก็ไปกระจายอยู่ในเกม CAPCOM VS. SNK 2 กับ Capcom Fighting Evolution เล่นกล้อมแกล้มได้

นอกจากนั้นแล้ว Project Justice เองจริงอยู่ที่อาศัยเกมเวอร์ชันอาร์เคดเป็นหลักเลยไม่ได้อนุโลมให้ใช้ตัวละคร Edit หรือตัวละครที่สร้างเอง แต่ก็ดันมีตัว Default ที่ทำสำเร็จมาให้เห็นรำคาญใจเล่นเสียอย่างนั้น ในอนาคตหากมีการปรับปรุงแก้ไขในแพตช์ใหม่ๆ ให้เราเลือกสร้างตัวละครได้ ก็จะดีมากครับ

บทสรุป

ถึงไม่ถูกใจหนึ่งเกมในคอลเลกชัน แต่ Capcom Fighting Collection 2 คือชุดที่ผมคิดว่าตัวเองรอคอยมากที่สุด ไม่ว่าจะด้วยทัพเกมแม่เหล็กอย่าง CAPCOM VS. SNK ที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกครั้ง โดยเป็นตัวเวอร์ชัน Pro พร้อมแปลภาษาอังกฤษ และยังมี Power Stone อีก นี่จึงเป็นคลังแสงเกมต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบมากกว่าชุดอื่นๆ ที่ผ่านมาเลยทีเดียว เห็นแบบนี้หวังว่าจะไปดีลกับ Arika แล้วเอาเกม Street Fighter EX หรือจะเป็นพวกครอสโอเวอร์ต่างๆ มาลงต่อได้นะ!

สำหรับใครที่สนใจ Capcom Fighting Collection 2 ได้วางจำหน่ายแล้ววันนี้บน PlayStation 5, Xbox Series X|S, Nintendo Switch และ PC รวมไปถึงอุปกรณ์เก่าอย่าง PS4 และ Xbox One ด้วย พร้อมให้เป็นเจ้าของกันได้ทุกแพลตฟอร์มเลยทีเดียว ส่วนโอกาสหน้า ThisIsGame Thailand จะมีอะไรมาอัปเดตให้ฟังอีกนั้น ว่าแล้วอย่าลืมติดตามที่นี่เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารในแวดวงวิดีโอเกมใหม่ๆ ก่อนใครเช่นเคย