16 เกมดังในอดีตที่เด็กยุค 90s ทุกคนต้องร้องอ๋อ!

ช่วงปี 1990-2000 ถือเป็นยุคตั้งไข่ของอุตสาหกรรมเกมเลยก็ว่าได้ และยังเป็นช่วงเวลาที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเกมเมอร์รุ่นแรกกับรุ่นหลังได้ดีเพราะผู้เล่นที่เติบโตมากับเกมเหล่านั้นก็ยังเก็บเครื่องเล่นพวกนี้ให้เด็กที่เติบโตขึ้นใน 4-5 ปีต่อมาได้สนุกไม่ต่างกับเวลานั้น

ความสนุกของการเล่นเกมสมัยนั้นนอกจากจะมีพัฒนาการทั้งด้านเนื้อหาและกราฟฟิกที่ก้าวกระโดดจากภาคเก่าๆแล้ว ก็หนีไม่พ้นเรื่องความลับของเกมที่ต้องพึ่งพาหนังสือบทสรุปแทนเพราะว่าอินเทอร์เน็ตในสมัยนั้นก็ไม่ได้เข้าถึงได้ง่ายเหมือนในปัจจุบัน และยังมีเรื่องของเนื้อหาเสริมที่ต้องทำแผ่นแยกออกมาขายซึ่งมีความคุ้มค่าที่แตกต่างกันไป แต่ก็มีบางกรณีที่สามารถอัพเดตได้ฟรีอย่าง Sonic Adventure บนเครื่อง Dreamcast ที่มาพร้อมโมเด็มในตัวเช่นกัน

สำหรับในวันนี้ก็มีรายชื่อของเกมฮิตที่คิดถึงมาฝากกันครับ โดยรายชื่อจะไม่ได้เป็นการเรียงอันดับแต่อย่างใดดังนั้นมั่นใจได้ว่าทุกเกมก็ล้วนมีค่าต่อจิตใจเราเท่าๆกันทุกคนครับผม ว่าแล้วก็เริ่มกันเลยดีกว่า

1. Doom (1993)

แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : นับไม่ถ้วนตั้งแต่ PC, Super Famicom, PS1, Gameboy Advance หรือแม้กระทั่งบน PS3

แม้ว่าจะไม่ได้เป็นต้นฉบับของเกมเดินหน้ายิงมุมกล้อง FPS แต่ก็ถือเป็นมาตรฐานใหม่ให้กับเกมรูปแบบเดียวกันในยุคหลังๆไม่ว่าจะเป็นอาวุธที่มีให้เลือกสรรและบรรยากาศการต่อสู้ที่ทั้งรวดเร็วและบ้าพลัง แม้กระทั่งเกม FPS ทุกวันนี้ก็ยังนำ Doom มาเป็นแม่แบบ

2. Donkey Kong Country (1994)

แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : Super Famicom, Gameboy Color และ Gameboy Advance

ใครจะคิดว่าเจ้าคิงคองตัวร้ายจากเกม Donkey Kong จะกลายมาเป็นพระเอกได้ แถมยังมีลูกน้องเป็นเจ้าจ๋อสวมหมวกแก๊ปอย่าง Diddy Kong อีก ซึ่งตัวเกมแบบตะลุยด่านผจญภัยคล้ายๆกับเกมมาริโอ้ แต่ความพิเศษอยู่ตรงที่กราฟฟิกที่มาในรูปแบบสามมิติสีสันสวยงามและฉากก็ดูสมจริงมากๆด้วย แต่ถ้าใครคิดว่าเกมนี้จะเป็นมิตรกับผู้เล่นใหม่ก็คิดผิดเพราะในด่านหลังๆ Donkey Kong Country ขึ้นชื่อในความยากจนแทบจะปาจอยทิ้ง แต่เพราะความโหดหินนี้เองจึงทำให้เกมเป็นหนึ่งในเกมที่ขายดีมากจนมีภาคต่อมากมาย

3. Super Mario 64 (1996)

แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : Nintendo 64 และ Nintendo DS

การผจญภัยครั้งแรกของมาริโอในระบบสามมิติเต็มรูปแบบ ตัวเกมมาพร้อมกับระบบกึ่ง Open-world โดยใช้ปราสาทเจ้าหญิงพีชเป็น Hub ภายในก็จะมีห้องมากมายพร้อมกับรูปภาพติดผนังที่มาริโอ้สามารถกระโดดเข้าไปแล้วทำภารกิจในฉากนั้นๆต่างๆกว่า 100 ภารกิจเลยทีเดียว ซึ่งฉากแต่ละฉากก็มีความกว้างพอสมควรที่จะซ่อนความลับมากมายจนต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะเจอครบ และแน่นอนว่าเมื่อมีมาริโอก็ต้องมีเจ้ามังกรคุปป้า และเราจะได้ปะทะกับมันหลายรอบตลอดเกม

4. GoldenEye 007 (1997)

แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : Nintendo 64

อีกหนึ่งเกม FPS ที่มาพร้อมกราฟฟิกสมจริงและเรายังได้รับบทเป็นเจมส์ บอนด์ สายลับสุดเท่จากหนังเรื่อง 007 เกมนี้วางขายหลังจากหนังได้ลงโรงไปไม่นาน และสมัยนั้นเพียร์ส บรอสแนนตัวเอกก็ดังมากๆด้วยครับจึงทำให้เกมเป็นกระแสไปตามระเบียบ แถมการันตีคุณภาพด้วยคะแนนใน IGN ที่ได้สูงถึง 9.7/10 แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้เป็นที่รักของแฟนๆก็คือระบบมัลติเพลเยอร์แบบแบ่งหน้าจอที่รองรับผู้เล่นถึงสี่คนครับ แต่โชคร้าย เกมนี้เวอร์ชั่นรีเมคกลับทำได้ไม่น่าจดจำเท่าที่ควรครับ และปัญหาทางด้านลิขสิทธิ์ก็ทำให้เกมนี้ไม่ได้กลับมาในคอลเลคชั่น Rare Replay ด้วยครับ

5. Metal Gear Solid (1998)

แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : PlayStation และ PC

ครั้งแรกของซีรีส์เกมสายลับกับการเข้าสู่ยุคสามมิติ ซึ่งเราจะต้องเล่นเป็น Solid Snake และใช้อุปกรณ์ต่างๆในภารกิจลอบเร้นสุดเร้าใจ เกมนี้จะมีระบบการควบคุมที่อาจจะเข้าใจยากและไม่เหมาะกับผู้เล่นที่ชอบเกมแอคชั่นแบบระเบิดภูเขาเผากระท่อมสักเท่าไหร่ แต่ว่าถ้าใครชอบเล่นเกมที่ตื่นเต้นและกดดันก็น่าจะหามาลองครับ เพราะระบบการตรวจจับของศัตรูเรียกได้ว่าสมจริงมากโดยอิงมาจากระยะสายตาของคนจริงๆเลย นอกจากนี้ระบบยิบย่อยของเกมยังทำให้มีความสมจริงยิ่งขึ้นไปอีกไม่ว่าจะเป็นการเคาะกำแพงเพื่อดึงความสนใจหรือมุกหลบเข้ากล่องสุดฮิต สำหรับเกมนี้ยังมีเวอร์ชั่นรีเมคที่วางจำหน่ายให้กับ Nintendo Gamecube ภายหลังด้วยครับ

6. Final Fantasy VII (1997)

แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : PlayStation, Windows, iOS, PlayStation 4, Android, Nintendo Switch และ Xbox One

อีกหนึ่งซีรีส์ที่ตบเท้าเข้าสู่สังเวียนเกมสามมิติด้วยทุนสร้างกว่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐและตามคาด เกมนี้สามารถทำรายได้อย่างสวยงาม แฟนของซีรีส์นี้ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฉากคัทซีนแรกของเกมทำให้เราถึงกับอ้าปากค้างไปเลยเพราะว่าในสมัยนั้นมันสมจริงมากๆ มาพร้อมกับตัวละครเองที่น่าจดจำและเนื้อเรื่องของเกมที่สนุกชวนติดตามชนิดที่ว่าไม่มีช่วงที่เล่นๆแล้วง่วงเลยครับ ส่วนคุณภาพก็ขอการันตีด้วยรางวัล Game of the Year ในปีนั้นไปเลย และล่าสุดทาง Square Enix ก็เปิดไฟเขียวให้โครงการรีเมคเกมนี้เรียบร้อยแล้ว รอเล่นกันได้เลย

7. StarCraft (1998)

แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : PC, OS X และ Nintendo 64

สุดยอดเกมวางแผนการรบในธีมอวกาศซึ่งโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้ ตัวเกมใช้เอนจิ้นต้นแบบจาก Warcraft 2 และเป็นการเปิดตัวซีรีส์แรกที่ทาง Blizzard ลงทุนตั้งทีมกราฟฟิกใหม่เพื่อดูแลด้านคัทซีนโดยเฉพาะเลยครับและหลังจากวางขายครั้งแรกก็มีภาคเสริมและภาคต่อมากมายจนได้กลายมาเป็นซีรีส์แถวหน้าของค่ายพ่อมดน้ำแข็ง Blizzard เลยครับ ล่าสุดเกมนี้ก็ได้รับการรีมาสเตอร์ใหม่ในปี 2017 เพื่อให้สามารถเล่นได้บนคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆอย่างไม่ติดขัด แถมกราฟฟิกก็ได้รับการปรับปรุงให้เรียบเนียนสบายตาด้วยครับ

8. Star Fox 64 (1997)

แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : Nintendo 64

เกมนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเกมแนวอวกาศที่โด่งดังในสมัยนั้นมากๆครับ เราจะได้ควบคุมหน่วย Star Fox ทะยานเข้าไปสู่การผจญภัยตามดาวต่างๆในระบบสามมิติจากขุมพลังของ Nintendo 64 ที่ทำให้ภาพออกมาทั้งสวยงามและลื่นไหลอย่างไม่มีอาการกระตุกให้เห็นแต่อย่างใด นอกจากยานอวกาศแล้วเรายังสามารถขี่รถถังหรือเรือดำน้ำได้อีกด้วย ซึ่งเกมนี้เป็นเกมที่ขายดีรองลงมาจาก Mario Kart 64 เท่านั้น จึงได้ขึ้นแท่นซีรีส์แถวหน้าของนินเทนโดไปอีกเกม และที่สำคัญเกมนี้ก็รองรับการเล่นแบบหลายคนที่รองรับผู้เล่นถึง 4 คนเลยทีเดียว

9. Diablo (1996)

แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : PC, OS X (เฉพาะ PowerPC เท่านั้น) และ Playstation

อีกหนึ่งผลงานจากค่าย Blizzard สำหรับเกม RPG สายเลือดตะวันตกที่วางขายส่งท้ายปี 1996 โดยเราจะได้รับบทเป็นนักรบหนึ่งคนที่ต้องผจญภัยในโลกปีศาจและเข้าไปยังดันเจี้ยนที่มีระบบสุ่ม! ใช่ครับ ฟังไม่ผิด ดันเจี้ยนในเกมนี้จะเป็นแบบสุ่ม ดังนั้นเราจะไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย ในเกมยังมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันหลายอย่าง และมีอาชีพให้เราเลือกเล่นกันมากมายเพื่อฟอร์มทีมที่ทรงพลังในการเล่นระบบผู้เล่นหลายคน ซึ่งแน่นอนเลยว่าฮิตระเบิดระเบ้อจนมีภาคต่อมาถึงสองภาค และไม่รวมภาคเสริมยิบย่อยที่จะทำให้ประสบการณ์ของเราแจ่มแมวขึ้นไปอีก

10. Crash Bandicoot (1996)

แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : PlayStation

ก่อนที่ซีรีส์ Uncharted จะโด่งดัง ค่าย Naughty Dog ก็ได้สร้างเกมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Donkey Kong Country, Sonic the Hedge หรือ Super Mario ซึ่งผลที่ตอบรับก็ดีเยี่ยมเพราะเจ้าหนูยักษ์สวมกางเกงยีนส์ดีไซน์จ๊าบตัวนี้ก็เข้าไปครองใจแฟนๆหลากหลายวัยจนมีภาคต่อมามากมาย (และได้รับการรีมาสเตอร์บนเครื่องเล่นเกมปัจจุบันทั้งหมดเรียบร้อย) แต่ภาคต่อใดๆก็ไม่สามารถลบล้างภาพจำสุดฮาของเจ้าแครชสีส้มตัวนี้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นฉากกระโดดข้ามแม่น้ำ หรือฉากวิ่งหนีลูกหินยักษ์ เพราะความเข้าถึงง่ายนี้เองจึงทำให้ Crash Bandicoot ทั้งสามภาคบน PS1 ได้อยู่ติดบ้านนักเล่นเกมแทบทุกคน

11. Sonic the Hedgehog 2 (1992)

แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : Sega Genesis (Megadrive), Nintendo DS, Nintendo 3DS, iOS, Microsoft Windows และ Nintendo Switch อันนี้คือเท่าที่นึกออกนะครับ เพราะเป็นอีกหนึ่งเกมที่วางขายอย่างนับไม่ถ้วน

แม้ว่าภาคแรกจะทำให้เกมนี้ขึ้นแท่นอีกหนึ่งเกมฮิตของค่ายเซก้า แต่เจ้าเม่นสีน้ำเงินก็ได้กลับมาพร้อมระบบฟิสิกส์ใหม่และเกมเพลย์ที่รวดเร็วขึ้น แถมยังมีคู่หูใหม่อย่าง Tails ที่เราสามารถเลือกเล่นพร้อมกันในโหมดเนื้อเรื่อง โดย Tails จะมาพร้อมกับหางที่สามารถหมุนด้วยความเร็วจนกลายเป็นใบพัดเพื่อใช้บินได้ด้วย สำหรับในบ้านเราซีรีส์นี้อาจจะไม่ได้ดังมากแต่แน่นอนว่าผู้อ่านเกือบทั้งหมดคงได้เห็น ทาทา ยัง ในเสื้อลายโซนิคมาบ้างแล้วแน่นอนครับ

12. Resident Evil (1996)

แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : PlayStation, Microsoft Windows, Sega Saturn และ Nintendo DS

มาถึงเกมยิงผียอดฮิตที่ถ้าไม่ติดโผก็ไม่รู้ว่าจะยังไงแล้วกับ Resident Evil ภาคคลาสสิก ตัวเกมมีคอนเซปต์คล้ายๆกับหนังคัลท์สยองขวัญเกรดบีสมัยก่อน เราจะรับบทเป็นหน่วย S.T.A.R.S ที่รอดจากการจู่โจมของฝูงสุนัขซอมบี้เข้ามายังคฤหาสน์ที่เป็นศูนย์วิจัยของบริษัท Umbrella โดยภายในคฤหาสน์ก็จะมีปริศนาต่างๆให้แก้มากมายและยังต้องหลบหลีกเหล่าซอมบี้กระหายเลือดจำนวนมากที่จ้องจะเอาชีวิตเราอีก และเกมนี้ก็แน่นอนครับ ดังระเบิดจนมีภาคต่อมาจนถึงปัจจุบันซึ่งล่าสุดก็มีภาคสองฉบับทำใหม่ที่เพิ่งวางขายไปเมื่อปลายเดือนที่แล้วนี้เอง ส่วนเกมภาคแรกได้รับการรีเมคไปตั้งแต่ปี 2002 วางขายให้กับเครื่อง Nintendo Gamecube ก่อนที่จะนำมาขายซ้ำให้กับเครื่องอื่นๆในหลายปีต่อมา

13. The Legend of Zelda: A Link to the Past (1991)

แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : Super Famicom

อีกหนึ่งต้นฉบับเกมแนว Action RPG ซึ่งมาพร้อมกับกราฟฟิกการ์ตูนสดใสสบายตาอย่าง The Legend of Zelda โดยในภาคนี้เราจะได้บู๊มากขึ้นและยังมีปริศนาสนุกๆที่ไม่ยากจนเกินไปให้แก้แถมเนื้อหาก็นุ่มลึกและสนุกจนเล่นซ้ำแล้วซ้ำอีกได้เรื่อยๆ และคุณ Hideki Kamiya ก็ได้เอ่ยปากชมเกมนี้อย่างออกหน้าออกตาและบอกว่าผลงานการกำกับเกมส่วนมากของเขาก็มีเกมนี้เป็นต้นแบบทั้งนั้น

14. Pokémon Red/Blue (1996)

แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : Gameboy

เกมดังที่ไม่มีไม่ได้จริงๆสำหรับซีรีส์โปเกม่อนเพราะว่าหลังจากวางขายโดยชูระบบการเลี้ยงเหล่ามอนสเตอร์(ที่เรียกว่าโปเกม่อน)เพื่อนำมาต่อสู้กันผ่านสายลิงค์ และยังมีโปเกม่อนบางตัวที่จะสามารถวิวัฒนาการได้ผ่านการแลกเปลี่ยนเท่านั้นอีกด้วยทำให้การที่เราจะต้องสะสมให้ครบทั้ง 151 ชนิดเป็นเรื่องที่น่าสนุก นอกจากนี้เวลาเกมวางขายก็มักจะขายสองภาคควบคู่กันไป ซึ่งเนื้อหาโดยรวมจะคล้ายๆกันแต่ความแตกต่างก็คือโปเกม่อนที่เราจะพบในเกม หรือเนื้อเรื่องบางส่วนที่ไม่เหมือนกัน และความโด่งดังก็ส่งผลให้มีภาคต่อรวมไปถึงสินค้าเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตา การ์ด และยังมีแอนิเมชั่นเป็นของตัวเองอีก สำหรับเกมนี้ไม่ต้องพูดอะไรมากเพราะว่าเราโตมาด้วยกันอยู่แล้ว

15. Command & Conquer: Red Alert (1996)

แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : PC และ PlayStation

อีกหนึ่งเกมวางแผนการรบที่ชาว PC มักจะมีติดเครื่อง โดยเนื้อเรื่องของเกมนี้จะอยู่ในโลกคู่ขนานแต่ใช้บุคคลที่มีตัวตนจริงๆอย่างไอน์สไตน์และเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สองซึ่งแตกต่างไปจากเรื่องราวที่เรารู้ๆกันมา สำหรับเนื้อเรื่องก็ต้องติดตามกันในเกมเอาเองเพื่ออรรถรสที่เต็มอิ่มนะครับ ในด้านระบบของเกมจะแตกต่างกับเกมประเภทเดียวกันเพราะว่าเน้นหนักในด้านกลยุทธ์ที่อิงด้วยสภาพภูมิศาสตร์ และการจัดการทรัพยากรทางทหารที่ต้องเฉียบขาด แต่ในบ้านเราดูเหมือนว่าภาคสองที่วางขายในปี 2000 จะดังกว่า (มาพร้อมวลีฮิตอย่างหมูมะนาว)

16. Earthworm Jim (1994)

แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : มากเทียบเท่ากับ Doom ภาคต้นฉบับ

ปิดท้ายด้วยซีรีส์เกมที่ไม่มีเด็กยุค 90 คนไหนที่จะจำไม่ได้อย่าง Earthworm Jim ที่ให้เรารับบทเป็นไส้เดือนหน้ากวนโอ๊ยในชุดอวกาศในด่านที่ดีไซน์ออกมาได้โคตรจะเซอร์เรียลเลยทีเดียวครับ ระบบของเกมก็จะเหมือนเกมแนวเดินข้างอย่างเกมมาริโอแต่เราจะมีปืนไว้ยิงศัตรูและหัวของมันยังทำหน้าที่เป็นอาวุธคล้ายๆกับแส้ได้อีก ความโด่งดังของมันก็ทำให้มีภาคต่อมากมายและได้เข้าสู่สังเวียนเกมสามมิติกับเกมอื่นๆด้วย แต่ทว่าหลังจากปี 2000 เป็นต้นมาเกมนี้ก็ถูกขังลืมไปโดยปริยาย จนกระทั่งปี 2006 ก็มีข่าวลือหนาหูว่า Earthworm Jim เวอร์ชั่น PSP จะถูกเข็นออกมาวางขาย และทาง Atari ที่ได้รับลิขสิทธิ์ก็ได้ยืนยันกลางงาน E3 ปีนั้นท่ามกลางเสียงเฮ โชคร้ายที่ในปีต่อมาก็ได้ถูกยกเลิกไปอย่างน่าเสียดายเนื่องจากปัญหาด้านงบประมาณ ต่อมาในปี 2010 เกมภาคแรกก็ได้รับการรีเมคใหม่ให้ PS3 และ Xbox 360 โดยปรับปรุงกราฟฟิกและระบบเกมเพลย์ใหม่รวมไปถึงเพิ่มฉากสำหรับระบบผู้เล่นหลายคนด้วย แต่สุดท้ายเกมนี้ก็ถูกถอดออกจากร้านค้าอย่างไม่ทราบสาเหตุตั้งแต่ปี 2018 และเราก็ไม่ได้ยินอะไรจากผู้ผลิตอีกเลย…

เป็นอย่างไรบ้างครับกับรายชื่อทั้ง 16 เกมนี้ ซึ่งแต่ละเกมต้องบอกจริงๆว่ามาเล่นในตอนนี้ก็อาจไม่ได้รับอารมณ์แบบเดียวกับสมัยนั้นอีกต่อไปเพราะว่าอายุของมัน ส่วนบางเกมที่ฟังแล้วไม่คุ้นหูก็อาจจะต้องกลับไปนั่งพลิกดูหนังสือเกมสมัยก่อนกันใหม่อีกรอบให้หายคิดถึง แต่อย่างไรก็ตามคุณค่าของมันก็ยังคงมีอยู่ในตัวเองและมีจะมีค่าต่อจิตใจของเราที่เป็นผู้เล่นเสมอไม่มีวันจางไปไหนครับ