วิดีโอเกมที่ถูกสร้างมาเพื่อขายฐานผู้ชาย แต่ Male Fantasy ที่เหล่าชายแท้ชอบกลับเลือนหายไป
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่าน ต้องบอกว่าสื่อบันเทิงอย่างวิดีโอเกมนั้น แรกเริ่มเดิมทีก็กำเนิดขึ้นมาจากการมีฐานแฟนเกมเป็นเพศชายซะส่วนใหญ่ กำเนิดจากกลุ่มเนิร์ด รักคณิตศาสตร์ รักคอมพิวเตอร์ และพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนเป็นอุตสาหกรรมเกมขนาดใหญ่ในปัจจุบัน การที่วงการเกมพัฒนามาถึงจุดนี้ได้ส่วนหนึ่งก็มาพร้อมกับคำว่า “Male Fantasy” หรือก็คือเกมที่เสิร์ฟโมเมนต์หรือจินตนาการที่ผู้ชายชอบ เพราะผู้ชายคือฐานแฟนกลุ่มหลักที่จ่ายเงินให้กับอุตสาหกรรมนี้อย่างมหาศาล แต่พักหลังมานี้เริ่มมีการยัดเยียดสิ่งต่าง ๆ เข้ามาในวิดีโอเกมหรืออย่างที่เราเรียกกันว่าความ Woke จาก 2-3 ปีที่ผ่านมาก็จะเห็นได้ว่าองค์ประกอบของความเป็น Male Fantasy มันลดหายลงไปพอสมควร เรามาชมกันครับว่ามีอะไรบ้าง
1. ตัวละครชายที่ออกแบบมาให้เท่สมใจผู้เล่น
สิ่งหนึ่งที่ขาดหายไปในเกมใหม่ยุคหลัง ๆ มานี้ก็ต้องบอกเลยว่ามันคือตัวละครชายที่ถูกออกแบบมาให้เท่สมใจผู้เล่นครับ คำว่าเท่ไม่ได้หมายความว่าต้องหล่อ ตัวละครตัวนั้นจะเป็นคนอ้วน มีหนวด หัวหงอก หัวโล้น แขนขาจะพิการ หรืออะไรก็ได้ แต่บริบทของการวางเนื้อเรื่องและบทของตัวละครตัวนั้นจะต้องให้ความรู้สึกเท่กับผู้เล่นได้โดยไม่เกี่ยงว่าเขาจะมีสถานะเป็นอะไรหรืออายุเท่าไหร่ เพราะพักหลังมานี้ตัวละครภายในเกมมักจะถูกนับตามประเภทความหลากหลายว่า เกม ๆ นี้มีตัวละครครบทุกเพศหรือยัง มีคนผิวสีไหม มีคนพิการหรือเปล่า แทนที่จะเอาเวลาไปใส่ใจกับการพัฒนาตัวละครในมุมลึกให้ออกมาดูดี กลับเลือกที่จะเพิ่มจำนวนตัวละครให้มีครบทุกแบบเพื่อไม่ให้ Woke ด่าทีหลัง แล้วพอเชิงปริมาณสำคัญกว่าเชิงคุณภาพ เกมก็จะไม่มีตัวละครที่น่าสนใจไว้แบกซีรีส์ด้วย
2. โมเมนต์ของลูกผู้ชายที่ได้ปกป้องผู้หญิงที่ตนรัก
Male Fantasy คือโลกของลูกผู้ชายที่อยู่ในจินตนาการ จะบอกว่าเป็นผู้ชายที่ยังไม่โตก็ได้ แต่เชื่อว่าลูกผู้ชายทุกคนล้วนอยากเป็นฮีโร่ของใครสักคนอยู่เสมอ โดยเฉพาะการได้เป็นฮีโร่กับผู้หญิงที่ตัวเองรักหรือเห็นว่าสำคัญ การได้ปกป้องเธอ ดูแลเธอ สร้างความสุขให้กับเธอ นั่นคือเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ภายในหัวใจของลูกผู้ชาย และการที่วิดีโอเกมได้มีซีนเหล่านี้โผล่ออกมา นั่นย่อมกระตุ้นความสุขของผู้เล่นอย่างเราได้มากพอสมควร แต่สำหรับยุคนี้ที่แนวคิดเรื่องสตรีนิยมกำลังได้รับความนิยมว่า ผู้หญิงก็แข็งแกร่งได้ ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องให้ผู้ชายมาปกป้อง ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไรในโลกของความเป็นจริง แต่สำหรับวิดีโอเกมที่มีฐานผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นผู้ชายแล้ว เรียกได้ว่าถูกตัดซีนฮีโร่เหล่านี้ไปจนหาได้ยากแล้วครับ
3. ความสุดโต่งของอุดมการณ์ที่ทำเพื่อตัวเอง
สิ่งหนึ่งที่อาจจะฟังดูเป็นขั้วตรงข้ามของความโลกสวยคือ Male Fantasy นั้นมักจะมีตัวละครที่มีแนวคิดสุดโต่งอยู่ไม่น้อย เพื่อที่พวกเขาจะได้สร้างอุดมการณ์ของตัวเอง ทำเพื่อตัวเอง และเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าความคิดแบบนี้ในโลกจริงก็คงจะไม่ใช่เรื่องดี แต่สำหรับวิดีโอเกมนั้นบอกเลยว่ามันสร้างสีสันให้กับ Male Fantasy เป็นอย่างมาก เพราะความเป็นจริงเราก็รู้อยู่แก่ใจว่า มันจะมีสักกี่คนที่คิดเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบเพื่อคนอื่น เพื่อให้สังคมน่าอยู่ขึ้น เพื่อปกป้องโลกจากอันตราย เพราะสุดท้ายคนเราก็เลือกทำสิ่งนี้เพื่อตัวเอง ทำเพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น แก้ปมวัยเด็กของตัวเอง หรือไม่ก็เพื่อคนสำคัญไม่กี่คน บางคนยอมทำลายโลกเพื่อช่วยชีวิตของผู้หญิงเพียงคนเดียว นั่นคือ Male Fantasy ที่ไม่จำเป็นต้องมีอุดมการณ์เพื่อสังคมมาขับเคลื่อนเนื้อเรื่องในเกมครับ
4. การรักษาศักดิ์ศรีที่ไม่ใช่แค่อีโก้ใส่กัน
คำว่าลูกผู้ชายนั้นมาคู่กับคำว่าศักดิ์ศรีเสมอ และ Male Fantasy ก็มีสิ่งนี้มาให้เห็นอยู่ตลอด การต่อสู้โดยการเอาศักดิ์ศรีเป็นเดิมพัน โดยไม่สนใจเหตุผลเชิงกายภาพว่าจะต้องสูญเสียเท่าไหร่ หรือลำบากแค่ไหน บางครั้งการทำอะไรตามอารมณ์ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Male Fantasy เช่นกัน บางครั้งเนื้อเรื่องของเกมอาจจะทำให้ผู้เล่นรู้สึกอึดอัดจากการที่ตัวละครทำอะไรบางอย่างไม่ถูกใจเรา เช่น ถ้าเกิดเป็นเราอยู่ตรงนั้นเราคงจัดการตัวร้ายตรงหน้าไปแล้ว แต่ตัวเกมดันบอกให้เรามีเหตุผลซะอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ตัวร้ายมันหยามเกียรติเราซะขนาดนี้ แต่ในขณะเดียวกันศักดิ์ศรีที่ว่านี้ดันโผล่ในฉากที่ยืนบลัฟใส่กันระหว่างฝ่าย พูดข่มคนอื่น ฝ่ายนึงเจ๋ง ฝ่ายนึงก็ยิ่งใหญ่ ข่มกันไปข่มกันมา แต่ไม่เห็นว่ามันจะบวกกันสักที ซึ่งมันไม่ได้ทำให้ผู้เล่นสนุกขึ้นครับ
5. ใช้การกระทำมากกว่าคำพูดที่เถียงกันไปมา
ต่อเนื่องจากของที่ 4 อย่างที่กล่าวไปว่า Male Fantasy กับศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายมักจะมาคู่กัน ถ้าอีกฝ่ายพูดไม่เข้าหู สิ่งที่มักจะโผล่มาในเกมยุค 90 หรือ 2000 มันคือการต้องโดนกำปั้นไม่ก็กระสุนปืน แต่ในยุคนี้กลับเป็นการสาดน้ำลายใส่กัน เถียงกันไปเถียงกันมา Dialog นี่ยาว 8 หน้ากระดาษ แต่ Point ของซีนนั้น ๆ กลับมีอยู่นิดเดียว เชื่อเถอะครับว่าการที่ตัวละครพูดเยอะ ไม่ได้ช่วยให้ผู้เล่นชอบตัวละครนั้นมากยิ่งขึ้น เผลอ ๆ ถ้าพูดมากเกินไปแต่สร้างความรำคาญมันก็ยิ่งทำให้ผู้เล่นเกลียดตัวละครตัวนั้นมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าเกิดตัวละครตัวนั้นดำเนินเนื้อเรื่องโดยใช้การกระทำ ไม่ว่าจะในด้านใดด้านหนึ่ง พวกเขาจะได้รับความรักจากผู้เล่นมากขึ้นเสมอ และนั่นคือความเป็น Male Fantasy ที่ลูกผู้ชายใช้การกระทำมากกว่าคำพูดครับ
6. โลกแห่งความจริงที่ไม่ใช่ละครคุณธรรมสอนใจ
คำว่าโลกแห่งความจริงภายในวิดีโอเกมนั้นค่อนข้างแยกแยะกันได้ยาก เนื่องจากว่าทางฝั่งของ Woke เองเล่นเรื่องนี้ และ Male Fantasy ก็มีสิ่งนี้อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่ามันเป็นคนละมุมมอง ซึ่ง Male Fantasy จะค่อนข้างดูโหดร้ายกว่า ดิบเถื่อนกว่า ถ้าแพ้ก็หมายถึงตายไม่ใช่คุณธรรมสอนใจอย่างที่เราเห็นกันในเกมยุคหลัง ผมยกตัวอย่างเกมที่มีธีมของการล้างแค้น เราได้รับบทเป็นตัวละครที่คุณพ่อโดนฆ่าต่อหน้าต่อตา เวลาผ่านไปเรามีเป้าหมายในการล้างแค้นฝ่ายตรงข้าม แต่พอถึงเวลาที่เราได้รับชัยชนะ เรากลับเลือกที่จะไม่ฆ่าตัวร้ายเพียงเพราะว่าตัวเราคิดเองได้ว่าการล้างแค้นไม่ใช่สิ่งที่ดีแล้วก็ปิดจ็อบไปซะอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่หากเราเป็นฝ่ายแพ้ตัวร้ายมันฆ่าเราแน่ ซึ่งถ้าเป็น Male Fantasy ยุคก่อนเราคงได้ลิ้มรสเลือดของศัตรูไปแล้ว และนั่นคือความแตกต่างครับ
7. ฉากต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกพ้องที่ทำให้ผู้เล่นขนลุก
คำว่าลูกผู้ชายใน Male Fantasy ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องมีตัวละครผู้หญิงสวย ๆ เซ็กซี่ ๆ ไว้ข้างกาย แต่สิ่งที่ลูกผู้ชายอย่างเราต้องการจริง ๆ คือมิตรภาพระหว่างลูกผู้ชายด้วยกัน การที่เรามีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ มีคนที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเรา ถึงแม้ว่าศัตรูตรงหน้าจะแข็งแกร่งจนไม่มีทางเอาชนะได้ แต่มิตรภาพที่ไม่ย่อท้อนี้อาจทำให้ก่อเกิดปาฏิหาริย์ที่เรียกว่าชัยชนะ สิ่งนี้ต่างหากที่ Male Fantasy ต้องการ ไม่จำเป็นต้องมีตัวละครหล่อ ๆ ไม่จำเป็นต้องมีนางเอกสุดเซ็กซี่ ไม่ต้องมีฉากเลิฟซีน 18+ คำว่า Male Fantasy มันคือมิตรภาพระหว่างเพื่อนที่ทำให้เรารู้สึกขนลุกได้ และทำให้ผู้เล่นรู้สึกภูมิใจที่ได้เล่น ปรากฎการณ์แบบนี้เริ่มหาได้ยากขึ้นทุกวันครับ
และนี่ก็คือ “7 องค์ประกอบของ Male Fantasy ที่เริ่มหายไปหลังจากวงการเกมเริ่ม Woke” ตรงกับสิ่งที่เพื่อน ๆ คิดกันบ้างไหมครับ ถ้าเกิดว่าเพื่อน ๆ มีความเห็นอะไรที่อยากจะช่วยเสริมหรือเห็นต่างประการใด ก็สามารถคอมเมนต์พูดคุยกันได้เสมอนะครับ โดยส่วนตัวผมเองก็เติบโตมากับความเป็น Male Fantasy ของเกมยุคก่อน เรื่องของความหลากหลายก็ยอมรับได้ถ้าเกม ๆ นั้นมันไม่ยัดเยียดจนเกินไปครับ 🙂
