6 เหตุผลที่เด็กรุ่นใหม่ไม่ชอบเกม PVP แบบ 1vs1
หรือกลายเป็นเกมคนแก่ที่เด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยสนใจไปเสียแล้ว!?

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่าน การเล่นเกมแนวต่าง ๆ นั้นก็พัฒนามาจากจุดเริ่มต้นเหมือนกันหมดก็คือการเป็นเกมเล่นคนเดียว จากนั้นค่อยกลายมาเป็นเกมเล่น 2 คนเพื่อการแข่งขันเป็นทุนเดิม ไม่ว่าจะเป็นเล่นเก็บคะแนนแข่งกัน ต่อสู้กัน แล้วค่อยเปลี่ยนมาเป็นแนว Co-op เลยทำให้มีผู้เล่นรุ่นใหญ่จำนวนไม่น้อยเลยที่เติบโตมากับเกม PVP แบบ 1vs1 เพราะสมัยก่อนเกมมันเป็นแบบนั้น เช่น เกมแนว Fighting อย่าง Street Fighter, Tekken เกม RTS อย่าง StarCraft หรือแม้แต่เกมแนวกีฬาอย่าง FIFA เกมเหล่านี้คือเกม 1vs1 แทบทั้งสิ้น ซึ่งฐานผู้เล่นส่วนมากมักจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก จนกลายเป็นเกมคนแก่ในที่สุด แล้วเพราะอะไรทำไมเด็กรุ่นใหม่ถึงไม่ชอบเล่นเกม 1vs1 เราไปชมกันครับ
1. ความเครียดของ “ความพ่ายแพ้” มันสูงมาก

พื้นฐานความอดทนของคนเราอาจไม่เท่ากัน แต่มันอาจเพิ่มมากขึ้นได้ถ้าเกิดว่าเราเล่นเกมแล้วแพ้ซ้ำ ๆ ซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่เราเลือกเล่นเกมเพื่อความสนุก ความผ่อนคลาย และถ้าเกิดว่าเล่นเกมแล้วแพ้ซ้ำ ๆ ความสนุกนั้นก็อาจจะลดลงได้ ยังไงเกมก็คือการแข่งขันชนิดหนึ่ง ที่เรามักจะคาดหวังผลสำเร็จจากมันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และเกมประเภท 1vs1 นั้นค่อนข้างมีมุมมองอื่นให้ดูน้อยมากนอกจากการเอาชนะฝ่ายตรงข้ามให้ได้ สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่เติบโตมาในยุคโซเชียลมีเดีย พบเจอกับแรงกดดันมหาศาล การจัดการความคิดและความรู้สึกก็จึงยากตามไปด้วย แทนที่จะมาปวดหัวกับเกมที่เล่นแล้วแพ้บ่อย ๆ สู้ไปเล่นเกมที่เล่นแล้วไม่เครียดจะดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่เสียสุขภาพจิตไปมากกว่านี้ครับ
2. ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้นานถึงจะเก่ง

เกมประเภท PVP แบบ 1vs1 นั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากตัวเราแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเกมแนว Fighting เกมแนว RTS เกมแนวกีฬา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากการกระทำของผู้เล่น พลาด 1 จุดก็ไม่มีคนอื่นมากลบให้ ถ้าเสียเปรียบก็ต้องแก้ทางเอาเอง ปริมาณสิ่งที่ต้องเรียนรู้มันมีมากกว่าการเล่นเกมเป็นทีมที่โฟกัสแค่หน้าที่ของตัวเองก็ยังพอเล่นกับคนอื่นได้ แต่กับเกม 1vs1 นั้นถ้าคุณอยากชนะ คุณต้องขยันเรียนรู้ ฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอถึงจะเก่ง และค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้คือความเครียดของความพ่ายแพ้ ถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งพอก็จะถอดใจไปในที่สุด เด็กรุ่นใหม่จึงนิยมเกมอื่นมากกว่าครับ
3. มีเกมอื่นที่แคสชวลกว่า เล่นผ่อนคลายกว่า

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า เหตุผลที่คนเราเลือกเล่นเกมก็คือการเล่นเพื่อความสนุก ความบันเทิง ความผ่อนคลาย แต่ถ้าแพ้บ่อย ๆ มันก็ไม่น่าเล่นเพราะจะเพิ่มความเครียดเปล่า ๆ ซึ่งในปัจจุบันก็มีเกมหลากหลายแนวให้ผู้เล่นได้เลือก มีทั้งแนวเล่นกัน 2 คนกับแฟน เล่น Co-op กันกับเพื่อน หรือแม้แต่เกม Single-Player ที่มีบรรยากาศ Cozy สุดฮีลใจ ภาพกราฟิกน่ารัก ๆ อยู่เต็มไปหมด ไม่จำเป็นเลยที่เราจะต้องเลือกเล่นเกมที่ต้องชนะอย่างเดียวถึงจะเล่นสนุกได้ ความสุขและความสงบจากเกมก็มีทางเลือกมากมาย โดยเฉพาะเกมอินดี้ยุคใหม่ที่เริ่มทำดีขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าจะไม่ใช่ AAA ก็ตาม
4. ให้ความสำคัญกับเพื่อน เน้นเกมเล่นเป็นทีม

กลุ่มวัยรุ่นและเด็กรุ่นใหม่ล้วนให้ความสำคัญกับมิตรภาพระหว่างเพื่อนสูงกว่าสถาบันอื่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งยุคใหม่นี้คนรุ่นใหม่มีแนวโน้มที่จะสนใจเรื่องเพศหรือความรักเชิงชู้สาวน้อยลงกว่าแต่ก่อนมาก ทำให้สังคมที่พวกเขามาโฟกัสก็คือกลุ่มเพื่อนที่เล่นเกมด้วยกันใน Discord เพราะมันคือกลุ่มคนที่มารวมตัวกันโดยไม่มีการบังคับอะไร และส่วนใหญ่มักจะชอบอะไรเหมือน ๆ กัน ดังนั้นการเล่นเกมก็เลยจะเป็นการเล่นแบบ Co-op หรือไม่ก็เป็น PVP แบบทีมที่มีเพื่อนร่วมกันสู้ เพราะการเล่นเกมแนว Competitive แบบทีมนั้นอย่างน้อยเวลาแพ้ขึ้นมาก็มีเพื่อนร่วมเสียใจด้วย หรือบางครั้งจิตใจของเราก็ช่วยปกป้องตัวเองได้ว่าอย่างน้อยก็ไม่ได้แพ้เพราะเราคนเดียว มันทำให้เล่นเกมแนวนี้ได้นานกว่าการเล่นแบบ 1vs1 ครับ
5. เนื้อเรื่องไม่โดดเด่นเท่าเกมแนวอื่น

ผู้เล่นเกมส่วนใหญ่จะมีปัจจัยอื่น ๆ ในการเลือกเล่นเกมใดเกมหนึ่ง หนึ่งในนั้นคือด้านเนื้อเรื่อง หากเกมเพลย์ไม่ค่อยโดดเด่นแต่เนื้อเรื่องมันสนุกคนเล่นก็ยังพอเล่นได้ แต่สำหรับเกมแนว 1vs1 ก็พอจะมีเนื้อเรื่องอยู่บ้าง เช่น Street Fighter หรือ Tekken ก็พอจะมี Story ให้ผู้เล่นได้พอจับแพะชนแกะได้บ้างว่าใครสู้กับใคร ใครเกลียดใคร ใครมีปมปัญหากับใครมาก่อนบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่ถูกนำเสนอในแง่ของประเด็นหลักของเกม คนที่รู้คือคนที่ตามอ่าน ตามศึกษาเนื้อเรื่องของเกมจากนอกจอ ส่วนในจอนั้นไม่ได้นำส่วนนี้ออกมานำเสนอให้เด่นชัดสักเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับเกมระดับ AAA อื่น ๆ ในวงการ เลยทำให้เกมแนว 1vs1 ไม่ค่อยมีเนื้อเรื่องที่โดดเด่นครับ
6. ฐานผู้เล่นเก่ามีแต่คนโหด ๆ เริ่มต้นใหม่ได้ยาก

สมมุตว่าเราผ่านการเริ่มต้นใหม่ไปได้ ขยัน ฝึกซ้อม เรียนรู้ จนกระทั่งเราเป็นคนที่มีฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงกับผู้เล่นในเซิร์ฟเวอร์ได้ แต่ถึงอย่างนั้น จะมีคนสักกี่คนที่มีความชอบเกมแนว 1vs1 จนยอมเสียเวลาฝึกฝนจนอยู่ในเกมไหว สมมุตว่าเกม ๆ หนึ่งต้องใช้เวลาฝึกอย่างน้อย 1 เดือน ถึงจะสามารถเพิ่มอัตราการชนะให้เป็นแบบ 50-50 ได้ ในขณะที่เกมแคสชวลบางเกมแทบไม่ต้องใช้เวลาฝึกฝนเลย แต่ก็สามารถมีโอกาสชนะได้มากกว่านั้น ดังนั้นผู้เล่นใหม่เลยเข้ามาเริ่มต้นใหม่ได้ยาก เนื่องจากว่าฐานผู้เล่นเดิมที่อยู่ในเกมก็มีแต่คนเก่ง ๆ เต็มไปหมด เพราะถ้าพวกเขาไม่ฝึกพวกเขาก็ไม่ชนะเหมือนกัน คนใหม่ ๆ เลยเข้ามาแทรกยากถ้าไม่ได้มีใจรักในเกมนั้น ๆ จริง ๆ
และนี่ก็คือ “6 เหตุผลที่เด็กรุ่นใหม่ไม่ชอบเกม 1vs1” ตรงกับสิ่งที่เพื่อน ๆ คิดกันไหมครับ มีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง ลองคอมเมนต์แชร์ความคิดกันมาได้นะครับ ส่วนตัวผมเองนั้นก็โตมากับยุคเกม 1vs1 ตั้งแต่สมัย Famicom แล้ว เลยไม่ค่อยมีปัญหากับเกมแนวนี้ แต่ถามว่าแพ้แล้วสนุกไหมก็คงตอบยากเหมือนกัน การเล่นเกมที่มีจุดโฟกัสแค่แพ้หรือชนะมันอาจทำให้เกิดความเครียดได้มากจริง ๆ