รายงานจาก Wall Street Journal เผยว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาแนวทางใหม่ที่อาจส่งผลใหญ่หลวงต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ โดยเตรียมกำหนดให้บริษัทเทคโนโลยีต้องลดการนำเข้าชิปและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนและไต้หวัน พร้อมหันมาใช้ชิปที่ผลิตภายในประเทศในสัดส่วน 1:1 มิฉะนั้นอาจถูกเก็บภาษีเพิ่มเติม
ตามรายงาน รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ Howard Lutnick ได้หารือกับผู้บริหารบริษัทชิปหลายรายแล้ว เพื่อประเมินความเป็นไปได้ของนโยบายดังกล่าว ตัวอย่างเช่น บริษัท Nvidia ปัจจุบันพึ่งพาโรงงานผลิตในไต้หวันและจีนเกือบทั้งหมด ทั้งในส่วนของ GPU, CPU และบอร์ดวงจร หากกฎใหม่ถูกบังคับใช้ บริษัทจะต้องปรับโครงสร้างซัพพลายเชนครั้งใหญ่เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด
แม้สหรัฐฯ จะมีบริษัทอย่าง Intel, GlobalFoundries และ Micron รวมถึงโรงงานของ Samsung และ TSMC ในประเทศ แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่ายังไม่สามารถเทียบได้กับกำลังการผลิตและเทคโนโลยีของเอเชียตะวันออก เช่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ และจีน การสร้างระบบผลิตที่สมดุลในประเทศจึงต้องใช้เวลาและงบประมาณมหาศาล
แผนดังกล่าวยังไม่เปิดเผยรายละเอียดภาษีหรือกรอบเวลาที่ชัดเจน แต่มีแนวคิดให้บริษัทที่ให้สัญญาสร้างโรงงานในสหรัฐฯ ได้รับการยกเว้นภาษีชั่วคราว เพื่อให้มีเวลาเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าต้นทุนการย้ายฐานผลิตและขยายกำลังผลิตในประเทศอาจสูงกว่าภาษีที่จะเก็บเสียอีก
แม้แนวทางนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นคงของซัพพลายเชนและลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แต่การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเกินไปอาจกระทบต่อบริษัทเทคที่กำลังเผชิญภาวะรายได้ไม่แน่นอน โดยเฉพาะบริษัทที่พึ่งพาตลาดโลกและซัพพลายเออร์จากเอเชียเป็นหลัก
จนกว่าจะมีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากฝ่ายบริหารของทรัมป์ แผนดังกล่าวยังอยู่ในขั้นคาดการณ์ แต่สำหรับบริษัทเทคในสหรัฐฯ นี่อาจเป็นได้ทั้งโอกาสทองในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมผลิตชิปในประเทศ หรือระเบิดเวลาที่ทำให้ต้นทุนพุ่งและการแข่งขันถดถอยในตลาดโลก
