เทคโนโลยี

[รีวิว] HyperX Pulsefire Raid เมาส์เกมมิ่งที่สายคอนโทรลไม่ควรพลาด

มาพร้อมปุ่มสำหรับการใช้งานกว่า 11 ปุ่ม ในราคาเอื้อมถึงได้

เมาส์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เกมเมอร์มักจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเมื่อเราเริ่มพูดถึงการเล่นเกมอย่างจริงจัง หากเราเลือกเมาส์ไม่ดีก็อาจจะส่งผลต่อการเล่นได้ และวันนี้เรามีเมาส์ที่มาพร้อมกับความเพียบพร้อมสำหรับการใช้งานกับเกมทุกประเภทอย่าง HyperX Pulsefire Raid อีกหนึ่งความคุ้มค่าในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ พร้อมปุ่มให้ปรับแต่งและใช้งานกว่า 11 ปุ่มจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้างเรามาดูกันเลย

Design

[รีวิว] HyperX Pulsefire Raid เมาส์เกมมิ่งที่สายคอนโทรลไม่ควรพลาด

สำหรับ HyperX Pulsefire Raid มาพร้อมกับการออกแบบสำหรับใช้งานมือขวาเพียงอย่างเดียว ส่วนโค้งต่าง ๆ ของเมาส์มีการปรับให้เข้ากับมือของผู้ใช้งานเป็นอย่างดี วัสดุรอบตัวที่นำมาใช้งานเป็นแบบพลาสติก รอยต่อต่าง ๆ หนาแน่นไม่หลุดออกมาได้ง่ายแม้ในยามวิกฤตเวลาที่เล่นเกมอย่างแน่นอน

[รีวิว] HyperX Pulsefire Raid เมาส์เกมมิ่งที่สายคอนโทรลไม่ควรพลาด

ด้านซ้ายมาพร้อมกับปุ่มสำหรับการใช้งานที่ปรับแต่งได้ 5 ปุ่ม โดยที่ 2 ปุ่มด้านล่างจะมีค่าพื้นฐานเป็นปุ่มสำหรับการคลิ้กเพื่อไปข้างหน้าและย้อนกลับ แต่เราสามารถเข้าไปปรับแต่งเพิ่มเติมได้ในโปรแกรม HyperX NGENUITY ขณะที่ถัดลงมาจะเป็นพื้นที่ของยางทำให้เวลาใช้งานเกาะมือได้เป็นอย่างดี

[รีวิว] HyperX Pulsefire Raid เมาส์เกมมิ่งที่สายคอนโทรลไม่ควรพลาด

ด้านขวาไม่มีปุ่มใด ๆ แต่จะเป็นยางที่ช่วยให้สามารถจับได้ถนัดยิ่งขึ้น

[รีวิว] HyperX Pulsefire Raid เมาส์เกมมิ่งที่สายคอนโทรลไม่ควรพลาด

ด้านหน้าเป็นพื้นที่สำหรับสายที่ไว้ใช้สำหรับเชื่อมต่อกับตัวเครื่องที่ใช้งาน ไม่สามารถถอดออกได้

[รีวิว] HyperX Pulsefire Raid เมาส์เกมมิ่งที่สายคอนโทรลไม่ควรพลาด

ด้านล่างของ HyperX Pulsefire Raid มีการแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ ของตัวเมาส์และพื้นรองแบบสปีด

[รีวิว] HyperX Pulsefire Raid เมาส์เกมมิ่งที่สายคอนโทรลไม่ควรพลาด

ด้านบนมีปุ่มสำหรับการปรับเปลี่ยนค่า DPI ของเมาส์ได้ โดยเมื่อกดลงไปจะเปลี่ยนสีที่แสดงเพื่อให้ทราบว่าใช้งาน DPI ความเร็วเท่าไหร่อยู่

Specification

ShapeErgonomic
SensorPremium Pixart PMW3389
Resolutionup to 16,000 DPI
DPI presets800 / 1600 / 3200 DPI
Speed450 IPS
Acceleration50G
Buttons11
Left / Right button switchesOmron
Left / Right button durability20 million clicks
BacklightRGB (16,777,216 colors)
Light effects2 RGB lighting zones
On board memory1 profile
Connection typeUSB 2.0
Polling rate1000Hz
Cable typeBraided
DimensionsL: 127.8 mm
W: 71.0mm
H: 41.5 mm
Cable length1.8m
Weight (without cable)95g
Weight (with cable)125g
SoftwareHyperX NGENUITY

Software

[รีวิว] HyperX Pulsefire Raid เมาส์เกมมิ่งที่สายคอนโทรลไม่ควรพลาด

ในส่วนของโปรแกรมที่เราใช้งานในการปรับแต่งค่าต่าง ๆ ของตัว HyperX Pulsefire Raid จะใช้งานเป็นโปรแกรมตัวล่าสุดของทาง HyperX อย่าง HyperX NGENUITY โดยภายในโปรแกรมเราสามารถที่จะปรับแต่งค่าการแสดงผลของแสงไฟ RGB ได้ สามารถที่จะเลือกได้ว่าจะให้แสดงผลที่โลโก้สีหนึ่งขณะที่บริเวณ Wheel อีกสีหนึ่ง ปรับการทำงานของแต่ละปุ่มได้ภายในตัว สร้าง Macro ขึ้นมาใช้งานได้อีกด้วย เรียกได้ว่าครบทุกฟีเจอร์การใช้งานที่เมาส์ควรจะปรับแต่งได้ ที่สำคัญมีการตรวจสอบเฟิร์มแวร์ให้เราอีกต่างหาก ถือว่าครบจบในโปรแกรมเดียว

[รีวิว] HyperX Pulsefire Raid เมาส์เกมมิ่งที่สายคอนโทรลไม่ควรพลาด

Experience

[รีวิว] HyperX Pulsefire Raid เมาส์เกมมิ่งที่สายคอนโทรลไม่ควรพลาด

จากการใช้งานตัวของ HyperX Pulsefire Raid เรียกได้ว่าน่าประทับใจ ด้วยจำนวนปุ่มที่มีให้ปรับแต่งได้มากถึง 11 ปุ่ม ทำให้เราสามารถที่จะเปลี่ยนการตั้งค่าให้เหมาะกับการใช้งานได้ อย่างส่วนตัวแล้วมักจะชื่นชอบในการฟังอะไรไปด้วยระหว่างการเล่นเกม ก็จะตั้งค่าให้ปรับเป็นเพิ่ม / ลดเสียง และปิดเสียงภายนอกไปเวลาที่จะเล่นได้ทันทีไม่ต้องสลับไปมา ในส่วนของการเล่นเกมเวลาที่ลากเมาส์ยาว ๆ ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีไม่มีอาการขาดหรือสะดุด การสะบัดเมาส์ในเกม FPS ก็ทำออกมาได้ไม่ติดขัดอะไร แต่ก็ต้องคำนึงถึงการตั้งค่า DPI ให้ดี

[รีวิว] HyperX Pulsefire Raid เมาส์เกมมิ่งที่สายคอนโทรลไม่ควรพลาด
[รีวิว] HyperX Pulsefire Raid เมาส์เกมมิ่งที่สายคอนโทรลไม่ควรพลาด
[รีวิว] HyperX Pulsefire Raid เมาส์เกมมิ่งที่สายคอนโทรลไม่ควรพลาด

ในส่วนของขนาดตัวเมาส์มีการปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ด้วยความที่มีน้ำหนักเพียงแค่ 125 กรัม เวลาที่ใช้งานทำให้ไม่รู้สึกล้ามากนัก ตัวปุ่มไม่ต้องใช้แรงในการกดมากก็สามารถตอบสนองต่อความต้องการได้ทันที ที่สำคัญแต่ละปุ่มไม่รู็สึกบอบบางทำให้ใช้งานได้ยาว ๆ ไม่ต้องกังวลในส่วนของความทนทานของตัวเมาส์นั่นเอง

[รีวิว] HyperX Pulsefire Raid เมาส์เกมมิ่งที่สายคอนโทรลไม่ควรพลาด
[รีวิว] HyperX Pulsefire Raid เมาส์เกมมิ่งที่สายคอนโทรลไม่ควรพลาด

นอกจากตัวของเมาส์แล้วเรายังมีอีกหนึ่งสิ่งที่เหมาะมากกับการใช้งานร่วมกันอย่าง HyperX Fury S แผ่นรองเมาส์แบบ Precise ที่จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการใช้งาน โดยที่เราได้มาเป็นแบบขนาดใหญ่สุด XL ที่มีขนาด 900 x 420 มม.ด้านบนเป็นผ้าที่ช่วยในการใช้งาน ขณะที่ด้านล่างจะเป็นตัวของยางที่ช่วยในการยึดเกาะกับพื้นผิวที่วางทำให้ไม่มีการเลื่อนเวลาใช้งาน และด้วยการที่เป็นแผ่นร้องเมาส์ขนาด XL ทำให้มีพื้นที่ในการลากเมาส์ได้มากกว่าแบบอื่น ๆ ส่วนคุณภาพงานเย็บของแผ่นรองเมาส์ถือว่าทำออกมาได้เป็นอย่างดีไร้ตะเข็บและไม่รุ่ย โดยมีราคาเพียงแค่ 990 บาทเท่านั้น

Conclusion

[รีวิว] HyperX Pulsefire Raid เมาส์เกมมิ่งที่สายคอนโทรลไม่ควรพลาด

HyperX Pulsefire Raid ถือว่าเป็นเมาส์เริ่มต้นของผู้ที่กำลังอยากจะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่จริงจังและแตกต่างจากเมาส์สำหรับเล่นเกมรุ่นอื่น ๆ ด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ให้มาภายในตัว ไม่ว่าจะเป็นค่า DPI ที่กว้าง แสงไฟ RGB ปุ่มควบคุมมากถึง 11 ปุ่ม และที่สำคัญคือสามารถใช้งานโปรแกรมเพื่อปรับแต่งเพิ่มเติมได้อย่างอิสระ ทำให้ดูแล้ว HyperX Pulsefire Raid  มีความคุ้มค่าต่อราคาที่ต้องจ่ายไปอย่างมาก ในส่วนของราคาวางขายอยู่ที่ 1,490 บาท

จุดเด่น

– วัสดุที่ทนทานต่อการใช้งาน

– ไฟ RGB ที่ปรับแต่งให้มีความต่างกันได้หลากหลายรูปแบบ

– ปุ่มสำหรับการใช้งานกว่า 11 ปุ่ม

– การทำงานที่แม่นยำของเซนเซอร์

– โปรแกรมปรับแต่งที่ใช้งานได้ง่ายแต่แฝงไปด้วยความหลากหลาย

– เสียบแล้วใช้งานได้ทันทีแม้ไม่ต้องปรับแต่ง

จุดสังเกต

– ระยะห่างระหว่างปุ่มที่อาจจะดูน้อยเกินไปทำให้อาจจะกดผิดพลาดไปได้ในบางครั้ง

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง HyperX ประเทศไทยสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบในครั้งนี้ถือว่าเป็นเมาส์ที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับ HyperX Pulsefire Raid สำหรับใครที่สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ตามร้านค้าไอทีชั้นนำหรือจะเป็นการสั่งผ่านช่องทางออนไลน์ก็มีจำหน่ายแล้วเช่นกัน

รายละเอียดเพิ่มเติม : คลิก

Artherlus

แค่คนทั่วไปที่หลงใหลในวงการไอที
Back to top button