เทคโนโลยี

[รีวิว] PlayStation VR2 ยกเครื่องจากสิ่งเดิมที่คุ้นเคย

ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกเสมือนที่เกือบสมบูรณ์แบบ

PlayStation VR2 ได้มาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้วและต้องยอมรับว่าเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนของวงการที่ผู้ใช้งานสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ปัจจุบันสิ่งรอบตัวเรามักจะมีการนำคำว่าโลกเสมือนมาใช้งานกันเป็นวงกว้าง ต้องถือว่าทาง Sony มองตลาดได้ขาดหลังจากเปิดตัวรุ่นแรกในปี 2016 และทิ้งช่วงเวลาอันเหมาะสมจนในที่สุดก็ได้ฤกษ์ส่งรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด ว่าแต่จะมีเทคโนโลยีอะไรที่น่าสนใจบ้างเราไปหาคำตอบกัน

ความประทับใจแรกมาเริ่มกันที่ความประทับใจแรกเห็นที่ได้พบกับ PS VR2 ต้องยอมรับว่านี่เป็นแว่นที่ถูกออกแบบและคิดค้นมาเป็นอย่างดีแล้วว่าจะเหมาะกับผู้ใช้งาน สัมผัสของส่วนประกอบต่าง ๆ ถูกเลือกใช้งานมาค่อนข้างน่าสนใจ ใครที่เคยใช้งานรุ่นแรกมาก่อนอาจจะบอกว่านี่เป็นอะไรที่ไม่ต่างไปจากเดิมนัก แต่หากได้สัมผัสและลองจะพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงในด้านประสบการณ์ใช้งานค่อนข้างดีไม่ว่าจะเป็นในแง่ของน้ำหนักที่เบาลง รวมไปถึงความสบายเวลาที่สวมใช้งานจริง

image 1888

ตามมาด้วยเรื่องของการปรับลดน้ำหนักของตัวแว่นลงพร้อมกับการตัดปัญหาที่ผู้ใช้งานแว่นเสมือนจะต้องเผชิญอย่างสายที่ออกมาจากตัวอุปกรณ์ที่มีจำนวนมาก มาในรุ่นนี้ขอเพียงแค่มีสาย USB-C เพียงแค่สายเดียวก็พร้อมสำหรับความสนุกที่เราจะได้รับแล้ว

image 1889

ขณะเดียวกันในแง่ของจอยควบคุมที่ออกแบบมาในครั้งนี้สอดรับกับการถือและจับได้ค่อนข้างเป็นอย่างดี และหากใช้งานถูกวิธีรับรองได้เลยว่าจะไม่มีปัญหาในเรื่องของจอยหล่นหรือหลุดเวลาเล่นอย่างแน่นอน ด้วยสายที่ให้มาและตัวจับที่ค่อนข้างแน่นหนาแต่แฝงไปด้วยความเบาเมื่อได้สัมผัส

image 1890

อีกหนึ่งในเรื่องที่ดีงามสำหรับ PS VR2 คงหนีไม่พ้นการที่ตัวอุปกรณ์เป็นมิตรกับผู้ใช้งานที่ต้องสวมแว่นตาด้วยเหตุผลต่าง ๆ เนื่องจากตัวแว่นมีการใช้งานระบบการปรับระดับใหม่ที่ช่วยเพิ่มช่องว่างระหว่างดวงตาของเรากับเลนส์ที่ใช้งาน ทำให้มีระยะในการมองที่ละเอียดยิ่งขึ้น พร้อมกับมีปุ่มให้หมุนเพื่อปรับระดับและองศาของเลนส์ที่เราจะใช้งานได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านซอฟต์แวร์ใด ๆ มาช่วยเหลือ

ความละเอียดและคมชัดของเลนส์ที่ถูกยกระดับ

หากใครที่เคยใช้งานแว่น VR ในอดีตและต้องการที่จะได้รับการตอบสนองในการเล่นหรือการติดตามสายตาและท่าทางของเรา แค่คิดก็คงต้องปวดหัวกันแล้วเนื่องจากว่าหากต้องการที่จะให้ได้ครบจบเราจำเป็นที่จะต้องมีแว่น VR ตามมาด้วยตัวเซนเซอร์ภายนอกที่คอยจับการเคลื่อนไหว ไม่เพียงเท่านั้นยังอาจจะต้องมีกล้องที่คอยจับเราอีกที แต่ปัญหาที่ว่ามาได้ถูกแก้ไขไปแล้วทั้งหมดจาก PS VR2

image 1891

ความพิเศษของตัวอุปกรณ์คือการที่มาพร้อมกับเซนเซอร์ตรวจจับสิ่งแวดล้อมภายนอกเวลาที่ใช้งานกล้องที่อยู่ด้านหน้าของตัวเครื่องจำนวน 4 ตัว พร้อมกับยังมีเซนเซอร์คอยตรวจจับเราอีก 6 ชุดแบ่งเป็น gyroscope และ accelerometer อย่างละ 3 ชุด

image 1892

มุมมองของภาพที่เราจะได้รับหรือที่รู้จักกันในชื่อ field of view อยู่ที่ 110 องศา เพิ่มขึ้นมาจากรุ่นก่อน 10 องศา อยู่ในระดับท็อปของวงการแว่น VR เช่นกัน ขณะที่ค่าความละเอียดของเลนส์แต่ละด้านอยู่ที่ 2000 x 2040 พิกเซล อีกทั้งยังมีระบบ haptic feedback เมื่อเราใช้งานอีกด้วย

image 1894

จอแสดงผลที่ให้มาเป็นพาเนลแบบ OLED ฉะนั้นเชื่อได้เลยในเรื่องของความเป็นธรรมชาติและแสงสีที่จะได้รับเมื่อใช้งาน เราจะเห็นสีดำที่ดำสนิทและเมื่อถึงเวลาภาพที่มีเฉดสีค่อนข้างมากก็จะยังได้รับการแสดงผลที่น่าพึงพอใจออกมา พร้อมกับค่า refresh rate 90Hz และ 120Hz ยิ่งทำให้เวลาใช้งานหันไปมามีความต่อเนื่องอย่างมาก

image 1895

หยุดพักกันตรงนี้แล้วไปเข้าที่ฟีเจอร์แรกซึ่งเราอยากจะมาบอกเล่ากันอย่างการที่เราสามารถกำหนดขอบเขตการเล่นของ PS VR2 ได้ว่าต้องการทำให้ตรงไหนเป็นพื้นที่สำหรับการเล่นบ้าง หากมีการเสียบใช้งานครั้งแรกตัวระบบจะบังคับให้เราต้องกำหนดพื้นที่ตรงนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถกำหนดเพิ่มเติมในภายหลังได้ จากการทดสอบพื้นที่ในการเล่นสามารถที่จะกำหนดได้ค่อนข้างกว้าง พื้นที่ห้องขนาดมาตรฐานสามารถกำหนดได้รอบ

image 1896

ในทางกลับกันหากต้องการที่จะลดขนาดหรือปรับพื้นที่บางส่วนออกไปจากขอบเขตในการเล่น เราสามารถที่จะลบได้ง่าย ๆ เพียงแค่กดปุ่มจากจอยที่ให้มากับตัวอุปกรณ์อย่าง PS VR2 Sense ได้ทันที แต่ต้องเข้าไปในโหมดสำหรับการปรับพื้นที่การเล่นก่อนถึงจะสามารถจัดการได้ ไม่สามารถกดแล้วลบได้ทันทีโดยไม่ผ่านหน้าเมนู

image 1897
image 1898
image 1899

อ้าว … แล้วเราจะจัดการพื้นที่ดังกล่าวได้ยังไงปกติหากสวมแว่น VR แล้วจะมองพื้นที่ด้านนอกไม่เห็นเลยนี่ ก็ต้องบอกว่านี่เป็นข้อดีที่เราได้บอกในข้างต้นว่าตัวแว่นมาพร้อมกับกล้องที่ด้านหน้าทำให้เราสามารถที่จะเห็นมุมมองด้านนอกได้ด้วยและเราจะนำมาสู่ฟีเจอร์ถัดมาที่อยากจะนำเสนออย่างการมองเห็นสภาพแวดล้อมภายนอกได้แม้ไม่ต้องถอดแว่น

image 1900

เพียงแค่เรากดปุ่มฟังก์ชั่นด้านใต้ขวาสุดของตัวแว่นก็จะสามารถมองเห็นพื้นที่รอบตัวของเราได้ แต่ต้องหมายเหตุเอาไว้ว่าเป็นในโทนสีขาวดำ แต่หากเป็นการใช้งานมุมมองดังกล่าวเพื่อที่จะหยิบจอยหรือมองหน้าต่าง UI การแสดงผลที่ขึ้นมาจะขึ้นเป็นสีที่แสดงผลออกมาจากระบบโดยตรง แต่เท่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้วทำให้เราไม่ต้องคอยถอดแว่นเข้าออกเวลาที่ต้องการจะคุยกับคนรอบ ๆ หรืออยากจะเดินไปหยิบอะไรมาดื่มระหว่างเล่น

ระบบติดตามตัวพลิกเกมของ PlayStation

หากเราพูดกันแค่แว่น VR สำหรับเครื่องคอนโซลเพียงอย่างเดียว PS VR2 นับว่าเป็นการอัปเกรดครั้งยิ่งใหญ่เนื่องจากระบบติดตามที่ให้มาภายในครั้งนี้ เรียกได้ว่ายกเครื่องไปจนทำให้ผู้ใช้งานรุ่นก่อนน่าจะยอมจ่ายเพื่อเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก ด้วยระบบการติดตามที่มีมาให้ครบและค่อนข้างที่จะแม่นยำ แต่หากเราจะข้ามรุ่นไปเทียบกับแว่น VR ฝั่งพีซีก็ต้องบอกว่าอยู่ในระดับแนวหน้าและอาจไม่ได้ว้าวมากนักหากเทียบกันโดยตรง

image 1901

แต่จุดที่น่าสนใจไม่แพ้กันนอกจากการติดตามการเคลื่อนไหวของเราแล้ว ในแง่ของการติดตามสายตาของเราเป็นอีกหนึ่งจุดที่หากไม่สังเกตอาจมองข้ามไปได้ ยกตัวอย่างการเล่น Horizon: Call of the Mountain เวลาที่เราหยิบของขึ้นมาเพื่อสำรวจหากสังเกตให้ดีเวลาที่สายตาของเรามองไปที่ของ และมองไปที่ฉากหลังขณะที่ถือของอยู่ โฟกัสของภาพที่เราเห็นจะแตกต่างออกไปนั่นเอง

image 1902

ในเรื่องของระบบเสียง PS VR2 ไม่ได้มาพร้อมกับลำโพงภายในตัวเพราะฉะนั้นหากต้องการรับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจำเป็นที่จะต้องใช้งานหูฟังที่ให้มาภายในกล่องเสียบเข้ากับตัวแว่น และไม่ต้องกลัวว่าจะลืมเพราะในหน้าการตั้งค่าแรกคำแนะนำด้านหูฟังจะขึ้นมาเป็นลำดับต้น ๆ เลยว่าให้เราเสียบหูฟังหรือเชื่อมต่อหูฟังไร้สายเพื่อใช้งาน คุณภาพที่ได้จากหูฟังที่ให้มาถือว่าครบถ้วนไม่ต้องพึ่งพาหูฟังอื่นแต่อย่างใด

จอยยุคใหม่รองรับการเล่นรอบด้าน

image 1903

ไม่ใช่เพียงแค่แว่นเท่านั้นที่จะเป็นตัวตัดสินว่าแว่น VR ทำงานได้ดีหรือไม่ เพราะถ้าเกิดว่าเรามีอุปกรณ์ที่ดีแต่องค์ประกอบรอบ ๆ แย่ก็คงไม่สามารถที่จะนำพาเราไปสู่ความสมจริงและความสนุกที่ได้ใช้งาน ฉะนั้นสำหรับ PS VR2 Sense ที่ถูกนำเสนอในครั้งนี้การันตีได้เลยว่าช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการใช้งานได้ดียิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

image 1904

ความง่ายในการใช้งานเราสามารถที่จะสอดมือของเราเข้าไปในแต่ละข้างและใช้เล่นได้ทันที หรือหากต้องการความมั่นใจว่าจะไม่ปล่อยจอยเมื่อเจอสถานการณ์ภายในเกมก็ควรที่จะสอดมือเข้าไปในสายรัดที่ติดมากับตัวจอย และรัดสายให้เหมาะตามความถนัดเพื่อใช้งาน

image 1905

การวางตำแหน่งของปุ่มมีการแยกออกมาเป็นสองฝั่งชัดเจน ให้ความรู้สึกเหมือนกับการได้ถือจอยของเครื่องเล่นเกมพกพาที่เป็นเจ้าตลาดในตอนนี้เช่นกัน แต่ในความเป็นจริงคือการนำ DualSense มาแปลงให้เหมาะสมกับการถือเล่นด้วยมือด้านละข้าง พร้อมปุ่มคำสั่งที่สามารถกดเพื่อปรับตำแหน่งของการแสดงผล UI ที่ด้านขวา และปุ่มคำสั่งด้านซ้ายที่กดเพื่อบันทึกเหตุการณ์ภายในเกม

image 1906

ตัวจอยยังมาพร้อมกับระบบ haptic feedback ทั้งสองข้างทำให้เวลาใช้งานเราจะได้รับประสบการณ์รอบด้านทั้งบริเวณที่สวมแว่นและที่มือของเราได้ครบองค์ประกอบ อย่างไรก็ตามสิ่งที่พบในบางครั้งคือการติดตามจอยกับตัวแว่นดูจะไม่ไหลลื่นมากนัก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่จนทำให้เสียความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อภาพรวม

image 1907
image 1908
image 1909
image 1910

ไม่ได้ดีแค่การเล่นเกม

เราอาจจะเข้าใจว่าการมีแว่น VR จะต้องนำมาใช้งานเพื่อการเล่นเกมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แท้จริงแล้วเราสามารถที่จะนำไปใช้งานในด้านความบันเทิงอื่นได้เช่นกัน และสำหรับ PS VR2 มาพร้อมกับโหมดรับชมวิดีโอที่ช่วยให้เราสามารถที่จะดูเนื้อหาที่เป็นในรูปแบบทั่ว ๆ ไปให้ปรับแต่งออกมาเพื่อเหมาะกับการใช้งานร่วมกับแว่นมากยิ่งขึ้น

image 1912
image 1913

เมื่อเราเข้าไปรับชมจะพบว่าขนาดของ UI ที่แสดงผลขึ้นมามีการปรับขนาด ความสว่างและความคมชัดของเนื้อหาออกมาให้เหมาะสมและดูดีไปอีกแบบหากรับชมจากจอโดยตรง อีกทั้งยังรองรับการแสดงผลภาพแบบ HDR อีกด้วยทำให้การรับชมมีความแตกต่างจากรุ่นก่อนค่อนข้างชัดเจน

บทสรุป

ต้องยอมรับว่า PS VR2 เป็นก้าวที่สำคัญสำหรับมาตรฐานที่ทาง Sony ได้นำมาให้เกมเมอร์ได้ใช้งานกัน ในแง่ของสเปคและความง่ายในการใช้งานจัดว่าเป็นตัวท็อปของวงการ การตอบสนองของเซนเซอร์รวมไปถึงระบบ haptic feedback ที่ปรับแต่งออกมาให้ใช้งานได้ถูกจุดส่งผลให้เพิ่มประสบการณ์ในการเล่นได้สมจริงยิ่งขึ้นไปอีกขั้น ไม่ว่าใครที่เคยมีหรือไม่มี PS VR มาก่อนแต่เมื่อมาถึงรุ่นนี้หากองค์ประกบรอบตัวของเราพร้อม ก็แนะนำอย่างยิ่งว่าไม่ควรที่จะพลาดรับประสบการณ์ใหม่ ด้วยราคา 22,190 บาท ถือว่าเป็นราคาที่สมกับสิ่งที่จะได้รับ

ข้อดี

– การออกแบบที่พัฒนาขึ้นจากรุ่นก่อนช่วยให้ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น

– สามารถถอดและสวมอุปกรณ์ได้ง่ายไม่ต้องทำความเข้าใจมาก

– ใช้งานสาย USB-C เพียงแค่สายเดียวก็พร้อมใช้งาน

– มาพร้อมกับเซนเซอร์และกล้องรอบตัวช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเคลื่อนไหว

– จอแสดงผลความละเอียด 2000 x 2040 พิกเซลในแต่ละข้าง รองรับการแสดงผล 90Hz และ 120Hz

– ขอบเขตในการมองเห็น 110 องศา

– มีฟีเจอร์มองทะลุที่ช่วยทำให้ไม่ต้องถอดแว่นออกเพื่อตอบสนองกับสิ่งล้อมตัว

– หูฟังที่ได้มามอบประสบการณ์ไม่แพ้ใคร

– จอยมาพร้อมกับการออกแบบที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ไม่ต้องกังวลว่าจะทำหล่นได้ง่าย

ข้อสังเกต

– รองรับการใช้งานเฉพาะกับ PlayStation 5 เท่านั้น

– การทำงานที่ผิดพลาดนาน ๆ ครั้งที่พบได้เวลาใช้จอย

– หากเป็นคนที่เหงื่อออกง่ายจะยังคงพบปัญหาต่อไป

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง Sony Interactive Entertainment ที่ได้ทำการส่ง PlayStation VR2 มาให้เราได้ทำการทดสอบใครที่สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ตามช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ และร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วไป

ข้อมูลเพิ่มเติม : www.playstation.com/th-th/ps-vr2

ClicknTouch

ชอบสะสมของเล่น เทคโนโลยี ขับรถชิวๆตอนค่ำคืน แล้วหยุดอยู่ที่การถ่ายรูป
Back to top button