OpenAI กำลังเร่งเครื่องครั้งใหญ่และอยู่ในภาวะฉุกเฉิน เมื่อมีรายงานว่า แซม อัลท์แมน ซีอีโอของบริษัทได้ประกาศ Code Red ภายในองค์กร เพื่อเป็นสัญญาณให้ทุกคนเร่งพัฒนา ChatGPT ให้ทันกับคู่แข่งโดยด่วนที่สุด การประกาศนี้เกิดขึ้นในจังหวะที่ Google ได้เปิดตัว Gemini 3 ซึ่งทำคะแนนทดสอบหลายด้านเหนือกว่าโมเดลของ OpenAI อย่างชัดเจน และยังได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางบนโซเชียลมีเดีย
ผลจากการประกาศภาวะวิกฤตนี้ ส่งผลให้แผนงานสำคัญหลายอย่างของ OpenAI ต้องถูกเลื่อนออกไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแผนเปิดตัวระบบโฆษณา, ฟีเจอร์ผู้ช่วย Pulse, และโปรเจกต์ AI ด้านสุขภาพและการช้อปปิ้งที่เคยวางแผนไว้ โดยอัลท์แมนได้ระบุในบันทึกภายในอย่างชัดเจนว่า นี่คือช่วงเวลาวิกฤตของ ChatGPT พร้อมทั้งขอให้พนักงานบางส่วนโยกย้ายทีมชั่วคราวและจัดประชุมรายวันสำหรับฝ่ายที่รับผิดชอบการอัปเกรดประสิทธิภาพของบอต ซึ่งเป็นภาพสะท้อนที่คล้ายกับเมื่อปี 2022 ที่ Google เคยประกาศภาวะฉุกเฉินหลัง ChatGPT เปิดตัว
กระแสของ Gemini 3 ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยโมเดลสามารถขึ้นอันดับหนึ่งบน LMArena ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้ผู้ใช้เปรียบเทียบคุณภาพผลลัพธ์ระหว่างโมเดล AI ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ผู้นำในอุตสาหกรรมบางราย เช่น มาร์ก เบนิโอฟฟ์ ซีอีโอของ Salesforce ก็ออกตัวประกาศสลับมาใช้ Gemini 3 พร้อมยกย่องถึง ก้าวกระโดด ของเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนผู้ใช้ Gemini ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 450 ล้านรายต่อเดือนในเดือนกรกฎาคม กลายเป็น 650 ล้านรายในเดือนตุลาคม
แม้ว่า OpenAI จะมีผู้ใช้งาน ChatGPT มากกว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ แต่ก็ต้องเผชิญกับเสียงวิจารณ์ว่าบริษัทอาจกำลังขยายงานเร็วเกินไป ท่ามกลางความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมหาศาลเพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยีนี้ สำนักข่าว Reuters ชี้ว่าภาพรวมล่าสุดสะท้อนให้เห็นถึงภาระทางการเงินที่ถาโถมเข้าใส่ ในขณะที่บริษัทประกาศการร่วมลงทุนกับ Thrive Capital และความร่วมมือใหม่กับ Accenture ในวันเดียวกับที่บันทึก Code Red ออกมา
จุดอ่อนสำคัญที่ถูกพูดถึงคือ OpenAI ไม่มีกลไกหารายได้ที่มั่นคงและมหาศาลแบบ Google ที่อาศัยธุรกิจโฆษณามาค้ำหลัง ทำให้บริษัทต้องพึ่งพาการระดมทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อความอยู่รอด รายงานระบุว่าบริษัทมีภาระผูกพันด้านค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์และชิปประมวลผลรวมกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าจะมีมูลค่ากิจการราว 5 แสนล้านดอลลาร์ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันยังไม่จบลงง่ายๆ เพราะมีรายงานว่า OpenAI เองก็เตรียมเปิดตัวโมเดลจำลองเหตุผลรุ่นใหม่ในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจทำผลงานได้เหนือกว่า Gemini 3 ในการทดสอบภายใน ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้จึงย้ำชัดเจนว่าการชิงความเป็นผู้นำระหว่างผู้พัฒนา AI รายใหญ่ยังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด ตราบใดที่เงินลงทุนยังคงหลั่งไหลเข้าสู่วงการอย่างไม่หยุดยั้ง
