
Meta Platforms กำลังลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนา Humanoid รูปแบบใหม่ โดยถือเป็นเดิมพันขนาด AR ครั้งใหญ่ครั้งต่อไป ตามที่ Andrew Bosworth ผู้บริหารเทคนิคของบริษัทกล่าวในบทสัมภาษณ์กับ The Verge เมื่อปลายเดือนกันยายน 2025 แม้จะกำลังสร้างหุ่นยนต์ชื่อ Metabot ภายใน แต่เป้าหมายหลักไม่ใช่การผลิตฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่สามารถไลเซนส์ให้บริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายอื่น ๆ ใช้ได้ คล้ายกับที่ Google ทำกับระบบ Android สำหรับสมาร์ทโฟน
Bosworth ระบุว่าการริเริ่มโครงการวิจัยด้านหุ่นยนต์นี้เริ่มต้นตั้งแต่ต้นปี โดยได้รับคำสั่งโดยตรงจาก CEO Mark Zuckerberg ทีมงานมุ่งแก้ปัญหาหลักของ Humanoid ซึ่งอยู่ที่ซอฟต์แวร์มากกว่าฮาร์ดแวร์ “ฮาร์ดแวร์ไมใช่ส่วนที่ยากที่สุด แม้จะยาก แต่ขวดคอคือซอฟต์แวร์” Bosworth กล่าว โดยทีมกำลังร่วมมือกับ Superintelligence AI Lab ของ Meta เพื่อสร้าง world model สำหรับจำลองซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้หุ่นยนต์เคลื่อนไหวมือได้อย่างชำนาญ เช่น การหยิบแก้วน้ำหรือกุญแจจากกระเป๋ากางเกง ซึ่งเป็นงานที่ต้องจัดการวัตถุที่ไม่เสถียรและยังไม่มี sensor loop ที่สมบูรณ์
เพื่อรองรับการพัฒนานี้ Meta กำลังรวบรวมชุดข้อมูลขนาดใหญ่สำหรับฝึกฝน AI โดยใช้เทคโนโลยีจาก Reality Labs และ AI ที่มีอยู่แล้ว เช่น การติดตามมือ การประมวลผลข้อมูลด้วยแบนด์วิดธ์ต่ำ และเซ็นเซอร์ที่ทำงานตลอดเวลา ซึ่งช่วยเร่งความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ปัจจุบัน Humanoid ส่วนใหญ่ยังทำกิจกรรมพื้นฐานอย่างเดินหรือทำแฟล็กแบ็คได้ แต่ล้มเหลวในงานละเอียดอ่อนที่ต้องสัมผัสวัตถุจริง

บริบทของการลงทุนนี้ยิ่งชัดเจนเมื่อดูจากงบประมาณที่ Meta ทุ่มให้ Reality Labs หน่วยงาน AR/VR เกิน 100 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เกิดผลิตภัณฑ์อย่าง Meta Ray-Ban Display และต้นแบบ Project Orion นอกจากนี้ ยังลงทุนหลายพันล้านใน Superintelligence AI Lab รวมถึง 14.3 พันล้านดอลลาร์ใน Scale AI เพื่อเสริมศักยภาพด้านข้อมูลและการเรียนรู้ของเครื่อง
Meta ไม่ใช่ผู้เล่นเดี่ยวในสนามนี้ โดย Apple กำลังพัฒนาหุ่นยนต์สำหรับบ้าน ในขณะที่ Tesla ได้สาธิต Optimus ไปแล้วหลายเวอร์ชัน รวมถึงบริษัทอื่น ๆ อย่าง Figure AI ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia การแข่งขันที่ดุเดือดนี้สะท้อนถึงกระแสลงทุนที่พุ่งสูงในปี 2025 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะเป็นปีแรกของ Humanoid
อย่างไรก็ตาม ความทะเยอทะยานของ Meta ยังคงถูกตั้งคำถามจากประวัติศาสตร์ เช่น การเปลี่ยนชื่อบริษัทเพื่อเน้น Metaverse เมื่อ 4 ปีก่อนที่ยังไม่เป็นจริง หรือสัญญา AR/AI ที่ดูห่างไกล Bosworth ยอมรับว่าการพัฒนายังต้องใช้เวลา