
Meta ได้เปิดตัวฟีเจอร์แปลภาษาด้วยเสียงโดยใช้ AI ทั่วโลกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยฟีเจอร์นี้สำหรับ Reels บนแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram ใช้ generative AI เพื่อแปลเสียงของครีเอเตอร์ พร้อมตัวเลือกซิงค์ริมฝีปากให้เข้ากับภาษาเป้าหมาย Mark Zuckerberg เปิดเผยฟีเจอร์นี้ครั้งแรกในงาน Meta Connect 2024 และในช่วงเริ่มต้นจะรองรับการแปลจากภาษาอังกฤษเป็นสเปนและจากสเปนเป็นอังกฤษเท่านั้น
ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถขยายฐานผู้ชมไปยังกลุ่มที่พูดภาษาต่างจากภาษาเดิม โดย AI จะฝึกจากเสียงต้นฉบับเพื่อสร้างแทร็กเสียงแปลที่คงโทนเสียงของผู้พูด และตัวเลือกซิงค์ริมฝีปากจะปรับการเคลื่อนไหวของปากให้เข้ากับการพูดในภาษาใหม่ ซึ่งจากตัวอย่างที่ Meta นำเสนอเมื่อปีที่แล้ว ผลลัพธ์ออกมาน่าประทับใจและดูเป็นธรรมชาติอย่างน่าทึ่ง
การใช้งานฟีเจอร์นี้ ผู้ใช้สามารถเลือกตัวเลือก Translate your voice with Meta AI ก่อนโพสต์ Reel โดยสามารถเปิดหรือปิดการแปลและซิงค์ริมฝีปากได้ตามต้องการ และดูตัวอย่างก่อนเผยแพร่ ปัจจุบันฟีเจอร์นี้จำกัดสำหรับครีเอเตอร์ Facebook ที่มีผู้ติดตามเกิน 1,000 คน และบัญชี Instagram สาธารณะทั่วโลกในพื้นที่ที่ Meta AI ให้บริการ โดยวางแผนเพิ่มภาษาอื่นในอนาคต
Meta แนะนำให้ครีเอเตอร์หันหน้าเข้าหากล้อง พูดชัดเจน และหลีกเลี่ยงการปิดปากหรือมีเสียงพื้นหลังดัง เพื่อให้การแปลมีประสิทธิภาพสูงสุด ฟีเจอร์นี้รองรับผู้พูดได้สูงสุดสองคน โดยไม่ควรพูดทับกัน นอกจากนี้ ครีเอเตอร์ Facebook ยังสามารถอัพโหลดเสียงพากย์ของตัวเองสูงสุด 20 แทร็กในส่วน Closed captions and translations ของ Meta Business Suite เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการเข้าถึงผู้ชม
เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์ติดตามประสิทธิภาพ Meta ได้เพิ่มเครื่องมือวิเคราะห์ผลงานตามภาษา เพื่อดูว่าผู้ชมจากภาษาต่างๆ ตอบรับเนื้อหาอย่างไร ซึ่งช่วยให้ครีเอเตอร์ปรับกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสม ฟีเจอร์นี้คล้ายกับที่ YouTube เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว และ Apple ก็มีเครื่องมือแปลภาษาแบบเรียลไทม์ใน iOS 26 สำหรับแอป Messages, Phone และ FaceTime
การเปิดตัวครั้งนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของ Meta ในการใช้ AI เพื่อลดกำแพงด้านภาษาและเพิ่มการเข้าถึงเนื้อหาทั่วโลก โดยเฉพาะสำหรับครีเอเตอร์ที่ต้องการเชื่อมต่อกับผู้ชมในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม การจำกัดภาษาในช่วงเริ่มต้นอาจทำให้บางกลุ่มยังไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ แต่เมตาคาดว่าจะขยายการรองรับภาษาเพิ่มเติมในอนาคตเพื่อตอบโจทย์ความหลากหลายของผู้ใช้