
Intel ได้สาธิตการทำงานของหน่วยประมวลผล Panther Lake Core Ultra 300 สำหรับโน้ตบุ๊กซึ่งเป็นชิปตระกูลแรกที่ผลิตบนกระบวนการ 18A อันเป็นหัวใจสำคัญของบริษัท ณ งาน Computex 2025 ที่กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน ต่างจากการสาธิตครั้งแรกที่งาน CES 2025 ที่เพียงแค่เปิดเครื่องให้เห็นว่าชิปทำงานได้ ครั้งนี้ Intel ได้นำ Panther Lake มาทดสอบใน Application การ Render แบบ Real-time และงาน AI แสดงให้เห็นว่า Silicon มีความสมบูรณ์และพร้อมสำหรับการวางจำหน่ายในตลาดช่วงต้นปี 2026 นอกจากนี้ Intel ยังได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสิทธิภาพและการใช้พลังงานที่คาดการณ์ไว้สำหรับชิปใหม่เหล่านี้
จากภาพที่ปรากฏ Intel ยังได้จัดแสดงชิป Panther Lake ทำให้สามารถมองเห็นการจัดเรียง Tile ต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น CPU, GPU, I/O Tile และ SoC Tile บน Package ของชิป ซึ่งคาดการณ์ว่าชิปเหล่านี้จะมาพร้อมกับ Cougar Cove P-cores และ Darkmont E-cores อันเป็นสถาปัตยกรรมคอร์รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Intel

Intel ระบุว่าชิป Panther Lake ได้ผสานรวมประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานของ Lunar Lake เข้ากับประสิทธิภาพระดับสูงของ Arrow Lake-H โดยชี้ว่าแม้ชิปจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งาน CES ปีหน้า แต่การวางจำหน่ายในตลาดอย่างเต็มรูปแบบจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงช่วงต้นปี 2026 นอกจากนี้ Intel ยังบอกใบ้ว่าชิปจะมาพร้อมกราฟิก Integrated Graphics (iGPU) รุ่นถัดไปที่ใช้ XMX Graphics โดยระบุเพียงว่าประสิทธิภาพของ iGPU จะใกล้เคียงกับ Lunar Lake มากกว่า Arrow Lake และคาดว่า iGPU เหล่านี้จะใช้สถาปัตยกรรม Xe3
Intel ได้ดำเนินการ Benchmark ชิป Panther Lake บนแพลตฟอร์ม Reference Validation Platform (RVP) สองชุด โดยแพลตฟอร์มเหล่านี้ใช้สำหรับการตรวจสอบการออกแบบและจำลองเงื่อนไขการใช้งานจริง RVP ทั้งสองชุดติดตั้งชุดระบายความร้อนและพัดลม ซึ่งบ่งชี้ว่าการทดสอบดำเนินการภายใต้สภาวะที่ไม่มีข้อจำกัดด้านความร้อน ทำให้สามารถดึงประสิทธิภาพสูงสุดของชิปออกมาได้

ในการสาธิต Intel ได้แสดงระบบหนึ่งที่รัน Clippy ซึ่งเป็น Large Language Model (LLM) ที่ได้รับการนำกลับมาใหม่ เพื่อแสดงให้เห็นว่าชิปสามารถประมวลผล Workload ด้าน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้สาธิตได้ใช้ระบบดังกล่าวในการเขียนโค้ดเกมด้วยภาษา Python อย่างไรก็ตาม Intel ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลประสิทธิภาพจากการ Benchmark นี้อย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ Intel ยังได้สาธิตอีกระบบหนึ่งที่ใช้ซอฟต์แวร์ DaVinci ในการตัดต่อและจัดการวิดีโอ โดยใช้การประมวลผล AI แบบ Local เพื่อปรับแต่งวิดีโอ ซึ่งช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนฉากหลัง สีเสื้อผ้า หรือเพิ่มข้อความเคลื่อนไหวลงในคลิปวิดีโอได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น แสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถของ AI ในการประมวลผล Media ภายในเครื่อง
Intel ยังได้จัดแสดง Developer Kit ที่พร้อมใช้งาน ซึ่งมีผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระ (ISV) กว่า 300 รายกำลังใช้งาน เพื่อเตรียมการรองรับซอฟต์แวร์สำหรับชิปที่จะออกสู่ตลาดในอนาคต โดยมีการสาธิตระบบดังกล่าวที่ใช้สำหรับการแก้ไขภาพด้วยฟีเจอร์ Auto-coloring และ Upscaling ซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI แน่นอน