เทคโนโลยี

[รีวิว] HyperX Alloy Origins คีย์บอร์ดเกมมิ่ง Blue Switch พร้อมไฟ RGB สุดหลากหลาย

จัดเต็มฟีเจอร์สำหรับการเล่นเกมและเสียงอันเป็นเอกลักษณ์

ยุคนี้หากใครที่อยากจะเข้าถึงประสบการณ์ในการเล่นเกมแบบถึงขีดสุดถือว่าไม่ยากอีกต่อไป เพราะมีตัวเลือกของอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์ให้เลือกสรรมากมาย และในครั้งนี้เราจะมาแนะนำหนึ่งในคีย์บอร์ดสำหรับการเล่นเกมที่ใช้งานได้สนุกมืออีกรุ่นอย่าง HyperX Alloy Origins ที่มาครบทุกฟีเจอร์ที่เกมเมอร์จะต้องหลงใหล ว่าแต่จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้างเราไปดูกันเลย

image 478

สำหรับ HyperX Alloy Origins รุ่นนี้จะมาพร้อมกับการใช้งานสวิตช์อีกหนึ่งแบบหลังจากที่ก่อนหน้านี้ทาง HyperX ได้มีการนำเสนอคีย์บอร์ดรุ่นเดียวกันแต่เป็นสวิตช์อีกแบบ โดยในครั้งนี้พวกเขาได้ทำการเลือกใช้งานสวิตช์ที่เป็นแบบ Clicky สีน้ำเงิน โดยจะเป็นสวิทช์ที่ทาง HyperX ออกแบบขึ้นมาเอง รองรับการใช้แรงกด 50 กรัมและมีความลึกในการกดที่ 1.8 มิลลิเมตรพร้อมการันตีการกดได้ถึง 80 ล้านครั้ง

image 479

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับไฟ RGB ทั่วทั้งพื้นที่ของการใช้งาน รองรับการใช้งานฟีเจอร์อย่าง Game Mode ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Anti-Ghosting หรือ N-Key Rollover ที่ทำให้เราสามารถกดปุ่มพร้อม ๆ กันได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ถือว่าน่าจะตอบโจทย์เกมเมอร์ที่กำลังมองหาคีย์บอร์ดที่ให้มาครบครันเลยทีเดียว

image 480
image 481

สำหรับการออกแบบของ HyperX Alloy Origins จะมาพร้อมกับการให้ความรู้สึกที่แน่นหนาและทนทานต่อการใช้งาน ด้วยความที่วัสดุที่ใช้งานเป็นอะลูมิเนียมที่ทาง HyperX เผยว่าใช้เกรดเดียวกันกับเครื่องบินเลยทีเดียว

image 482
image 483

แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นเกมมิ่งคีย์บอร์ดฉะนั้นรูปแบบของคีย์บอร์ดจะเป็นแบบ Full Size ทำให้สามารถใช้งานได้เต็มรูปแบบ พร้อมปุ่มพิเศษที่จะเพิ่มเข้ามาให้การใช้งานสะดวกสบายยิ่งขึ้นไปอีกขั้น

มองภาพรวมครั้งแรกที่ได้พบหากยังไม่ได้ทำการเชื่อมต่อกับ USB อาจจะต้องบอกว่าไม่ได้ให้ความรู้สึกของความเป็นเกมมิ่งคีย์บอร์ดมากนัก เพราะว่าไม่ได้มีส่วนหรือองค์ประกอบเพิ่มเติมที่แยกออกมาจากตัวคีย์บอร์ดให้เราสังเกตเห็นได้

image 484
image 485

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เชื่อมต่อแหล่งพลังงานเรียบร้อยแล้วงานนี้แหละที่ได้เวลาปาร์ตี้เพราะไฟ RGB แบบ Rainbow ที่ดึงดูดสายตาเป็นอย่างมาก และความคมชัดและระดับความสว่างของแสงไฟที่น่าประทับใจอย่างมาก

image 486
image 487

แน่นอนว่าเราสามารถที่จะถอดปุ่มออกมาได้ง่าย ๆ เพียงแค่ออกแรงดึงปุ่มขึ้นมาก็จะพบกับสวิตช์สีน้ำเงินแบบ Clicky ที่เวลากดแล้วใครที่ชื่นชอบเวลากดแล้วต้องมีเสียงถือว่าตอบโจทย์ได้ดี

image 488

ส่วนเสริมที่เพิ่มเข้ามาภายในคีย์บอร์ดก็คือส่วนหน้าจอที่บริเวณด้านมุมบนขวามือที่จะแสดงให้เห็นสถานะ 3 อย่างคือตัว G ที่จะหมายถึง Game Mode ส่วนของตัวเลขที่เป็นการบอกถึงโปรไฟล์การใช้งานของคีย์บอร์ด และสุดท้ายคือตัว A ที่เป็นการบอกสถานะว่าเปิดใช้งาน CapLock อยู่นั่นเอง

image 489
image 490
image 491
image 492

อีกส่วนจะเป็นส่วนที่อยู่บริเวณปุ่ม F1 – F12 ที่จะมีฟังก์ชันเสริมพิเศษที่ทำให้เราสามารถปรับแต่งได้อย่างเช่นตรงปุ่ม F1 – F3 ที่จะเป็นการเลือกการแสดงผลของโปรไฟล์ที่ตั้งเอาไว้ หรือจะเป็นปุ่ม F12 ที่เป็นการเปิดใช้งาน Game Mode

image 493
image 494
image 495

ไฟ RGB ที่ลอดออกมาใต้ปุ่มแต่ละปุ่มถือว่ามีการคุมโทนออกมาได้ดีอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเปิดในยามเช้าหรือยามค่ำคืนก็งดงามไม่แพ้กัน

image 496
image 497

ด้านล่างของคีย์บอร์ดจะเป็นวัสดุแบบชิ้นเดียวที่ใช้งานเป็นอะลูมิเนียมเช่นเดียวกัน โดยที่จะมียางสำหรับการยึดติดกับพื้นผิวต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

image 498
image 499

HyperX Alloy Origins จะมาพร้อมกับฐานที่สามารถปรับระดับได้ 3 ระดับด้วยกันโดยจะมีองศาในการปรับอยู่ที่ 3, 7 และ 11 องศา สามารถเลือกได้ตามความชอบ

image 500

สำหรับ HyperX Alloy Origins จะเป็นคีย์บอร์ดที่มาพร้อมกับการพกพาไปไหนได้สะดวกเพราะสามารถถอดสายออกมาได้ โดยที่ด้านบนจะเป็นพอร์ต USB-C สำหรับการเชื่อมต่อเพื่อใช้งาน

image 501
image 502
image 503
image 504
image 505

ด้วยความที่เป็นคีย์บอร์ดสำหรับการเล่นเกมการปรับแต่งถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญไม่น้อย แน่นอนว่า HyperX Alloy Origins มาพร้อมกับซอฟต์แวร์สำหรับการใช้งานให้ด้วยคือ HyperX NGENUITY ที่เราสามารถปรับแต่งได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นโปรไฟล์การแสดงผลที่จะเรียกใช้ผ่านคีย์บอร์ด การแสดงผลสีในแต่ละพื้นที่ การตั้งค่า Macro ถือว่าน่าจะถูกใจใครที่ชื่นชอบการปรับแต่งไม่น้อย

image 506
image 507
image 508
image 509
image 510

ประสบการณ์ในการใช้งานคีย์บอร์ด HyperX Alloy Origins แบบ Blue Switch ต้องบอกว่ากดสนุกใช้ได้ ด้วยความที่เป็นสวิตช์แบบ Clicky ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเวลาที่เราพิมพ์จะได้รับเสียงที่สนุกและเร้าใจ ยิ่งพิมพ์ยิ่งสนุกแบบหยุดไม่อยู่ การนำไปเล่นเกมต่าง ๆ ถือว่าตอบโจทย์ได้ทุกแนว เพราะการตอบสนองของตัวคีย์บอร์ดตอบสนองทันทีเวลาที่เรากด ฉะนั้นวางใจได้เลยว่าการเวลาเล่นแล้วจะกดไม่ติด นอกจากนี้ฟีเจอร์ Game Mode ยังทำให้เราไม่ต้องห่วงเรื่องการกดปุ่ม Windows หรือโดนหลอกให้กด Alt+F4 ได้อีกด้วย

image 511
image 512

บทสรุปของ HyperX Alloy Origins ที่เป็นแบบ Blue Switch คงต้องบอกว่าเป็นคีย์บอร์ดสำหรับเกมเมอร์ที่กำลังมองหาคีย์บอร์ดสำหรับการเล่นเกม ที่ต้องการความเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องของเสียงพร้อมฟีเจอร์สำหรับการเล่นเกมอย่าง Game Mode ที่ทำให้ลบข้อผิดพลาดที่จะเกิดจากการกดได้ไปในทันที พร้อมแสงไฟ RGB ที่สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้หลากหลาย ด้วยราคาเพียง 3,290 บาท นับว่าเป็นราคาที่น่าสนใจเลยทีเดียว

จุดเด่น

– วัสดุอะลูมิเนียมหนาแน่นทนทาน

– มาพร้อมไฟ RGB ที่มีรูปแบบแสดงผลอันหลากหลาย

– สวิทช์แบบ Clicky ที่ทำให้การพิมพ์และใช้งานสนุกและได้เสียงอันเป็นเอกลักษณ์

– มาพร้อมกับฟีเจอร์การใช้งานที่ครบครัน

– เสียบและพร้อมใช้งานได้ทันที

– ปรับแต่งการแสดงผลขั้นสูงได้ผ่านซอฟต์แวร์ HyperX NGENUITY

จุดสังเกต

– ไม่มีที่พักข้อมือทำให้การใช้งานนาน ๆ อาจจะล้าได้

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง HyperX แห่งประเทศไทยที่ได้ทำการส่ง HyperX Alloy Originsคีย์บอร์ดเกมมิ่งที่มาพร้อมการพิมพ์สุดสนุกพร้อมฟีเจอร์ที่ครบครันมาให้เราได้ทดสอบ ใครที่สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ตามร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วไปและทางช่องทางออนไลน์

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อสินค้าได้ที่ : คลิก

Artherlus

แค่คนทั่วไปที่หลงใหลในวงการไอที
Back to top button