เทคโนโลยี

[รีวิว] Huawei MateView GT จอเล่นเกมที่ไม่ได้มีดีแค่การแสดงผล

จอใหญ่ขนาด 34 นิ้วความละเอียดระดับ 3K พร้อม SoundBar คุณภาพสูงในตัว

หากมองไปที่ตลาดหน้าจอสำหรับการเล่นเกมในตอนนี้จะพบว่ามีอยู่หลากหลายแบรนด์ให้เลือก แต่หากเป็นจอเล่นเกมที่มีอัตราส่วนการแสดงผลแบบ 21:9 หรือที่เรียกกันว่า Ultrawide ดูจะมีไม่มากนัก และในตอนนี้ทาง Huawei ได้ทำการนำเสนอจอรุ่นใหม่ล่าสุด ที่จะช่วยเพิ่มประสบการณ์เล่นเกมของเหล่าเกมเมอร์ให้ดียิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถนำมาใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีเสียด้วยกับ Huawei MateView GT จอความละเอียด 3K ขนาด 34 นิ้ว ว่าแต่จอรุ่นนี้จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้างเราไปหาคำตอบกันเลย

Design

image 1063

หากเราพิจารณากันที่ภาพลักษณ์ภายนอกของหน้าจอเพียงอย่างเดียว อาจจะไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรมากนัก แต่ที่สะดุดตาคงเป็นเรื่องของขอบจอทั้งสามด้านที่อาจจะเรียกว่าไร้ขอบก็ว่าได้เพราะค่อนข้างที่จะเล็กมาก

image 1066

หน้าจอของ Huawei MateView GT เลือกใช้งานหน้าจอเป็นแบบประเภท VA ทำให้การแสดงผลของภาพไม่แพ้จอรุ่นอื่น ๆ อัตราส่วนในการแสดงผลอยู่ที่ 21:9 ประกอบกับหน้าจอที่ใหญ่ถึง 34 นิ้วทำให้ได้พื้นที่ในการใช้งานแบบเหลือ ๆ

image 1067
image 1069

นอกเหนือไปจากนั้นหน้าจอรุ่นนี้ยังเป็นแบบจอโค้ง 1500R ส่งผลให้เวลาที่เราใช้งานสายตาของเราจะไม่หลุดโฟกัสเนื่องจากมีการโค้งเข้าสู่สายตาเราตลอดเวลานั่นเอง

image 1070

ที่ขอบด้านล่างไม่มีปุ่มกดใด ๆ รวมไปถึงไม่มีไฟแสดงสถานะต่าง ๆ มีเพียงแค่โลโก้ Huawei ที่อยู่ในจุดศูนย์กลางเท่านั้น

image 1072

จุดที่สะดุดตาเรามากที่สุดคงเป็นเรื่องของขาตั้งที่มาพร้อมกับ SoundBar เป็นสิ่งที่จะหาได้จากหน้าจอHuawei MateView GT เท่านั้น โดยภายในจะติดตั้งลำโพงขนาด 5W มาให้ด้วยกันสองตัว

image 1073

ตรงกลางของ SoundBar จะมีแผงไฟที่ทำหน้าที่เป็นทั้งตัวควบคุมระดับเสียงแบบสัมผัสได้ พร้อม ๆ กับการแสดงผลแสงไฟที่เลือกได้กว่า 8 รูปแบบ

image 1075

ขาตั้งไล่จาก SoundBar แล้วจะเป็นโครงเหล็กตรงกลางขึ้นไปสอดรับกับบริเวณส่วนกลางของหน้าจอ

image 1076

นอกจากนี้ความพิเศษของตัวจออยู่ที่บริเวณขอบด้านบนของจอที่มาพร้อมกับไมโครโฟน 2 ตัวแบบตัดเสียงรบกวนภายนอก ถึงจุดนี้หลาย ๆ คนอาจจะแปลกใจแต่ต้องบอกว่า Huawei MateView GT มาพร้อมกับไมโครโฟนพร้อมใช้งานภายในตัว ไม่ต้องหาไมโครโฟนมาใช้งานแยก แถมรองรับการตอบสนองได้ไกลถึง 4 เมตร

image 1077

ด้านล่างของจอจะเป็นปุ่มควบคุมแบบ 5 ทิศทาง โดยถ้ากดค้างจะเป็นการปิด / เปิดหน้าจอนั่นเอง ส่วนการเลื่อนไปแต่ละทิศทางจะเป็นการเรียกใช้งานเมนูต่าง ๆ ที่สามารถตั้งค่าได้

image 1078

ในส่วนของการปรับระดับหน้าจอสามารถปรับขึ้นได้สูงสุด 110 มิลลิเมตร

image 1079

ขณะเดียวกันการปรับเอียงไปข้างหน้าและหลังจะอยู่ที่ -5 องศา ไปจนถึง 20 องศา

image 1080

พอร์ตที่ให้มากับจอรุ่นนี้จะประกอบไปด้วย USB-C x 1 (สำหรับใช้งานเพื่อการต่อออกจอ ถ่ายโอนข้อมูลและชาร์จไฟได้ 10W), USB-C x 1 (สำหรับการต่อเพื่อให้พลังงานกับจอ), HDMI 2.0 x 2 , DisplayPort 1.4 x 1, ชุดหูฟังและไมโครโฟน 3.5 มิลลิเมตร แบบ 2-in-1 x 1

image 1081

ในส่วนของพอร์ตต่าง ๆ ที่อยู่ด้านหลังจะมีกรอบเอาไว้ครอบปิดอีกที ซึ่งทาง Huawei ได้มีการออกแบบมาเป็นอย่างดีทำให้เวลาที่ปิดไปแล้วจะไม่มีทางที่สายจะถูกกดทับหรือเบียดกันจนก่อให้เกิดความเสียหายอย่างแน่นอน

image 1082
image 1083

Display

image 1084

Huawei MateView GT มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 34 นิ้ว ความละเอียด 3440 x 1440 พิกเซล 3K WQHD ส่งผลให้ภาพที่เราจะได้มีความละเอียดและคมชัดอย่างมาก นอกจากนี้การที่ตัวจอมีอัตราแสดงผลแบบ 21:9 ทำให้มีพื้นที่ในการแสดงผลและใช้งานมากจออัตราส่วนอื่น ๆ

image 1085
image 1088

นอกจากนี้ตัวจอยังมาพร้อมกับความสามารถในการรองรับการแสดงค่า Refresh Rate ในระดับ 165 Hz อย่างไรก็ตามการจะใช้งานให้ได้ในระดับนี้จำเป็นที่จะต้องใช้งานการต่อผ่านสาย DisplayPort 1.4 หรือ USB-C เท่านั้น โดยถ้าหากเป็นการต่อผ่านสาย HDMI 2.0 จะรองรับการแสดงผลสูงสุดที่ 100 Hz

image 1090
image 1093

อีกทั้งยังมาพร้อมกับค่าความสว่างระดับ HD สูงถึง 350 nits พร้อม ๆ กับมาตรฐานในการแสดงผล HDR10 ทำให้ค่าการแสดงผลของแสงและเงาอยู่ในค่าที่สมดุลทั่วทั้งหน้าจอ ค่าขอบเขตของสีกว้างถึง 90% DCI-P3 / 100% sRGB ฉะนั้นไม่ว่าจะนำไปใช้งานสร้างสรรค์อย่างการแต่งภาพ หรือจะนำไปรับชมสิ่งต่าง ๆ จะได้รับความถูกต้องของสีอย่างแน่นอน

image 1095

ส่วนใครที่เป็นกังวลว่าการที่มีหน้าจอใหญ่ขนาดนี้ หากใช้งานต่อเนื่องนาน ๆ จะทำให้เกิดอาการล้าดวงตาหรือไม่ ต้องบอกว่าไม่ต้องห่วงเนื่องจาก Huawei MateView GT มาพร้อมกับการรับรองจาก TÜV Rheinland ทำให้ตัวจอสามารถที่จะลดแสงสีฟ้าและการกะพริบของภาพได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน

Performance

Huawei MateView GT มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่เอื้อต่อการเล่นเกมอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าหากไม่นับเรื่องของค่า Refresh Rate ที่ให้มาถึง 165 Hz ยังมีสิ่งที่อยู่ภายในตัวจออีกพอสมควร

image 1098

เริ่มกันที่ฟีเจอร์อย่าง Dark Field Control ที่จะช่วยทำให้เกมเมอร์ที่มีปัญหามองในพื้นที่ที่มืดไม่ค่อยเห็น ได้เห็นทุกสิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยที่ฟีเจอร์ดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มระดับความสว่างในพื้นที่มืดให้สว่างกว่าเดิม โดยที่ไม่ลดทอนการแสดงผลในพื้นที่อื่น ๆ ลงไป ทำให้เราได้เปรียบขึ้นมาจากเดิมที่อาจจะมองไม่เห็นในพื้นที่ส่วนดังกล่าวได้ดีกว่าเดิม

image 1100
image 1102
image 1105

เราสามารถที่จะปรับรูปแบบการแสดงผลด้วยกันได้ทั้งหมด 3 รูปแบบคือปิด เปิดระดับ 1 และเปิดในระดับ 2 ส่วนผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานว่าต้องการความสว่างในระดับใด

image 1107
image 1109
image 1110
image 1112
image 1113

ตามมาด้วยฟีเจอร์ Crosshairs หรือศูนย์เล็งเป้าที่จะทำให้ใครก็ตามที่ต้องการความสะดวกในเกมแนว FPS เล่นได้ง่ายยิ่งขึ้น และหากเป็นเกมที่ไม่สามารถเปิดใช้งาน Crosshairs ยิ่งช่วยได้เป็นอย่างดี เราสามารถที่จะปรับรูปแบบการแสดงผลของศูนย์เล็งได้ตามต้องการ แต่จะมีสีให้เลือกเพียงแค่สองสีเท่านั้นคือเขียวและแดง

image 1114
image 1116

อีกทั้งยังมีการเพิ่มตัวเลือกในการแสดงผลของค่า Refresh Rate ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันออกมาให้เราทราบด้วย

image 1117

ในส่วนของใครที่ไม่อยากที่จะยุ่งยากกับการปรับโทนสีและความสว่างของจอเราสามารถที่จะเลือกใช้งานค่าพื้นฐานที่มีมาให้ใน Picture Mode ได้โดยตรง ตัวอย่างโหมดที่มีให้เช่น MOBA, RTS, FPS รวมไปถึง P3

image 1118

Overdrive เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ถูกนำมาเรียกใช้งานแทนที่ Response Time ภายในจอ Huawei MateView GT โดยจะมีให้ปรับด้วยกันทั้งหมด 5 ระดับ ไล่ตั้งแต่ปิดไปจนถึงระดับสูงสุด ซึ่งจะมีค่า Response Time ที่น้อยที่สุดนั่นเอง

image 1119

มาถึงจุดที่น่าสนใจอย่างการจัดการ SoundBar เราสามารถที่จะจัดการเรื่องของรูปแบบไฟที่ต้องการให้แสดงผลได้มากถึง 8 รูปแบบด้วยกันประกอบไปด้วย Static, Breathing, Colorful, Flowing Waves, Ripple Waves, Single Waves, Colorful Ripples และ Colorful Flow

image 1120

ในแต่ละรูปแบบการแสดงผลจะมีตัวเลือกให้ปรับแตกต่างกันไปเช่นสีที่ต้องการหรือความเร็วในการแสดงผล

และอย่างที่ได้บอกไปข้างต้นว่าตัว SoundBar เราสามารถที่จะปรับระดับเสียงในตัวได้เลย ไม่ต้องไปเสียเวลาปรับภายในระบบ การทำงานไม่มีอะไรซับซ้อนเพียงแค่แตะไปที่ตำแหน่งที่ต้องการแล้วสไลด์ก็จะเป็นการเพิ่มหรือลดระดับเสียงแล้ว

image 7

นอกจากนี้เรายังสามารถที่จะแตะไปที่พื้นที่สัมผัสใด ๆ ก็ได้สองครั้งจะเป็นการปิดเสียง หรือแตะอีกสองครั้งเพื่อเป็นการเปิดเสียงได้

image 1122

ส่วนอื่น ๆ ที่น่าสนใจมีโหมด Low Blue Light ที่สามารถเปิดใช้งานเพื่อความต่อเนื่องและความสบายในการใช้งานเป็นระยะเวลานาน รวมไปถึงการเลือกโทนเสียงที่ต้องการว่าจะให้ออกมาในลักษณะใด

image 1123

ใครที่กลัวไม่เข้าใจคำสั่งต่าง ๆ สามารถที่จะเปลี่ยนภาษาของเมนูได้ให้เป็นภาษาไทยเพื่อความเข้าใจที่มากยิ่งขึ้น

image 1124

Conclusion

image 1125

ต้องบอกว่า Huawei MateView GT เป็นจอสำหรับการเล่นเกมที่น่าสนใจตัวหนึ่งในตลาดตอนนี้ มีจุดเด่นในตัวเองอย่างจอขนาด 34 นิ้ว แบบโค้งความละเอียด 3K และที่ดูจะเป็นไม้เด็ดที่แท้จริงของจอรุ่นนี้คงเป็น SoundBar ที่ให้เสียงที่มีคุณภาพและเต็มไปด้วยรายละเอียด พร้อม ๆ กับรองรับการใช้งานไมโครโฟนจากจอโดยตรง ด้วยราคา 17,990​ บาท ถือว่าเป็นราคาน่าสนใจมาก

ข้อดี

– จอใหญ่ระดับ 34 นิ้วเพิ่มพื้นที่ในการใช้งานมากกว่าปกติ

– ความโค้ง 1500R สอดรับมุมมองสายตาผู้ใช้งาน

– อัตราส่วน 21:9 Ultrawide ทางเลือกการรับประสบการณ์ภาพแบบใหม่

– ค่า Refresh Rate ในระดับ 165 Hz

– รองรับการแสดงผลภาพ HDR10

– มาพร้อมฟีเจอร์สำหรับการปรับแต่งทั้งความบันเทิงและการถนอมสายตา

– พอร์ตการใช้งานครบครัน

– SoundBar ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองโดดเด่นกว่าจออื่น ๆ ที่มีอยู่

– มีไมโครโฟนสำหรับใช้งานได้โดยตรงจากจอ

ข้อสังเกต

– การขาดหายไปของเทคโนโลยี Sync ที่อาจส่งผลต่อการเล่นเกมได้

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางHuaweiแห่งประเทศไทยที่ได้ทำการส่ง Huawei MateView GT จอสำหรับการเล่นเกมที่มาพร้อมกับจุดเด่นเรื่องของเสียงมาให้เราได้ทดสอบ ใครที่สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ตามร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วไปและทางช่องทางออนไลน์

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อสินค้าได้ที่ : https://bit.ly/3qA7wU9

Artherlus

แค่คนทั่วไปที่หลงใหลในวงการไอที
Back to top button