
เป็นที่ทราบกันดีว่า Bethesda นั้นเป็นที่รู้จักกันในนามเจ้าพ่อเกม RPG ฝั่งตะวันตกที่สำคัญอีกหนึ่งค่าย อย่างไรก็ดีแม้ทั้งเกม The Elder Scrolls และ Fallout จะได้รับความนิยมสูง แต่สิ่งที่กวนใจกันไม่เว้นก็คงหนีไม่พ้นเรื่องบั๊คและการแสดงผล รวมไปถึงระยะเวลาการวางจำหน่ายที่ทิ้งช่วงนานมากๆ ซึ่งล่าสุดหนึ่งในทีมงานที่ร่วมงานกับโปรเจ็กต์ Starfield มาก่อนก็ได้ออกมาให้ความเห็นน่าสนใจด้วย
อดีตทีมงานฝ่ายศิลป์ของเกมได้ให้สัมภาษณ์กับ Kiwi Talkz เกี่ยวกับประวัติการทำงานก่อนหน้า ซึ่งปัจจุบันตัวเขาเองก็ได้ออกมาตั้งค่ายเองแล้วพร้อมเลือกพัฒนาเกมด้วย Unreal Engine 5 แทน และนั่นก็ทำให้ตนตกผลึกขึ้นมาเลยว่าค่ายควรหันมาใช้เอนจิ้นรุ่นใหม่นี้แทน Creation Engine ชุดเดิมคู่บุญที่ใช้ทำงานกันมาข้ามทศวรรษด้วยความสะดวกในการใช้งานและการแก้ปัญหาหลายอย่างที่ดูจะง่ายมากขึ้น
เขามองว่าการพัฒนาเกมโอเพนเวิลด์ด้วยเอนจิ้นแบบเดิมนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และที่สำคัญที่สุดหลายต่อหลายเกมก็ต้องใช้เวลามากจนเกินไปชนิดเป็นร้อยชั่วโมง แต่เมื่อเปรียบกับ Unreal Engine 5 แล้ว เขาคิดว่าเกมเหล่านั้นอาจจะสามารถพัฒนาทันภายในระยะเวลาไม่กี่ปีก็ได้ ซึ่งถ้าจะให้ภาพ Creation Engine ก็คงเหมือนกับการขี่รถไฟไปพร้อมกับวางไม้หมอนไปด้วย โดยที่รถไฟขบวนนั้นก็ไฟลุกโหมอย่างหนักตลอดเวลา
กระนั้นแล้ว ตนก็เข้าใจถ้าเกิดว่า Bethesda ยังเลือกที่จะใช้งานเอนจิ้นเดิมอยู่เพราะการเปลี่ยนแปลงชุดพัฒนาย่อมต้องอาศัยการลงทุน เช่นเดียวกับการเรียนรู้วิธีใช้งานใหม่ ซึ่งถ้าสังเกตให้ดี CD Projekt RED ที่เปลี่ยนจากเอนจิ้นภายในของตัวเองสู่ Unreal Engine 5 ก็ยังคงต้องทำการศึกษางานกันอยู่เลย สำหรับเพื่อนๆ คิดเห็นอย่างไรก็ลองมาแลกเปลี่ยนกับ ThisIsGame Thailand ได้นะ
Starfield เปิดให้เล่นแล้วบนเครื่องเล่น Xbox Series X|S และ PC ผู้เล่นจะได้สร้างตัวละครนักบินอวกาศและออกเดินทางในจักรวาลแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยปริศนาเกี่ยวกับมนุษยชาติ ผ่านการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ที่และเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ เกมมาพร้อมกับดวงดาวกว่า 1,000 ดวงให้สำรวจ พร้อมการปรับแต่งยานอวกาศ การสร้างฐานทัพ และระบบสร้างตัวละครที่มีความละเอียดสูงให้เราเป็นตัวของตัวเองในโลกไซไฟยุค 2330