ข่าวคอนโซล / พีซีสกู๊ปพิเศษ

เทียบ 11 จุดสำคัญระหว่าง Monster Hunter Wilds และ Rise

เหมือนหรือต่างกันอย่างไร มาชม!

แม้ว่า Monster Hunter ดูเหมือนจะเป็นเกมที่เกือบสมบูรณ์แบบแล้วในตอนนี้ แต่ Capcom ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่าเดิมอยู่เสมอ โดยล่าสุด Monster Hunter Wilds ที่กำลังจะมาถึงดูเหมือนว่าจะนำซีรีส์อันเป็นที่รักนี้ไปสู่อีกระดับใหม่ ด้วยการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงที่โดดเด่นมากมาย และในวันนี้เราก็ได้หยิบเอาเกม 2 ภาคล่าสุดอย่าง Wilds และ Rise มาเปรียบเทียบให้ทุกคนได้เห็นกันว่ามันเหมือนหรือต่างกันอย่างไร

1. การออกสำรวจดินแดนใหม่

Monster Hunter Wilds and Rise Comparison

เช่นเดียวกับเกม Monster Hunter ภาคก่อน ๆ ที่ผู้เล่นจะได้ออกสำรวจฉากใหม่ ๆ ใน Wilds ก็เช่นกัน โดยในภาคนี้ ผู้เล่นจะได้ผจญภัยในดินแดนต้องห้าม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยมีใครสำรวจมาก่อนในประวัติศาสตร์ของ Guild หมายความว่าผู้เล่นจะได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ที่เต็มไปด้วยความลึกลับและอันตราย และแน่นอนว่าเราจะได้พบกับเมืองศูนย์กลางแห่งใหม่ที่รอให้เราไปเยือน

2. หมู่บ้านศูนย์กลางหลากหลายแห่ง

Monster Hunter Wilds and Rise Comparison

เสน่ห์อย่างหนึ่งของเกม Monster Hunter ภาคใหม่ทุกครั้ง คือการได้สำรวจและทำความรู้จักกับหมู่บ้านศูนย์กลางแห่งใหม่ ซึ่งใน Monster Hunter Rise หมู่บ้าน Kamura ที่กล่าวมาข้างต้น ได้รับความรักจากผู้เล่นมากมาย ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากญี่ปุ่น ในขณะที่ Wilds จะมีหมู่บ้านหลายแห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในแผนที่ที่แตกต่างกัน ได้แก่ หมู่บ้าน Kunafa Windsong ใน Windward Plains, Wudwud Hideout ใน Scarlet Forest และ Azuz ใน Oilwell Basin

3. การเดินทางไร้รอยต่อ

Monster Hunter Wilds and Rise Comparison

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดใน Monster Hunter Wilds คือการเดินทางที่ไร้รอยต่อ ซึ่งถือเป็นการยกเครื่องระบบแผนที่ของเกมครั้งใหญ่ ในอดีต ผู้เล่นเกม Monster Hunter ทุกภาค รวมถึงภาค Rise จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับหน้าจอโหลดทุกครั้งที่เดินทางจากเมืองไปยังแผนที่ล่า โดยในภาคนี้ทาง Capcom ได้ขจัดอุปสรรคนี้ออกไปแล้ว ผู้เล่นจะสามารถเดินทางจากหมู่บ้านสู่พื้นที่ล่า และจากพื้นที่ล่ากลับสู่หมู่บ้านได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีอะไรมาขัดจังหวะประสบการณ์การเล่นเกม การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเล่น แต่ยังช่วยให้ผู้เล่นได้สัมผัสกับโลกของ Monster Hunter ได้อย่างเต็มที่และต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น

4. รับเควสได้โดยไม่ต้องกลับเมือง

Monster Hunter Wilds and Rise Comparison

ภายในเกมภาคใหม่นี้ผู้เล่นสามารถเดินทางระหว่างเมืองและพื้นที่ล่าได้อย่างอิสระ ไม่เหมือนกับเกม Monster Hunter ภาคก่อน ๆ ที่ผู้เล่นต้องเริ่มภารกิจที่กระดานภารกิจในเมือง และเมื่อจบภารกิจก็ต้องกลับมาที่เมืองเสมอ แต่ใน Wilds ผู้เล่นสามารถเริ่มภารกิจได้ทันทีเมื่อพบเป้าหมายในโลกกว้าง และไม่จำเป็นต้องกลับมาที่เมืองหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ผู้เล่นได้สัมผัสประสบการณ์การล่าที่ต่อเนื่องและสมจริงยิ่งขึ้น

5. ลาก่อน Wired Bug… ยินดีต้อนรับ Slinger

Monster Hunter Wilds and Rise Comparison

เป็นหนึ่งในคุณสมบัติใหม่ที่ดีที่สุดของ Monster Hunter Rise ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Clutch Claw จากภาค Iceborne ซึ่งฟีเจอร์นี้ทำให้ผู้เล่นล่ามอสเตอร์ได้รวดเร็ว และมันส์สะใจมากขึ้นน่าเสียดายที่มันจะไม่กลับมาใน Monster Hunter Wilds แล้ว ในขณะเดียวกันฟีเจอร์ Slinger ก็กลับมาอีกครั้งใน Wilds โดยเครื่องมือชิ้นสำคัญนี้จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถโหนตัวเหมือนกับ Wirebug โดยการยึดเกาะกับจุดต่าง ๆ ในสภาพแวดล้อมได้ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เก็บไอเทมจากระยะไกล (แม้ในขณะเคลื่อนที่) ได้ด้วย และแน่นอนว่าการกลับมาของ Slinger ในครั้งนี้จะเพิ่มความหลากหลายในการเล่นและเป็นส่วนสำคัญของเกมเพลย์ในภาคนี้อย่างแน่นอน

6. บอกลาเพื่อนเก่า ต้อนรับเพื่อนใหม่

Monster Hunter Wilds and Rise Comparison

ในภาค Rise เหล่า Palamutes คือคู่หูที่ช่วยเหลือนักล่าได้อย่างดี แต่ใน Wilds เราต้องบอกลาเจ้าสุนัขคู่ใจ เพราะเกมนี้จะไม่มีพวกมันอีกต่อไปแล้ว อย่างไรก็ตามไม่ต้องกังวลใจไป เพราะทีมพัฒนาได้เตรียม Seikrets คู่หูตัวใหม่ ที่จะมาพร้อมความสามารถที่เหนือกว่า โดยเจ้ามอนสเตอร์คู่ใจนี้มีรูปร่างคล้ายแร็พเตอร์ มีความคล่องแคล่วและว่องไวมากกว่า Palamutes แถมยังสามารถ “ร่อน” ได้อีกด้วย! ที่สำคัญ Seikrets จะช่วยให้นักล่า พกอาวุธได้ถึง 2 ชิ้น และสามารถสลับเปลี่ยนอาวุธได้ตลอดเวลาที่ขี่ Seikrets อยู่ ทำให้การล่ามอนของเรามันส์ขึ้นไปอีกขั้น

7. “Focus Mode” กลไกใหม่ในการต่อสู้

Monster Hunter Wilds and Rise Comparison

ใน Wilds มีกลไกใหม่ในการเล่นเกมที่เรียกว่า Focus Mode ซึ่งจะเพิ่มความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ให้กับการต่อสู้มากกว่าเกมก่อน ๆ การเปิดใช้งานโหมดดังกล่าวระหว่างการต่อสู้จะไฮไลต์จุดอ่อนของศัตรูด้วย Scuttleflies ซึ่งคุณจะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ ซึ่งถือว่ามีประโยชน์แบบสุด ๆ

8. มอนสเตอร์และพฤติกรรมที่สมจริง

Monster Hunter Wilds and Rise Comparison

Wilds กลับมาพร้อมกับมอนสเตอร์ใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นมากมายรอให้คุณเผชิญหน้า ไม่ว่าจะเป็น Arkveld มอนสเตอร์หางแส้ที่น่าสะพรึงกลัว Ajarakan มอนสเตอร์ร่างใหญ่แต่เคลื่อนที่รวดเร็ว Doshaguma สัตว์สี่ขาขนาดใหญ่ที่มีแผงคอ รวมไปถึง Lala Barina มอนสเตอร์แมงมุมยักษ์ที่ดูเหมือนดอกไม้ นอกจากนี้ยังมี Quematrice มอนสเตอร์ขนาดใหญ่ที่เหมือนทีเร็กซ์ และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยนอกจากมอนสเตอร์ใหม่ ๆ แล้ว ภาคนี้ยังมีการปรับปรุงพฤติกรรมของมอนสเตอร์ให้สมจริงยิ่งขึ้น คุณจะได้เห็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างสัตว์กินเนื้อและสัตว์กินพืช รวมถึงฝูงมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ที่จะเคลื่อนที่ไปด้วยกัน ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในซีรีส์นี้

9. ระบบนิเวศที่มีชีวิตชีวาและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

Monster Hunter Wilds and Rise Comparison

นอกเหนือจากสัตว์ประหลาดแต่ละตัวจะมีพฤติกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มีการเกิด การสร้างถิ่นที่อยู่ การดูแลลูก และการล่าเหยื่อ ซึ่งทุกอย่างเกิดขึ้นโดยอิสระจากผู้เล่น นอกจากนี้ สภาพอากาศในเกมก็จะส่งผลกระทบต่อโลกของเกมอย่างใหญ่หลวง โดยแต่ละพื้นที่จะมีสภาพอากาศที่หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปในสามรูปแบบ ซึ่งจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม พฤติกรรมของสัตว์ประหลาด และการสำรวจ ตัวอย่างเช่น สภาพอากาศที่เอื้ออำนวยอาจทำให้สัตว์กินพืชออกมาหากินมากขึ้น ในขณะที่สัตว์ร้ายจะออกล่าในสภาพอากาศที่เลวร้าย การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะส่งผลต่อการเล่นเกมและการสำรวจของผู้เล่นอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย

10. โหมด Rampages ที่ถูกถอดออกไป

Monster Hunter Wilds and Rise Comparison

ในภาค Rise ได้นำ Rampages เข้ามา ซึ่งเป็นภารกิจป้องกันหอคอยที่ผู้เล่นต้องปกป้องหมู่บ้าน Kamura จากฝูงมอนสเตอร์คลั่ง แต่มันไม่ใช่ส่วนที่ผู้เล่นชื่นชอบมากนัก โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ชอบเกมแนว Tower Defense โชคดีสำหรับผู้ที่คิดเหมือนกัน Rampages จะไม่กลับมาใน Monster Hunter Wilds แล้ว

11. โหมดสำหรับคนกลัวแมงมุม

อีกหนึ่งโหมดที่เอาใจคนกลัวแมงมุม โดยเกมดังกล่าวเตรียมเพิ่มโหมดพิเศษครั้งแรกในซีรีส์ ผู้เล่นที่ขนลุกกับเจ้าสัตว์ขาวยาวทั้งหลาย เตรียมบอกลาความหวาดกลัวได้เลย เพราะโหมดนี้จะแปลงร่างแมงมุมทั้งหมดในเกมให้กลายเป็นก้อนวุ้นไร้รูปร่าง ซึ่งการเพิ่มโหมดนี้เข้ามาก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าทีมงานใส่ใจผู้เล่นมากขนาดไหนครับ

Monster Hunter Wilds นำเสนอประสบการณ์ล่าสุดให้กับเหล่าฮันเตอร์ ร่วมผจญภัยไปยังดินแดนรกร้างอันกว้างใหญ่ สัมผัสความตื่นเต้นกับระบบ Multi-dimensional Biomes ที่ทำให้ไบโอมแต่ละแห่งเปลี่ยนแปลงไปมาอย่างคาดเดาไม่ได้ เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดหลากสายพันธุ์ พร้อมร่วมทีมค้นคว้าค้นหาความลับของดินแดนแห่งนี้ โดยเกมภาคนี้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับทั้งผู้เล่นหน้าใหม่และแฟนพันธุ์แท้ ด้วยระบบเกมเพลย์ที่ลื่นไหล กราฟิกสุดอลังการ และเนื้อเรื่องเข้มข้น ซึ่งเกมดังกล่าวจะวางจำหน่ายบน Xbox Series X/S, PS5 และ PC ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2025

ที่มา
gamingbolt

Youryu

นักผจญเกมที่ไม่จำกัดประเภทและแพล็ตฟอร์ม
Back to top button