สกู๊ปพิเศษ

God of War กับปมปริศนาที่ต้องคลี่คลาย

ไม่ว่าจะเป็นชื่อจริงของ Atreus ไปจนถึงบทบาทของเขาในเกมภาคต่อไป

สำหรับใครที่ได้เล่น God of War (2018) จบเป็นที่เรียบร้อยจะทราบกันดีว่าในเกมภาคต่อไปอย่าง God of War Ragnarok จะมาพร้อมเนื้อเรื่องสานต่อการผจญภัยของ Kratos และ Atreus ที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติครั้งใหญ่ในดินแดน Norse หลังจากการตายของ Baldur บุตรแห่ง Odin หนึ่งในศัตรูจากเกมภาคแรก

โดยในระหว่างที่รอการประกาศเปิดตัวของเกมภาคใหม่ เหล่าแฟนๆ ต่างพากันลุ้นว่า God of War ภาคนี้จะนำตำนานเทพ Norse มาตีความใหม่ในรูปแบบที่ต่างออกไปจากเดิม รวมไปถึงปมปริศนาต่างๆ จากเกมภาคแรกที่ทางทีมงานต้องรีบคลี่คลายในเกมภาคใหม่นี้ เพื่อให้การดำเนินเนื้อเรื่องมีที่มาที่ไป ไม่กลายเป็น Plot Hole ในภายหลัง ซึ่งประเด็นหลักๆ ที่ทางมือเขียนบทต้องรีบคลายโดยเร็วจะมีดังต่อไปนี้

image 320

บุตรแห่ง Loki

image 4119

ในช่วงท้ายของ God of War (2018) ได้มีการเผยปมเรื่องที่ว่าจริงๆ แล้ว Atreus มีอีกชื่อหนึ่งนั่นก็คือ Loki, Faye คนรักของ Kratos ที่มีอีกชื่อว่า Laufey และ Kratos ที่ได้รับการตั้งชื่อใหม่จากเผ่ายักษ์ว่า Farbauti ซึ่งตามตำนานของ Norse Farbauti เป็นชื่อผู้เป็นพ่อของ Loki รวมไปถึง Laufey หรือ Nils ที่เป็นชื่อมารดาของ Loki โดยความหมายของชื่อ Farbauti แปลแบบตรงๆ ก็คือ “นักจู่โจมที่อันตราย” และในส่วนของชื่อ Laufey จะแปลได้ประมาณว่า “ใบไม้หรือเข็มสน ที่ถูกจุดประกายด้วยสายฟ้า”

อย่างไรก็ดีจากตำนานเดิมของ Norse ตัวของ Loki เองยังมีบุตรอยู่หลายคนด้วยกัน โดยในตำนานเดิม Loki จะแต่งงานกับ Sigyn และมีบุตรด้วยกันสองคนคือ Narfi และ Nari และครั้งหนึ่ง Loki ยังเคยจำแลงกายเป็นแม่ม้าที่ตั้งท้องกับม้าตัวผู้จนให้กำเนิด Sleipnir ม้าแปดขาประจำตัวของ Odin รวมไปถึงลูกๆ ที่ Loki มีกับยักษ์เพศหญิง Angrboda ได้แก่ Hel เจ้าแห่งความตาย, Fenrir หมาป่าอสูรและ Jormungandr world serpent (หรืองูยักษ์ที่เราเห็นในเกมภาคแรก)

image 4119

ซึ่งประเด็นสำคัญในตอนนี้เลยก็คือการที่เกมภาคแรกเผยว่าแท้จริงแล้ว Atreus คือ Loki แต่ตัวของเขานั้นยังเป็นเด็กอยู่ทำให้ประเด็นในเรื่องของบุตรแห่ง Loki จึงเป็นไปไม่ได้ในจักรวาลของเกม God of War อย่างไรก็ตามคู่หูพ่อลูกก็เคยได้เผชิญหน้ากับ the world serpent แล้วในเนื้อเรื่องพร้อมการกล่าวถึง Fenrir จากตัว Mimir รวมไปถึงภาพของ Odin ที่กำลังควบม้า Sleipnir ที่เห็นได้ที่ Hrungnir Shrine

แต่ถึงแม้ว่าในจักรวาลของเกมตัวของ Loki จะไม่ได้มีบุตรตามแบบตำนานเดิม แต่ภายในเกมได้มีการทิ้งเบาะแสที่น่าสนใจไว้อย่างอักษรรูนที่ศาลเจ้าของ Jormungandr ที่สามารถแปลได้ว่า “บุตรแห่ง Loki และ Angrboda, พี่น้องของ Fenrir และ Hel ” ซึ่งปมปริศนานี้น่าจะมาเป็นส่วนสำคัญกับตัวของ Atreus ในเกมภาคต่อไปแถมในเกมภาคแรกยังได้มีการกล่าวถึง Angrboda ที่เป็นนางพญาแห่งปีศาจและการที่ Fenrir, Hel และ Jormungandr คือพี่น้องกันจริงๆ เป็นการยืนยันแบบกลายๆ ว่า Loki (หรือ Atreus) คือผู้เป็นพ่อตามแบบตำนานเดิมของ Norse

image 321

ตำนาน Norse และการท่องเวลา

image 4118

ใน God of War 2 (ของไตรภาคต้นฉบับ) ได้เคยเปิดประเด็นเรื่องการท่องเวลาไว้ในจักรวาล God of War โดยภายในเกมภาคนี้ Kratos ได้ถูก Zeus สังหารลงเนื่องจากความหวาดกลัวของตัวเองว่าวันหนึ่ง Kratos จะเป็นผู้ทำลายทุกสิ่งของตนแต่ Kratos ได้รับการช่วยเหลือจากดินแดนเบื้องล่างพร้อมกับภารกิจที่ต้องตามหา Sisters of Fate และหลังจากที่ Kratos สำเร็จภารกิจแล้ว ตัวของเขาก็ได้ย้อนเวลากลับไปพร้อมกับเหล่ากองทัพ Titan เพื่อออกศึกแก้แค้นกับ Zeus ทำให้การใส่พล็อตการท่องเวลาในเกมภาคใหม่มีความเป็นไปได้เช่นกัน

image 320

คุกของ Loki

image 4119

จากที่กล่าวไปในข้อที่แล้วหากทางทีมผู้เขียนเลือกที่จะนำพล็อต Time Travel มาใช้จริงๆ ก็มีความเป็นไปได้ว่า Atreus อาจจะเดินทางเพื่อย้อนเวลากลับไปด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งจนกลายเป็น Loki แห่งตำนาน Norse ได้ทันเวลาก่อนเกิดเหตุการณ์ Ragnarok ซึ่งการที่ตัว Loki ในตอนโตยังไม่ปรากฏตัวภายในเกมยิ่งทำให้ประเด็นนี้มีที่มาที่ไปมากขึ้น โดยตามตำนานเดิม Loki ถูกคุมขังไว้ที่ใต้พิภพพร้อมพิษของงูที่ไหลรินลงมาที่ใบหน้าของเขาและมี Sigyn คอยทำการรองมันไว้อยู่

และแม้ว่าตัว Loki จะทำอะไรหลายอย่างในเรื่องเล่าของ Norse แต่มันจะมีเหตุผลมากๆ หากตัวเขาถูกคุมขังในเกมภาคแรก โดยตามตำนานเดิม Loki จะถูกปล่อยให้เป็นอิสระในช่วงที่ Ragnarok เริ่มขึ้น ทำให้ในเกมภาคต่อไปมีความเป็นได้ว่า Atreus จะถูกส่งย้อนไปยังอดีตที่แสนไกลจากเกมภาคแรก และกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในช่วงที่ตัวเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้วในเกมภาคต่อไป

และอีกหนึ่งความเป็นได้ในเกมภาคนี้ทางมือเขียนบทอาจจะนำเรื่องคุกที่คุมขัง Loki มาตีความใหม่ได้อีกเช่นกัน นั่นก็คือการตีความว่าตัวของ Atreus เป็นเสมือนคุกที่คุมขังสิ่งมีชีวิตที่มีอายุมากกว่าตัวเขาอยู่ เป็นการเลี่ยงวิธีการใช้พล็อตเดิมที่พวกเขาเคยทำไปแล้วใน God of War 2 ซึ่งสุดท้ายนี้เรายังคงทำได้แค่การคาดเดาต่อไปเรื่อยๆ แต่ที่แน่ๆ คือตัวตนของ Loki ในฐานะบิดาแห่ง Fenrir, Hel และ Jormungandr นั้นเป็นของจริงทำให้เราอดคิดไม่ได้เลยว่าปริศนาในครั้งนี้จะถูกคลายอย่างไรในเกมภาคต่อไป

ที่มา
gamerant
Back to top button