8 สิ่งสำคัญที่คุณจำเป็นต้องรู้ใน Final Fantasy VII Remake
สิ่งต่างๆ ที่เกมไม่ได้บอก แต่ควรรู้เอาไว้ก่อนเล่น
Final Fantasy VII Remake ได้พาผู้เล่นเข้าสู่เมือง Midgar ที่ได้มีการเพิ่มหลายสิ่งหลายอย่างมากมายให้ค้นหา ไม่ว่าจะเป็นไอเทมที่ซ่อนอยู่ หรือเงื่อนไขการปลดล็อคของต่างๆ รวมถึงเทคนิคการเล่นที่สามารถค้นพบได้ด้วยตัวเอง ซึ่งบางอย่างที่เกมไม่ได้บอกเอาไว้นั้น ก็ควรจะรู้เอาไว้เพื่อไม่ให้พลาดกันไปซะก่อน ในคราวนี้เราจึงจะมาแนะนำกันว่ามีเรื่องไหนที่ควรรู้ไว้ไม่ให้พลาดกันบ้าง
1. Moogle Medals มีไว้ทำอะไร
ในเมือง Midgar มีกล่องที่สามารถทำลายได้อยู่มากมาย โดยเมื่อทำลายแล้วจะได้รับการฟื้นฟู MP หรือได้ไอเทมอย่าง Potion หรือ Antidotes มา แต่บางครั้งก็จะได้รับไอเทมที่มีชื่อว่า “Moogle Medals” มาด้วย ซึ่งในตอนแรกนั้นอาจจะยังไม่รู้ว่าไอเทมนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร แต่เมื่อเล่นตามเนื้อเรื่องไปถึงช่วงหนึ่ง ก็จะพบกับ NPC ที่รับแลกของพิเศษกับเหรียญ Moogle Medals ที่เรามี เพราะงั้นจึงต้องพยายามหาเก็บสะสม Moogle Medals กันไว้เยอะๆ เพื่อนำมาใช้แลกของรางวัลกันด้วย
2. วิธีได้รับมนต์อสูรเพิ่มเติม
Summon Materia หรือ มนต์อสูร เป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยใน Final Fantasy ซุึ่งในตอนแรกนั้นผู้เล่นจะมีเพียงมนต์อสูร Ifrit ที่ได้มาตามเนื้อเรื่อง ซึ่งหลังจากนั้นตั้งแต่ Chapter 6 เป็นต้นไป ก็จะสามารถพบ Summon Materia ตัวอื่นๆ ซึ่งจะได้รับมาจากการหาวิธีเก็บ หรือการปลดล็อคจาก NPC ที่ชื่อ Chadley หรือเด็กหนุ่มสวมแว่นที่จะให้เราคอยเก็บรวบรวมข้อมูลของมอนสเตอร์ให้ ซึ่งเมื่อเราเก็บรวบรวมข้อมูลของมอนสเตอร์มาให้ Chadley จนถึงจุดหนึ่ง เขาก็จะค่อยๆ ปลดล็อคการต่อสู้แบบพิเศษให้ และทำให้ได้มนต์อสูรตัวใหม่มาหลังจากที่ชนะแล้ว
3. วิธีใช้งาน Materia สำหรับมือใหม่
Materia เป็นไอเทมพิเศษในโลกของ Final Fantasy VII ที่จะช่วยเพิ่มความสามารถต่างๆ ให้กับตัวละครได้มากขึ้นในการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็น Materia ที่สามารถทำให้ใช้เวทมนตร์ธาตุ หรือ Materia ที่ช่วยฟื้นฟูหรือเสริมพลัง ซึ่งถ้าหากเลือกใช้ได้อย่างถูกต้อง ก็จะทำให้มีความได้เปรียบเวลาต่อสู้มากขึ้นด้วย
แต่ก่อนที่จะใช้งานได้นั้น ผู้เล่นจำเป็นต้องได้รับและติดตั้ง Materia กับอาวุธที่ใช้อยู่ซะก่อน โดยปกติแล้วช่องติดตั้ง Materia นั้นจะมี 2 ประเภท ได้แก่ “แบบเดี่ยว” ซึ่งจะเป็นช่องติดตั้งธรรมดา และ “แบบเชื่อมต่อกัน” ซึ่งจะเห็นเป็นช่องติดตั้ง 2 ช่องที่เชื่อมต่อกันอยู่ หากนำ Materia 2 ลูก มาติดตั้งในช่องเชื่อมต่อนี้ จะทำให้ความสามารถของธาตุ Materia ส่งผลร่วมกัน
ตัวอย่างเช่นหากติดตั้ง Materia Fire กับ Elemental Materia ไว้ด้วยกัน ก็จะทำให้อาวุธของตัวละครมีความสามารถธาตุไฟเพิ่มขึ้นมา หรือหากติดตั้งร่วมกับ Magnify Materia ก็จะทำให้สามารถใช้เวทย์โจมตีเป้าหมายหลายตัวได้ เพราะฉะนั้นแล้วจะใช้ Materia แบบไหนมาผสมผสานกัน ก็เป็นความสนุกที่ต้องให้ทดลองใช้กันดู
4. รู้จักการใช้คาถาให้ถูกเวลา
ด้วยการเปลี่ยนแปลงเกมเพลย์จาก Turn-based มาเป็น Action ทำให้ตัวละครของผู้เล่นและศัตรูสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และทำให้สามารถหลบหลีกการโจมตีได้จากการสังเกตุการเคลื่อนไหว โดยในระหว่างการต่อสู้นั้น เมื่อเกจ ATB ของผู้เล่นเต็มแล้ว จะสามารถใช้คำสั่ง Spells หรือการใช้คาถาโจมตีศัตรูได้ แต่ระหว่างการใช้นั้นจะมีจังหวะที่ต้องรอร่ายคาถาก่อนสักครู่หนึ่ง ซึ่งถ้าหากโดนศัตรูโจมตีมาในจังหวะนั้น นอกจากจะทำให้ไม่สามารถใช้คาถาได้แล้ว ก็ยังทำให้เสียเกจ ATB ไปฟรี ๆ ด้วย และไม่เพียงแต่การใช้คาถาของเราเท่านั้น แต่ควรระมัดระวังการใช้คาถาของศัตรูให้ดีด้วย เพราะถ้าหากโดนไปแล้วมีสิทธิ์ที่จะติดสถานะ และเป็นฝ่ายโดนจัดการได้ง่าย ๆ เลย
5. วิธีการใช้ Punisher Mode ที่ถูกต้อง
Cloud สามารถเปลี่ยน Mode การเล่นได้ด้วยการกดปุ่มสามเหลี่ยม โดยจะมีด้วยกันสองแบบคือ Operator Mode ที่มีความเคลื่อนไหวคล่องตัว และ “Punisher Mode” ที่มีการโจมตีที่รุนแรง แต่ไม่ใช่ว่าโหมดนี้จะทำได้เพียงแค่ฟาดฟันดาบด้วยความรุนแรงสะใจอย่างเดียว แต่มันยังสามารถเคาน์เตอร์การโจมตีกลับได้ ด้วยการกดป้องกันค้างเอาไว้ หรือกดเปลี่ยนโหมดในจังหวะที่ศัตรูโจมตีเข้ามา ซึ่งหากฝึกใช้จนเป็นแล้ว จะกลายเป็นเทคนิคที่ร้ายกาจ ในการต่อสู้กับศัตรูหลาย ๆ ตัวได้ดีมากทีเดียว
6. การทำงานของท่า Tempest
“Tempest” เป็นท่าความสามารถพิเศษของ Aerith ที่ผู้เล่นหลายคนพบว่าท่านี้อาจเป็นท่าที่ใช้ได้ยาก โดยเมื่อกดปุ่มสามเหลี่ยมแล้ว Aerith จะทำการปล่อยคริสตัลออกไปหาศัตรู ก่อนที่หลังจากนั้นจะระเบิดออกมาภายใน 2-3 วินาที และหากกดปุ่มสามเหลี่ยมค้างเอาไว้ จนเกจวงกลมที่เมนูคำสั่งเต็ม ก็จะเป็นการปล่อยคริสตัลที่มีพลังทำลายเป็นวงกว้างมากกว่าเดิม ซึ่งวิธีที่จะใช้ท่านี้ได้ดีที่สุดก็คือตอนที่อยู่ห่างออกจากศัตรูพอสมควร และศัตรูได้อยู่กันเป็นกลุ่มหรือกำลังโจมตีเพื่อนร่วมทีมของเราอยู่ ท่านี้ก็จะเป็นท่าช่วยที่พลิกสถานการณ์ได้ดีอีกท่าทีเดียว
7. เรียนความสามารถจากอาวุธที่ต่างกัน
การเปลี่ยนอาวุธใน Final Fantasy VII Remake ไม่ได้เพียงแต่ทำให้ Status ของตัวละครเปลี่ยนไป แต่อาวุธแต่ละแบบก็จะมีความสามารถที่แตกต่างกันไปด้วย โดยเมื่อได้อาวุธมาจากการซื้อของ หรือได้รับมาจากเควสต์ ก็จะมีการระบุถึงความสามารถและเกจความชำนาญของการใช้ท่าพิเศษของอาวุธแต่ละชิ้นเอาไว้ และหากใช้อาวุธชิ้นใหม่จนเกจความชำนาญเต็มแล้ว ก็จะสามารถนำความสามารถของอาวุธชิ้นนั้น มาใช้กับอาวุธชิ้นอื่นได้ ซึ่งความสามารถที่แตกต่างกันไปในแต่ละอาวุธ ของแต่ละตัวละคร ก็ยังเป็นการให้ผู้เล่นได้เปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้ในสไตล์ของตัวเองได้ด้วย
8. กลับมาเล่นใหม่อีกครั้งได้ในโหมดความยากระดับ Hard
ความน่าสนใจหลังเล่นจบรอบแรกรออยู่อีกเพียบ!
สำหรับผู้เล่นที่กังวลว่าเกม Final Fantasy VII Remake ที่ไม่มีโหมด New Game Plus แล้วเมื่อเล่นจบจะกลับมาเล่นซ้ำได้หรือไม่ คำตอบคือเล่นได้สบายๆ ครับ เพราะหลังจากที่ผู้เล่นเคลียร์เกมรอบแรกแล้ว ผู้เล่นสามารถกลับมาเล่นเกมนี้ได้อีกครั้งในโหมด Hard ซึ่งจะมีความท้าทายขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีอีกหลายๆ อย่างที่รอให้ผู้เล่นได้กลับมาเล่น ไม่ว่าจะเป็นกลับมาเก็บของที่ลืมเก็บตามฉาก ทำวิจัย Chadley ให้เสร็จสิ้น กลับมาฟาร์มเลเวลก็สามารถทำได้สบายขึ้น เพราะในหลังจากเล่นจบรอบแรกแล้วผู้เล่นจะได้รับค่า EXP และ AP มากกว่าเดิม รวมถึงหากใครอยากลองเล่นโหมด Classic ก็สามารถมาทดลองเล่นได้ หรือผู้เล่นคนไหนอยากจะกลับไปเล่นใน Chapter ต่างๆ เพื่อชมฉากคัทซีนที่ประทับใจ ก็สามารถทำได้เช่นกัน เรียกได้ว่าเล่นจบรอบแรกเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเกมนี้จริงๆ ครับ