7 สิ่งที่ Diablo IV ยังคงเสน่ห์ของเนื้อเรื่องได้ดีเหมือนเดิม
บรรยากาศดำมืด ความโหดร้าย ความสิ้นหวัง ยังคงมีอยู่ครบ
หลายคนอาจจะรู้กันแล้วว่าช่วงนี้ก็ใกล้ที่จะถึงเวลาวางจำหน่ายของ Diablo IV ที่เป็นภาคใหม่ล่าสุดของซีรีส์ Diablo กันแล้ว และถ้าใครที่เคยเล่นภาคเก่า ๆ ของ Diablo มาตั้งแต่ภาคแรกก็คงจะรู้กันดีว่าโทนของเกมแนวนี้มันเป็นยังไง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง บรรยากาศ มอนสเตอร์ ผู้คนภายในเมือง ก็จะตกอยู่ในความโหดร้ายแทบทั้งสิ้น และในภาค 4 นี้ก็ยังคงรักษามาตรฐานเอาไว้ได้เหมือนเดิม เรามาดูกันว่ามีส่วนไหนบ้างที่ Diablo IV ยังคงเสน่ห์ด้านเนื้อเรื่องเอาไว้ได้
1. บอส Lilith ยังคงคอนเซ็ปต์ของปีศาจจากนรก
อย่างที่เราทราบกันดีว่าปีศาจต่าง ๆ ที่เป็น Last Boss ของเกม Diablo แต่ละภาคจะเป็นปีศาจที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นตามตำนานต่าง ๆ หรือจากศาสนาคริสต์ โดยในภาคนี้บอสใหญ่จะเป็น Lilith ซึ่งเป็นลูกสาวของบอสในภาค 2 อย่าง Mephisto โดยตำนานของ Lilith ที่เราจะรู้จักกันมากที่สุดก็คือข้อมูลตามตำนานของศาสนาคริสต์ มีอยู่ว่า Lilith นั้นเป็นมนุษย์เพศหญิงคนแรกที่พระเจ้าสร้างขึ้นหวังจะให้เป็นภรรยาของ Adam ก่อนที่จะเป็น Eve อย่างที่เราเข้าใจกัน แต่เนื่องจาก Lilith นั้นเป็นคนอารมณ์รุนแรง โกรธง่าย บ้าอำนาจ ไม่ยอมทำหน้าที่ภรรยาที่ดี และเธอก็ทิ้ง Adam ไปเป็นคนรักของปีศาจในนรก ทำให้พระเจ้าต้องส่งเทวดาชั้นสูงลงมาปราบ Lilith ด้วยตัวเอง ซึ่งก็เข้ากับธีม
2. โลกแนว Dark Fantasy ที่ปีศาจครอบงำแผ่นดิน
เรื่องราวของภาคนี้จะเริ่มจากการกลับมาของ Lilith ซึ่งมีฉายาว่า The Mother ซึ่งฉายามารดาแห่งปีศาจนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะเธอพาลูก ๆ ของเธอออกมาด้วย ตามตำนานแล้วพอ Lilith ได้ทิ้ง Adam ไปเป็นคนรักของปีศาจก็ได้ทำการปั้มลูกออกมาวันละ 100 ตัว ทำให้ไม่แปลกที่เธอจะได้รับฉายานี้ และไม่แปลกที่เธอจะมีกองกำลังของตัวเองเป็นลูก ๆ ปีศาจจำนวนมาก และมันก็ได้ออกมาจากนรกเพื่อปกคลุมโลกมนุษย์ให้มืดมิดอีกครั้ง โดย World Setting โทน Dark Fantasy นี้ถือว่าเป็นสิ่งถนัดของซีรีส์ Diablo อยู่แล้ว และภาคนี้ก็ทำให้ดูสิ้นหวังและหดหู่ได้เช่นเคยครับ
3. มนุษย์บางกลุ่มที่ตกเป็นทาสของปีศาจอยู่ร่ำไป
ไม่ว่าจะเป็น Diablo ภาคไหน ๆ ก็มักจะมีมนุษย์กลุ่มหนึ่งซึ่งเอาจริง ๆ ก็มีปริมาณไม่น้อยเลยที่ถูกปีศาจเข้าครอบงำจนตกเป็นทาส ซึ่งอาจจะเกิดจากความกลัว หรือถูกควบคุมทางจิตใจ แต่มนุษย์เหล่านี้ก็มักจะใช้ความรุนแรงหรือหลอกลวงมนุษย์คนอื่นมาเป็นเครื่องสังเวย หรือไม่ก็จับให้เข้าร่วมลัทธิประหลาดที่ตกเป็นทาสของปีศาจเหล่านั้น คนแบบนี้จะมีให้เห็นใน Diablo ทุกภาค แสดงถึงความกลัวและความเชื่อแบบผิด ๆ ของมนุษย์ที่กลัวต่อความสิ้นหวัง ความรุนแรงและความตายที่ปีศาจจะมอบให้ ทำให้มนุษย์เกิดการต่อสู้และฆ่าแกงกันเองอยู่เสมอ และ Diablo IV ยังเป็นเกมที่แสดงจุดนี้ได้อย่างดีครับ
4. เริ่มจากความซวย จบที่เป็นตำนาน
Diablo แต่ละภาคนั้นจุดเริ่มต้นของตัวละครหลักอย่างเรา ไม่ว่าจะเป็นทหาร ผู้กล้า นักรบ นักผจญภัย หรือใครก็ตาม มักจะมีเรื่องซวยให้เข้าไปพัวพันกับปีศาจอยู่เสมอ จนสุดท้ายก็ปราบปีศาจลงได้จากการพัวพันนั้น ซึ่งใน Diablo IV เองก็เริ่มต้นเช่นนั้น เราเป็นแค่นักเดินทางคนหนึ่งที่เผลอเข้าไปในหมู่บ้านที่บูชาลัทธิลิลิธ ทำให้ถูกจับเป็นเครื่องสังเวยและบังคับให้ดื่มเลือดของปีศาจ การที่เราจะลบล้างคำสาปจากการดื่มเลือดนั้นต้องกำจัดลิลิธที่เป็นบอสใหญ่ของภาคนี้เท่านั้น นอกจากจะช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากคำสาปแล้ว ยังสามารถกู้โลกใบนี้ได้อีกด้วย กลายเป็นว่าจุดเริ่มต้นของผู้กล้ากู้โลกคือความซวยที่เข้ามาพัวพันกับปีศาจซะงั้น
5. ความสิ้นหวังจากการสูญเสียยังคงเป็นเนื้อหาที่โดดเด่น
เควสต์แต่ละอย่างภายในเกมนี้ไม่ว่าจะเป็นเควสต์หลักหรือเควสต์รอง จะมีเนื้อเรื่องที่ออกไปในทางสิ้นหวังและการสูญเสียมากมาย เพื่อให้เราสัมผัสได้ว่าการมาเยือนของลิลิธนั้นค่อนข้างมีผลกระทบต่อมนุษย์โลกจริง ๆ บางเควสต์เราจะเห็นแม่ของ NPC บางคนต้องตกเป็นทาสของนางจนเสียสติ สุดท้ายต้องให้ลูกมาฆ่าแม่ตัวเอง หรือบางคนอาจจะสูญเสียคนรัก จากการที่คนรักกลายมาเป็นปีศาจ ความโหดร้ายจากการต้องเข่นฆ่าคนที่ตัวเองรักยังคงถูกเล่าขานผ่านเควสต์ต่าง ๆ ใน Diablo IV ซึ่งบางเควสต์ก็ดึงอารมณ์ให้ดิ่งได้เหมือนกัน เพราะทุกครั้งมักจะเป็นจังหวะที่สามารถช่วยเหลือได้ เป้าหมายอยู่แค่เอื้อมแล้ว แต่ปีศาจก็จะทำให้เราต้องสูญเสียมันไปนั่นเอง
6. ยังคงมีคนกลุ่มหนึ่งที่ต่อสู้กับปีศาจอยู่เสมอ
แม้ว่าโลกของ Diablo จะเป็นโลกแห่งความสิ้นหวังที่ถูกปกคลุมไปด้วยเหล่าปีศาจร้าย แต่ทุกภาคของ Diablo ก็มักจะมีมนุษย์อยู่กลุ่มหนึ่งลุกขึ้นต่อสู้ด้วยความหวัง บางกลุ่มเป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดา หรือกลุ่มคนเล็ก ๆ พวกเขาอาจจะไม่ได้มีเป้าหมายใหญ่โตอะไร เพียงแค่รวมตัวกันสู้เพื่อเอาชีวิตรอดเท่านั้น หรือบางกลุ่มอาจจะเป็นทหารของอาณาจักรใหญ่ ๆ ตั้งกองทัพเพื่อต่อสู้ทำสงครามกับปีศาจอย่างเต็มกำลัง ซึ่งใน Diablo IV ก็ยังมีคนแบบนั้นอยู่ให้ชื่นใจบ้าง มันเป็นเหมือนความหวังอันน้อยนิด ความหวังสุดท้ายของมวลมนุษย์อะไรอย่างนั้นเลยครับ
7. คนบางกลุ่มเลือกที่จะงมงายมากกว่าลุกขึ้นมาสู้เอง
อีกสิ่งหนึ่งที่ Diablo สะท้อนออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจนคือ เวลาที่โลกมีวิกฤตอันโหดร้าย มนุษยชาติกำลังตกอยู่ในอันตราย จะมีมนุษย์อยู่กลุ่มหนึ่งที่ลูกขึ้นสู้อย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด แต่ก็จะมีมนุษย์อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ทำอะไรเลย แล้วเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น ภาวนาต่อพระผู้เป็นเจ้า หรือหวังว่าเทวดาบนสวรรค์จะลงมาช่วย หรือบางกลุ่มอาจจะสิ้นศรัทธาต่อความดีงามแล้วหันไปบูชาปีศาจเพื่อหวังว่าปีศาจจะไว้ชีวิตแทน แล้วกลายเป็นว่าคนกลุ่มนั้นก็จะเป็นทาสที่ถูกใช้งานไปจนตายอยู่ดี Diablo เป็นเกมที่สะท้อนให้เห็นก้นบึ้งของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี และคนกลุ่มนี้ก็มักจะมีชะตากรรมที่ต้องตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เสมอ
และนี่ก็คือ “7 สิ่งที่ Diablo IV ยังคงเสน่ห์ของเนื้อเรื่องได้ดีเหมือนเดิม” เป็นยังไงกันบ้างครับ พออ่านดูแล้วรู้สึกว่า Diablo IV เริ่มน่าสนใจขึ้นมาหรือเปล่าเอ่ย ใกล้ได้เวลาที่เกมนี้จะวางจำหน่ายแล้วนะครับ ถ้าใครสนใจก็สามารถซื้อมาลองได้ นอกจากเนื้อเรื่องจะเป็นไปตามที่กล่าวมาแล้ว ตัวเกมเพลย์ก็ยังสนุกไม่แพ้กันอีกด้วย คุ้มเงินที่ต้องจ่ายไปแน่นอนครับ มาร่วมต่อสู้กับ Lilith ไปพร้อมกันเถอะ