สกู๊ปพิเศษ

เจาะ 7 เหตุผลที่ PS4 น่าซื้อกว่า Nintendo Switch!

'ใหม่กว่าใช่ว่าจะชนะเสมอไป'

สำหรับใครที่กำลังมองหาและต้องการที่จะซื้อคอนโซลเครื่องใหม่อยู่แล้วตอนนี้คำถามที่ต้องเกิดในหัวแน่ๆ คือจะซื้ออะไรดีระหว่าง PS4 และ Nintendo Switch โดยมันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยเพราะสองเครื่องนี้มีการแข่งขันกันมานับตั้งแต่ Nintendo Switch เปิดตัวออกมา เอาจริงๆ ทั้ง Sony และ Nintendo แข่งขันกันมาตั้งแต่สมัยหลายสิบปีก่อนเลยทีเดียว (N64 และ PS1) แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงเหตุผลที่้เครื่อง Gen ปัจจุบันอย่าง PS4 น่าซื้อกว่า Nintendo Switch เหตุผลเพราะอะไร มาตามอ่านกันเลยครับ

1. จำนวนเกมที่มากกว่า

เจาะ 7 เหตุผลที่ PS4 น่าซื้อกว่า Nintendo Switch!

ด้วยจำนวนเกมสำหรับเครื่อง PS4 ที่มีมากถึง 1,800 เกม! นับว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยสำหรับเครื่องคอนโซล ส่วนทาง Switch มีเกมทั้งสิ้น 1,200 เกม ซึ่งอาจจะมีข้อที่บอกว่าก็เครื่องพึ่งออกมาได้ไม่นานเกมประมาณนี้ก็ดีแล้ว แต่ต้องไม่ลืมว่าเครื่องคอนโซลเกมที่จะออกมาก็ไม่ได้เยอะอะไรขนาดนั้นหากนับเป็นปีๆ ทำให้ทาง PS4 ดูน่าสนใจกว่าถ้าเราจะนับกันในแง่จำนวน แม้ใครหลายคนจะบอกว่าจำนวนไม่สำคัญเท่ากับคุณภาพ ทว่าจำนวนมากกว่าก็หมายถึงตัวเลือก(ของคุณภาพ)ที่มากกว่าตามไปด้วยเช่นกันครับ

2. ใช้จอ 4K ได้มีประสิทธิภาพที่สุด

เจาะ 7 เหตุผลที่ PS4 น่าซื้อกว่า Nintendo Switch!

สำหรับใครที่มีจอแบบ 4K HDR แล้วละก็การเลือกซื้อและใช้งาน PS4 Pro ดูจะกินขาดในเรื่องนี้เลยเพราะตัวเครื่องรองรับและสามารถแสดงผลออกมาได้ให้เหมาะกับสิ่งที่คุณมีอยู่อย่างดีที่สุดในขณะที่ Nintendo Switch สามารถทำภาพได้ที่ 1080p เท่านั้นหรือก็คือ Full-HD นั้นเองครับ ไม่ได้รองรับ Support 4K จุดนี้ใครที่ต้องการภาพกราฟิกที่คมชัดอย่างที่สุดเท่าที่จะมีได้ในปัจจุบัน ในแง่คอนโซล PS4 Pro ถือเป็นตัวเลือกหนึ่ง (เช่นเดียวกับ XBOX ONE X) ครับผม

3. เกม Exclusive ที่มากกว่า

เจาะ 7 เหตุผลที่ PS4 น่าซื้อกว่า Nintendo Switch!

เหมือนผลพวงจากข้อแรกเนื่องจากจำนวนเกมที่มากกว่าทำให้เกม Exclusive ที่ออกมาจึงมีมากกว่าและเป็นที่รู้จักทุกหมู่เหล่าไม่ว่าจะเป็น God of War, Bloodborne, The Last of Us และ Horizon Zero Dawn แต่หากเราให้กล่าวถึงเกม Exclusive ที่อยู่บนเครื่อง Switch แบบไม่ต้องคิดนานคงจะออกมาได้เกมเดียวคือ Legend of Zelda: Breath of the Wild เท่านั้นเอง (และเกมที่ส่วนใหญ่จะเน้นลุงหนวด Mario เป็นหลัก) และทาง Sony ก็ประกาศออกมาเองแล้วว่าใครเล่นค่ายเขาจะได้เกมระดับ AAA ไม่ขาดสาย ซึ่งใช้นักพัฒนาจากทั่วทุกมุมโลกทั้งญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรปเลยทีเดียว อันที่จริงเรื่องเกม Exclusive เป็นเรื่องของความชอบทางรสนิยมนะครับ ผมไม่ได้บอกว่า Nintendo มีเกม Ex ไม่น่าสนใจ แต่ทว่าในแง่ปริมาณเราปฏิเสธไม่ได้ว่า Sony มีมากกว่าจริงๆ

4. ส่วนลดเกมมาแบบไม่ขาดสายและการ Support สำหรับผู้เล่นชาวไทยจาก Sony โดยตรง

เจาะ 7 เหตุผลที่ PS4 น่าซื้อกว่า Nintendo Switch!

แน่นอนว่าทั้งสองเครื่องมีการออกส่วนลดจัด SALE เกมกันออกมาอยู่ตลอดเวลา แต่ทาง Sony มีไม้เด็ดอย่าง PlayStation Plus ที่จะทำให้คนที่่สมัครเอาไว้ได้รับเกมไปเล่นฟรีๆในทุกเดือน (ย้ำว่าทุกเดือน แถมเกมที่มีให้ก็มากกว่า 1 เกมด้วยซ้ำ) อีกทั้งส่วนลดที่ได้จากการเป็นสมาชิกเรียกได้ว่าถูกเหมือนกับแจกฟรีกันเลยในหลายๆ เกม และอย่าลืมว่า Sony ทำการบุกตลาดไทยอย่างจริง มีการ Support ภาษาไทย และร้านค้าที่ถูกต้องตามกฏหมายในกรณีเครื่องมีปัญหาก็สามารถเข้าศูนย์ได้ ต่างจาก Nintendo ที่ไม่ได้การ Support ในส่วนนี้ยกเว้นร้านเกมจะประกันให้เอง (ก็หวังว่า CEO คนใหม่ของ Nintendo จะทำตามสัญญามาบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามที่ได้บอกไว้จริงๆ นะครับ Sony จะได้ไม่เหงา)

5. แอพเอนเตอร์เทนมาครบครัน

เจาะ 7 เหตุผลที่ PS4 น่าซื้อกว่า Nintendo Switch!

สำหรับใครที่ซื้อเครื่องคอนโซลมาเพื่อไม่ได้เล่นเกมอย่างเดียวแล้วแต่จะเอามาแทน Android Box หรืออื่นๆ ตัว PS4 ดูจะมีภาษีดีกว่ามากเพราะขนแอพดังๆ มามากมาย อาทิ Netflix, Hulu, HBO, Spotify, Twitch, YouTube ในทางกลับกัน Switch มีเพียงแค่ Hulu เท่านั้นเองทำให้ในข้อนี้ PS4 กินขาดไปเลยครับ

6. ฟังเพลงไปด้วยเล่นไปด้วยสนุกกว่า

เจาะ 7 เหตุผลที่ PS4 น่าซื้อกว่า Nintendo Switch!

สำหรับใครที่ใช้งาน PS4 และต้องการฟังเพลงในขณะที่เล่นเกมไปด้วยก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เข้าไปที่ Spotify และตั้งค่าเรียบร้อยก็สามารถใช้งานได้เลย อีกทั้งจอยก็มีรูสำหรับเสียบหูฟังทั้งแบบมีสายและไร้สาย ทำให้สามารถเล่นได้อย่างไม่รบกวนคนอื่น แต่ทาง Switch ไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้สมบูรณ์นัก (อาจต้องใช้ตัวช่วยหรือการ Hack เครื่องซึ่งไม่ใช่ผู้ใช้ทุกคนจะอยากทำแบบนั้นจริงมั้ยครับ?)

7. ถูกใจนักสะสมแผ่น

เจาะ 7 เหตุผลที่ PS4 น่าซื้อกว่า Nintendo Switch!

เนื่องจากว่าเครื่อง PS4 รองรับการใช้งานแบบแผ่นด้วยทำให้หากใครที่ต้องการซื้อดีวีดีหรือบลูเรย์มาเพื่อใช้งานแล้วละก็ย่อมสามารถทำได้อย่างไม่มีที่ติ จะเก็บเป็น Collection ให้เต็มห้องเลยก็ย่อมได้ ในขณะที่ทาง Switch หมดสิทธิ์อย่างไม่ต้องถามกันเลย น่าเศร้าแต่ก็เป็นเรื่องจริงนะครับผม

ที่มา
Thisisinsider

Artherlus

แค่คนทั่วไปที่หลงใหลในวงการไอที
Back to top button