หนึ่งเสน่ห์ของเกมทางฝั่ง PC ที่อาจจะหาไม่ได้จากแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็คงไม่พ้นกับการที่เราสามารถปรับแต่งองค์ประกอบหลายๆ อย่างในตัวเกมได้อย่างอิสระ ตั้งแต่การปลดล็อคเฟรมเรต, การเลือกเปิด/ปิดฟังก์ชันของตัวเกมได้ตามต้องการ ไปจนถึงการปรับภาพความละเอียดภายในตัวเกมที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความแรงของ PC ที่คุณเล่นอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นด้วย Option ที่อยู่มากมาย คอยให้เราได้นำมาเล่นและปรับใช้ ซึ่งมันก็มีข้อแลกเปลี่ยนที่ตามมา นั่นก็คือ “สเปค” หรือความต้องการของเกมที่สูงเอาเรื่องสำหรับบางเกม และในวันนี้ผมก็ได้ทำการรวบรวม 7 เกมเทพที่มาพร้อมกับสเปคสุดโหดที่จะมาทดสอบความแรงของ PC ของคุณ จะมีเกมอะไรบ้างนั้นไปเริ่มกันเลย
1. Deus Ex : Mankind Divided
มาเริ่มกันที่อันดับแรกอย่าง Deus Ex : Mankind Divided เกมภาคต่อของ Deus Ex : Human Revolution ที่การพัฒนาในภาคนี้เรียกได้ว่าอยู่ในขั้นที่ก้าวกระโดดเอามากๆ ตั้งแต่เกมเพลย์ที่เล่นสนุกมากขึ้นกว่าภาคเดิม, เนื้อเรื่องที่สานต่อจากเกมภาคแรก รวมไปถึงภาพกราฟิกที่เรียกได้ว่ายกระดับเกมขึ้นมาเป็น Next Gen อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถ้าใครได้ซื้อเกมนี้มาลองบน PC คงทราบกันดีว่าตัวเกมมีความต้องการของเครื่อง PC ที่สูงมาก สามารถวัดได้จาก Benchmark ของตัวเกม Deus Ex : Mankind Divided ที่จะรันภาพบน Setting ที่สูงที่สุด และการเปิดภาพแบบ 4K อีกด้วย บอกเลยว่าถ้าคุณอยากทดสอบความแรงของ PC ตัวเอง Deus Ex : Mankinf Divided ถือเป็นอีกหนึ่งบททดสอบที่หินใช้ได้เลยทีเดียว
2. Ark Survival Evolved
จะว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่กินเครื่องมากที่สุดในที่นี้เลยก็ว่าได้ สำหรับเกมเอาตัวรอดยอดนิยมอย่าง Ark Survival Evolved ที่ถึงแม้ในปัจจุบันจะหลุดพ้นจากการเป็น Early Access แล้วก็ตาม แต่ Ark Survival Evolved ก็ยังเป็นเกมที่กินทรัพยากรเครื่องมากที่สุดอีกหนึ่งเกม ถ้าใครเคยได้ลองสัมผัสกับเกมนี้คงทราบกันดีว่าใน Ark Survival Evolved นั้นมีภาพกราฟิกที่สวยงามตระการตา, แสงเงาที่สมจริง, Texture ที่คมมาก, ความสวยของน้ำในเกมนั้นเรียกได้ว่าแทบจะถอดแบบมาจากของจริง, ระยะการมองเห็นในเกมที่สามารถปรับให้เหมือนของจริงได้ ไปจนถึงความละเอียดของตัวละครเกมทั้งตัวมนุษย์ และไดโนเสาร์ที่ทำออกมาได้อย่างละเอียด ถ้าใครอยากลองสัมผัสความสวยงามอย่างเต็มรูปแบบแล้วล่ะก็ ขอบอกเลยว่าตัวเกมมันกินเครื่องใช่ย่อยเลย เนื่องจากปัญหาในการ Optimize ที่อาจจะยังมีอยู่ไม่ต่างจากช่วง Early Access เพราะฉะนั้นผมแนะนำให้เช็คสเปค PC ของคุณให้ดีด้วยนะครับ
3. Assassin’s Creed Odyssey
“แค่ซื้อเกมเข้ามาเดินชมวิวก็คุ้มแล้ว” ประโยคนี้น่าจะใช้ได้กับเกม Assassin’s Creed Odyssey อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะถ้าใครที่เป็นแฟนเกมตระกูล AC มาอย่างยาวนานคงจะทราบกันดีว่าเกมตระกูลนี้ นอกจากจะมีเกมเพลย์ที่ชวนติดพันแล้ว Assassin’s Creed ก็ยังมีภาพกราฟิกที่สวยงามตามมาตรฐานในทุกๆ ภาค แต่ในภาค Odyssey มันก็ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ตั้งแต่ภาพ Texture ที่มีความคมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด, แสงเงาภายในเกมที่ได้รับการอัพเกรต, จำนวนตัวละคร NPC ที่มีอยู่ในฉากจนหนาตา ไปจนถึงทัศนียภาพของยุคกรีกโบราณที่ทำออกมาได้สวยงามอลังการ เรียกได้ว่านำหน้าเกมในค่าย Ubisoft ไปหลายเกมเลยทีเดียว และหากใครที่อยากสัมผัสกับตัวเกมนี้อย่างเต็มรูปแบบ ก็เตรียม PC ของคุณให้พร้อม เพราะมันจะกินทรัพยากรของคุณจนถึงขีดสุดเลยล่ะครับ
4. Crysis 3
ถึงแม้จะออกวางจำหน่ายมาเป็นเวลานานนับ 12 ปีแล้วก็ตาม แต่หากใครที่อยากทดสอบความแรงของ PC ตัวเอง Crysis 3 ก็ยังเป็นอีกหนึ่งบททดสอบที่น่าสนใจไม่น้อย และหากคุณคิดว่าเกมภาคแรกนั้นมันทั้งภาพสวยและกินสเปคมากแล้วล่ะก็ ตัวเกมภาคนี้เรียกได้ว่ายกระดับความโหดของเกมขึ้นไปอีกขั้น เพราะใน Crysis 3 หากใครมีเครื่อง PC ที่แรงมากพอจนสามารถปรับเกมนี้บนภาพความละเอียดสูงสุดได้ก็อาจถึงขั้นอุทานว่า “นี่มันเกมที่ออกตอนปี 2007 จริงๆ หรือเนี่ย!” เพราะภาพที่แสดงในตัวเกม ทั้งแสงเงา, Particle Effect ต่างๆ , ระบบฟิสิกส์ที่มีความซับซ้อน ไปจนถึงความสมจริงของภาพกราฟิกในเกมที่เปิดโอกาสให้เราสามารถปรับได้จนถึง 4K เลยทีเดียวถ้าคอมคุณแรงพอ ซึ่งนี่มันก็สามารถพิสูจน์ได้ว่า มีม Can It Run Crysis? ยังสามารถใช้ได้กับ PC ในยุคปัจจุบัน
5. Far Cry 5
ถ้าพูดถึงความสวยงามของฉากและความหลากหลายทางสภาพแวดล้อมภายในเกม ผมขอหยิบยกอีกหนึ่งเกมลูกรักจากทาง Ubisoft อย่างเกมตระกูล Far Cry มาบ้างละกัน โดยภาคที่ผมหยิบยกขึ้นมาก็คือเกมภาค 5 นั่นเอง ซึ่งภาคนี้นอกจากจะเปลี่ยนเกมการเล่นใหม่ทั้งหมดแล้ว Far Cry 5 ยังยกระดับคุณภาพในด้านกราฟิกภายในตัวเกมไปอีกขั้น ทั้งความสวยงามของแผนที่ในเกมที่เปิดกว้างให้เราได้สำรวจอย่างอิสระ, ฟิสิกส์ของน้ำในเกม, ยอดเขาที่ทำออกมาได้เหมือนจริง, สิ่งปลูกสร้างที่เต็มไปด้วยรายละเอียด, ทุ่งหญ้า/ดอกไม้ที่พลิ้วไหมได้ตามธรรมชาติ รวมไปถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยบนตัวละครที่อาทิเช่น หนวดเคราที่ทำออกมาได้ละเอียดยิบ และที่สำคัญตัวเกมมันก็ดันเป็นเกม Open-World อีกต่างหาก ซึ่งผลที่ตามมาก็คือตัวเกมมันจะต้องทำการ Render รายละเอียดต่างๆ อยู่ตลอดเวลาจนทำให้หนักเครื่องเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
6. Forza Horizon 4
ถึงแม้ว่าภาคนี้อาจจะไม่มีความต่างในด้านงานภาพกราฟิกจาก Forza Motorsport 7 มากนัก แต่ Forza Horizon 4 ก็ได้ยกระดับความสวยงามของภาพกราฟิกขึ้นมาในระดับที่ดีใช้ได้เลย เพราะในภาค Horizon จะเปิดโอกาสให้เราสามารถนำรถออกมาแข่งนอกสนามได้อย่างอิสระ ไม่ได้เป็นเพียงการแข่งรถในสนามเท่านั้น ซึ่งจุดเด่นของตัวเกมในภาคนี้ก็คงไม่พ้นความสวยงามของสภาพแวดล้อมภายในเกม ตั้งแต่แม่น้ำลำธารที่มีความสวยงาม, ภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ, ทุ่งหญ้าที่พลิ้วไหวอย่างสมจริง ไปจนถึงเอฟเฟคต์สภาพอากาศภายในเกมที่ก็มีให้เห็นเช่นกัน และถ้าใครอยากจะปรับภาพเกมจนสุดแล้วล่ะก็ เรียกได้ว่า PC ของคุณก็ต้องดีเอาเรื่องเลยทีเดียวล่ะครับ
7. Shadow of The Tomb Raider
หากคุณต้องการมากกว่าเกมที่มีเพียงแค่ภาพกราฟิกที่สวยงามแล้วล่ะก็ ผมขอแนะนำ Shadow of The Tomb Raider เกมภาคสามจากซี่รี่ส์ Tomb Raider ฉบับรีบูท โดยความพิเศษของเกมนี้นั่นก็คือการผลาญทรัพยากร PC ของคุณอย่างไม่ปราณี ไล่ตั้งแต่ ภาพในเกมที่คมจนบาดตา, ความหนาของหมอกควันที่มีให้เราเห็นอยู่ตลอด, Particle Effect ที่ส่งผลถึงแสงเงาได้อย่างชัดเจน, เอฟเฟคต์ภาพสะท้อนในน้ำที่ได้ใส่เข้ามา รวมไปถึงลูกเล่นยิบย่อยอีกมากมาย ซึ่งด้วย Option มากมายเหล่านี้เอง เป็นเหตุให้เกมกินสเป็คเครื่องอย่างไม่ต้องสงสัย
ก็จบลงไปแล้วนะครับ สำหรับเกมที่ผมหยิบยกขึ้นมานี้ เป็นแค่เพียงตัวอย่างของเกมที่กินสเปคเครื่องโหดๆ เท่านั้น เพราะเอาเข้าจริงๆ ผมเชื่อว่ามันยังมีเกมอีกมาก ที่ต้องการความแรงของ PC ในระดับที่โหดมากจนชวนปวดหัว แต่อย่างไรก็ตามหาก PC ของคุณแรงพอ ผมก็เชื่อว่ามันก็คุ้มค่าพอที่จะลงทุนนะ เพราะประสบการณ์ที่คุณจะได้จากการเล่น มันจะต้องยอดเยี่ยมอย่างแน่นอนครับ