7 เกมเนื้อเรื่องดีที่ออกมาในปี 2025
เกมที่มีมากกว่าเกมเพลย์สนุก ด้วยเนื้อเรื่องกินใจและแฝงปรัชญา

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่าน ปี 2025 ถือเป็นอีกหนึ่งปีทองของวงการเกมที่ไม่ได้มีแค่เกมเพลย์สนุกหรือกราฟิกสวยงามเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยผลงานที่ให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่อง ตัวละคร และประเด็นเชิงปรัชญาที่ชวนให้ผู้เล่นตั้งคำถามกับชีวิต สังคม และตัวตนของตัวเอง บทความนี้จึงขอรวบรวม 7 เกมเนื้อเรื่องดีที่ออกมาในปี 2025 ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเกมสามารถเป็นสื่อเล่าเรื่องที่ทรงพลังและกินใจได้ไม่แพ้ภาพยนตร์หรือวรรณกรรมครับ
1. Clair Obscur: Expedition 33

Clair Obscur: Expedition 33 คือเกม RPG ที่โดดเด่นที่สุดด้านการเล่าเรื่องของปี 2025 ด้วยโครงเรื่องแฟนตาซีหม่นที่ตั้งคำถามกับโชคชะตาและความหมายของการมีชีวิต ผู้เล่นจะได้ติดตามการเดินทางของกลุ่มตัวละครที่ถูกกำหนดอายุขัยไว้ล่วงหน้า และต้องออกเดินทางเพื่อท้าทายชะตากรรมที่ไม่มีใครหลีกหนีได้ เนื้อเรื่องถูกถ่ายทอดผ่านบทสนทนา การตัดสินใจ การกระทำ และบรรยากาศของโลกที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ของงานศิลปะ ทำให้ทุกก้าวของการผจญภัยเต็มไปด้วยอารมณ์ ความหวัง และความสิ้นหวังที่ผสมกันอย่างงดงาม จนยากจะวางจอยลงเมื่อเริ่มอินกับเรื่องราวครับ
2. Mafia: The Old Country

Mafia: The Old Country พาผู้เล่นย้อนกลับไปสู่รากเหง้าของโลกอาชญากรรม ด้วยการเล่าเรื่องแบบดราม่าเข้มข้นสไตล์ภาพยนตร์มาเฟียคลาสสิก เกมถ่ายทอดชีวิตของชายหนุ่มธรรมดาที่ค่อย ๆ ถูกดึงเข้าสู่วงจรความรุนแรง อำนาจ และการทรยศ เนื้อเรื่องไม่ได้เน้นความเท่ของโลกมาเฟีย แต่เลือกเล่าด้านมืดของการเลือกเดินผิดทาง ความสัมพันธ์ในครอบครัว และราคาที่ต้องจ่ายเพื่อความสำเร็จ ทุกบทสนทนาและเหตุการณ์ถูกออกแบบให้ผู้เล่นค่อย ๆ ซึมซับความกดดันทางอารมณ์ จนรู้สึกผูกพันและตั้งคำถามกับศีลธรรมของตัวละครตลอดการเดินทางครับ
3. Silent Hill f

Silent Hill f คือการพาซีรีส์สยองขวัญเชิงจิตวิทยากลับไปสู่รากแท้ของการเล่าเรื่องอีกครั้ง ด้วยฉากหลังญี่ปุ่นยุคโชวะที่งดงามแต่แฝงความวิปริต ตัวเกมเล่าเรื่องของเด็กสาวธรรมดาที่ต้องเผชิญกับคำสาป ความสูญเสีย และบาดแผลทางจิตใจที่ค่อย ๆ ถูกเปิดเผยผ่านสัญลักษณ์และภาพหลอนแบบไม่อธิบายตรง ๆ เนื้อเรื่องไม่ได้เน้นการตกใจ แต่ใช้ความอึดอัด ความกลัวที่ค่อย ๆ กัดกินจิตใจผู้เล่นเป็นตัวขับอารมณ์ ทำให้ Silent Hill f กลายเป็นประสบการณ์เล่าเรื่องสยองขวัญที่ทั้งสวยงาม เจ็บปวด และชวนตีความอย่างลึกซึ้งครับ
4. Split Fiction

Split Fiction คือเกมที่ใช้พลังของการเล่าเรื่องแบบร่วมมือสองคนมาเป็นหัวใจหลัก โดยเนื้อเรื่องจะพาผู้เล่นเข้าสู่โลกของนิยายสองแนวที่แตกต่างกัน แต่ถูกบังคับให้เชื่อมโยงเข้าหากันผ่านตัวละครหลักทั้งสอง เกมเล่าเรื่องความสัมพันธ์ ความขัดแย้ง และการยอมรับซึ่งกันและกัน ผ่านเหตุการณ์และสถานการณ์ที่ต้องอาศัยความเข้าใจมากกว่าทักษะการเล่น เนื้อเรื่องค่อย ๆ เปิดเผยอารมณ์ ความรู้สึก และบาดแผลในใจของตัวละคร ทำให้ผู้เล่นไม่ได้แค่เล่นเกมร่วมกัน แต่กำลัง “ร่วมเดินทาง” ไปกับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความหมายและความผูกพันครับ
5. Hades 2

Hades 2 ยังคงพิสูจน์ว่าเกมแนว Roguelike ก็สามารถเล่าเนื้อเรื่องได้ลึกไม่แพ้เกมเนื้อเรื่องเต็มรูปแบบ โดยคราวนี้ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นเมลิโนอี เทพีแห่งเวทมนตร์ ผู้ต้องเผชิญหน้ากับโชคชะตาและวงจรแห่งความขัดแย้งของเหล่าทวยเทพ เนื้อเรื่องถูกเล่าผ่านบทสนทนาจำนวนมหาศาล ความสัมพันธ์ของตัวละคร และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปตามการเล่นแต่ละครั้ง ทำให้ผู้เล่นค่อย ๆ ซึมซับโลกเทพปกรณัมกรีกในมุมที่หม่น เศร้า และเป็นมนุษย์มากยิ่งขึ้น จนการตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ใช่แค่กลไกเกม แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเดินเรื่องอย่างแนบเนียนครับ
6. Blue Prince

Blue Prince เป็นเกมอินดี้ที่ใช้ “สถานที่” เป็นผู้เล่าเรื่องหลัก ผ่านคฤหาสน์ลึกลับที่เปลี่ยนผังใหม่ทุกครั้งที่ผู้เล่นเข้าไปสำรวจ เนื้อเรื่องไม่ได้ถูกเล่าตรง ๆ แต่ค่อย ๆ เปิดเผยผ่านห้องต่าง ๆ เอกสาร บทสนทนา และการสังเกตสภาพแวดล้อม ทำให้ผู้เล่นต้องต่อจิ๊กซอว์เรื่องราวด้วยตัวเอง เกมตั้งคำถามเกี่ยวกับอำนาจ มรดก และความจริงที่ถูกปิดบังไว้เบื้องหลังความหรูหรา ยิ่งเล่นยิ่งรู้สึกว่าคฤหาสน์หลังนี้มีอดีตบางอย่างที่ไม่อยากให้ใครค้นพบ และนั่นคือแรงผลักสำคัญที่ทำให้ผู้เล่นอยากเดินหน้าค้นหาความจริงจนถึงจุดจบครับ
7. Hollow Knight: Silksong

Hollow Knight: Silksong ไม่ได้เป็นเพียงภาคต่อที่ขยายโลกของ Hallownest แต่คือการเล่าเรื่องใหม่ผ่านสายตาของ Hornet ตัวละครที่เต็มไปด้วยปม ความโดดเดี่ยว และภาระหน้าที่ เนื้อเรื่องถูกถ่ายทอดแบบเงียบงัน ผ่านสภาพแวดล้อม ศัตรู และรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ผู้เล่นต้องสังเกตและตีความด้วยตัวเอง โลกใน Silksong เต็มไปด้วยความลึกลับ ความเสื่อมสลาย และคำถามที่ไม่มีคำตอบชัดเจน ทำให้การเดินทางแต่ละครั้งไม่ใช่แค่การผจญภัย แต่คือการค้นหาความหมายของตัวตนและอิสรภาพในโลกที่ไม่ปรานีใครครับ

เกมทั้ง 7 เรื่องที่กล่าวมานี้สะท้อนให้เห็นว่าปี 2025 คือปีที่เกมไม่ได้เป็นเพียงสื่อเพื่อความบันเทิง แต่กลายเป็นพื้นที่สำหรับการเล่าเรื่อง ความรู้สึก และการตั้งคำถามกับชีวิตอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นโศกนาฏกรรม ปรัชญา ความหวัง หรือความสิ้นหวัง ทุกเกมล้วนมีเรื่องราวที่พร้อมพาผู้เล่นดำดิ่งไปไกลกว่าแค่การกดปุ่ม หากคุณกำลังมองหาเกมที่เล่นแล้วเหลือความรู้สึกติดค้างในใจ เกมเหล่านี้คือคำตอบที่ไม่ควรพลาดครับ







