สกู๊ปพิเศษ

7 เกมดังที่มีเนื้อเรื่องโค่นล้มอำนาจมืด

ไม่ว่าจะเป็นจอมเผด็จการแห่ง Kyrat, เจ้าเมืองนครลอยฟ้า Colombia และทัพนาซี

รูปแบบของตัวร้ายในเกมยุคปัจจุบันอีกหนึ่งประเภทที่เราเห็นได้ประจำก็คือตัวร้ายจอมเผด็จการ บอสใหญ่ในเกมหลายๆ ซีรีส์ที่มีการถูกปูบทว่าเป็นคนชั่วร้ายที่คอยใช้อำนาจในทางมิชอบอยู่หลายครั้งจนกลายเป็นชนวนให้ตัวเอกของเราต้องลุกฮือขึ้นสู้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งธีมเรื่องตัวเอกรวมตี้ขึ้นตบกับบอสใหญ่ที่มีกองทัพนับร้อยในมือ ก็เป็นสูตรสำเร็จที่เกมหลายค่ายมักนำกลับมาใช้อยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากความง่ายในการวางบทและสามารถผนวกมันเข้ากับเกมการเล่นได้อย่างดีซึ่ง ณ เวลานี้เกมที่เล่นกับเรื่องอำนาจสว่างปะทะอำนาจด้านมืดก็มีออกมาให้เราเล่นกันอยู่ไม่น้อยและมันก็คือหัวข้อในวันนี้ครับกับ 7 เกมดังเนื้อเรื่องโค่นล้มอำนาจมืด จะมีอะไรบ้างนั้นมาเริ่มกันเลย

*บทความต่อไปนี้อาจมีการเปิดเผยเนื้อหาเกมบางส่วน

1. Far Cry 4 และ Far Cry 5

image 4923


มาเริ่มกันที่เกมแรกในวันนี้กับซีรีส์เกมยิงลูกรักจากค่าย Ubisoft อย่าง Far Cry ที่ในตอนนี้ก็ได้มีการเข็นทั้งเกมภาคหลักและภาคเสริมออกมาให้เล่นกันอย่างล้นมือ แต่ภาคที่ผมจะพูดถึงในวันนี้ก็คือ Far Cry 4 และ 5 ที่มีตัวร้ายเป็นผู้ใช้อำนาจมืดชัดเจนทั้งคู่ อาทิเช่นคนแรกจากภาค 4 อย่าง Pagan Min เจ้าพ่อใหญ่จอมเผด็จการที่กำทั้งดินแดน Kyrat ไว้ในกำมือด้วยอำนาจและกำลังทหารของเขา หรือจะเป็นคนต่อไปอย่าง Joseph Seed บาทหลวงประจำลัทธิประหลาดที่ใช้ความกลัวและความเชื่อเข้าครอบงำผู้คนให้คล้อยตามความเชื่อของตน ซึ่งความเหมือนกันของตัวร้ายทั้งสองนี้นอกจากเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น (กว่าตัวเอก) พวกเขาก็ของมีกองกำลังที่พร้อมกระจายความกลัวแก่เหล่าตัวละครอื่นๆ ในเกมด้วย

2. ซีรีส์ Watch Dogs

image 4922


เกมที่สองก็ยังคงหยุดอยู่กับค่าย Ubisoft เจ้าเดิมของเรากับซีรีส์ Watch Dogs ที่ในปัจจุบันก็มีออกมาให้เราเล่นรวม 2 ภาค (และภาค 3 ก็จะมาในเร็วๆ นี้) ที่ถึงแม้ธีมเรื่องจะต่างกันอย่างเกมภาคแรกจะดูมีความเป็นสายลับทรชนดูจริงจังตรงกันข้ามกับภาค 2 ที่จะอารมณ์หนังวัยรุ่นวัยเกรียนมีสีสันมากกว่าภาคแรก แต่สิ่งหนึ่งที่เกมซีรีส์นี้มีเหมือนกันก็คือศัตรูใหญ่ของเกมอย่าง Blume ผู้คิดค้นระบบเครือข่ายอัจฉริยะ Ctos ที่เชื่อมต่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกสิ่งอย่างเข้าด้วยกัน แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของมันก็คือการตามติดชีวิตประจำของเหล่าผู้คนอย่างลับๆ ซึ่ง Blume จะเป็นองค์กรตัวร้ายที่มีให้เราเห็นในเกมทั้งสองภาคแรก แถมเนื้อเรื่องในเกมภาคใหม่อย่าง Legion ก็มีตัวร้ายสไตล์เผด็จการออกมาชัดเจนแบบสุดๆ เรียกได้ว่าอาจทำให้ใครหลายคนอินได้ง่ายๆ เลย

3. ซีรีส์ Homefront

image 4924


เนื้อเรื่องใน Homefront จะกล่าวถึงอนาคตที่หากวันหนึ่งประเทศดินแดนเผด็จการอย่างเกาหลีเหนือมีอำนาจและวิทยาการที่ก้าวหน้าจนเป็นมหาอำนาจในโลกได้สำเร็จ โดยภายใน Homefront เราจะได้รับบทเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มต่อต้านที่ต้องรวบรวมกองกำลังของเราขึ้นสู้กับกองกำลังของเกาหลีเหนือ ซึ่งมันก็เป็นธีมหลักของเนื้อเรื่องทั้งในเกม Homefront ภาคแรกและภาค The Revolution แต่ถึงแม้ว่าปมของเนื้อเรื่องจะน่าสนใจแต่ตัวเกมก็เรียกได้ว่ามีความบกพร่องอยู่พอสมควร เป็นผลให้มันไม่เป็นที่จดจำในด้านดีๆ มากนัก

4. Wolfenstein : The New Order – Wolfenstein: Youngblood

image 4926


หาก Doom เป็นเกมควงปืนไล่ยิงเหล่าปีศาจจากนรก Wolfenstein ก็เป็นเกมเดินหน้ายิงสไตล์เดียวกัน แต่ปรับเปลี่ยนจากปีศาจมาเป็นพวกกองทัพนาซีที่จะเป็นศัตรูหลักให้เราได้ไล่บดขยี้แทน โดยภาคที่ผมจะหยิบยกขึ้นมาก็คือไตรภาคยุคใหม่อย่าง Wolfenstein : The New Order ที่เราจะได้รับบทเป็น William “B.J.” Blazkowicz หนึ่งในเจ้าหน้าที่ฝั่งสัมพันธมิตรที่เหลือรอดออกมาจากเงื้อมมือของเหล่ากองทัพนาซีและได้เข้าผนวกกับกองกำลังต่อต้านทัพนาซี (เรื่องคล้ายๆ กับเกมก่อนหน้า) และปมเรื่องดังกล่าวก็เป็นตัวขับเคลื่อนหลักใน Wolfenstein ยุคใหม่จวบจนภาคล่าสุดอย่าง Wolfenstein: Youngblood ที่เหล่าทัพนาซีก็ยังคงเป็นตัวร้ายหลักที่เรายังต่อกรต่อไป


5. Bioshock infinite

image 4921


จากนครใต้มหาสมุทรสุดลึกลับจากเกม Bioshock ภาคแรกสู่นครลอยฟ้าสุดอันตรายใน Bioshock infinite เรียกได้ว่าเกมซีรีส์นี้พอขึ้นภาคใหม่ทีไรมันก็พร้อมมีอะไรให้เราได้ตกตะลึงอยู่เรื่อยๆ และนอกจากทัศนียภาพที่เปลี่ยนไป ตัวเกมก็ยังมีการเปลี่ยนตัวร้ายใหม่ที่ดีกรีความโหดไม่แพ้กับ Atlas อย่างบาทหลวง Comstock ตัวการใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังการก่อตั้งนครลอยฟ้า Colombia และบาทหลวงคนนี้ยังเป็นผู้นำลัทธิประหลาดสุดบิดเบี้ยวประจำนครแห่งนี้อีกด้วย แต่ที่พีคที่สุดก็คงไม่พ้นภูมิหลังที่มาของ Comstock ที่หักมุมจนคนเล่นอาจมีเหวอได้เลย

6. ซีรีส์ Just Cause

image 4920


พูดถึงเกมถล่มตัวร้ายจอมเผด็จการทั้งทีมันก็ต้องมีเกมซีรีส์นี้ติดโผเข้ามาอย่างไม่ต้องสงสัยกับ Just Cause เกมเดินหน้าระเบิดภูเขาเผากระท่อมสุดสะใจ โดยจุดเด่นของเกมก็อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นเลยครับ นั่นก็คือทุกสิ่งอย่างที่เราเห็นอยู่ในฉากเราสามารถทำลายมันได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นตึกรางบ้านช่อง, สิ่งปลูกสร้างตามถนน จวบจนแท่นขุดเจาะน้ำมันขนาดใหญ่กลางทะเลก็ไม่สามารถทนทานต่อแรงระเบิดที่เราพร้อมประเคนใส่มันได้ เรียกได้ว่าใครกำลังหาเกมที่เล่นเอามันระบายอารมณ์พร้อมกับการไล่ตบเกรียนวายร้ายจอมเผด็จการ Just Cause ก็เป็นทางเลือกที่ดีใช้ได้เลยในเวลานี้ 

7. ซีรีส์ Assassin’ s Creed

image 4919

ท้ายที่สุดแล้วเราก็ต้องวนกลับมาที่เกมของค่ายนี้อีกจนได้หรืออาจจะพูดได้ว่าการสร้างเส้นเรื่องคนดีปะทะผู้มีอำนาจนั้นเป็นเหมือนสูตรสำเร็จที่ Ubisoft มักนำมาใช้ในเกมของตัวเองอยู่หลายครั้งเพียงแค่เปลี่ยนรายละเอียดให้แตกต่างกันเท่านั้น โดยใน Assassin’s Creed ตัวเกมจะกล่าวถึงการต่อสู้ระหว่างคนสองกลุ่มที่มีตั้งแต่ยุคอดีตกาลจนถึงปัจจุบันอย่างภาคีมือสังหารและเหล่าอัศวิน Templar ที่เรียกได้ว่าตีกันข้ามยุคข้ามสมัยไม่มีทีท่าว่าจะสงบ ซึ่งตัวร้ายที่เราต้องปะทะอย่าง Templar ก็ได้อารมณ์เหมือนกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่คอยใช้อำนาจในการไล่ล่าเหล่ามือสังหารอย่างลับๆ แต่มันก็น่าเสียดายอยู่นิดๆ ที่ความเข้มข้นของเนื้อเรื่องในยุคปัจจุบันของ Assasin’ s Creed นั้นลดทอนลงไปหลังจากยุคของ Desmond และ Ezio


และนี่ก็คือ 7 เกมดังที่มีเนื้อเรื่องโค่นล้มอำนาจมืด เป็นยังไงกันบ้างครับผมหวังว่าเพื่อนๆ ที่ได้เข้ามารับชมจะได้รับความบันเทิงกลับไปไม่มากก็น้อยและสุดท้ายก่อนจะจากกัน ผมเชื่อว่า 7 เกมที่ผมยกขึ้นมานั้นยังเป็นแค่ส่วนแค่ส่วนน้อยและมีเกมพล็อตเรื่องแนวๆ นี้อยู่อีกมากมายหลายซีรีส์ เพราะฉะนั้นแล้วหากเพื่อนๆ คนไหนมีเกมที่อยากนำเสนอก็มาแบ่งปันกันได้เลยครับ

Back to top button