เพื่อนๆ เคยเป็นกันไหมครับ ในขณะที่กำลังเล่นเกมที่เราชื่นชอบแล้ว “อิน” กับมัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะเนื้อเรื่องที่กินใจ, ระบบภายในเกมที่ทำออกมาได้อย่างสมจริงเกินบรรยายหรือว่าจะเป็นโลกของเกมนั้นๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างมีชีวิตเชิญชวนให้เราจมอยู่กับมันนับหลายชั่วโมง ผมเชื่อเลยว่าจะต้องมีใครหลายคนที่เคยเจอกับประสบการณ์แบบนี้อยู่พอสมควร เนื่องด้วยความเฉพาะตัวของสื่อประเภทวิดีโอเกม ที่สามารถให้ผู้เล่นได้สัมผัสกับสิ่งที่เกิดตรงหน้าได้ต่างจากภาพยนตร์ที่เราได้แค่รับชมเฉยๆ และถ้าหากคุณกำลังหาสิ่งที่จะช่วยทำให้การเล่นเกมของคุณมีรสชาติและสนุกมากขึ้นคุณก็มาถูกที่แล้วครับในวันนี้
1. ลองสวมบทบาทเป็น “ตัวละคร” ของเราดู
สำหรับคอเกม RPG หลายๆ คนก็อาจจะเคยมีประสบการณ์ในการสวมบทบาทหรือที่ชาวต่างชาติมักเรียกกันว่า Roleplay อยู่บ้าง โดยการสวมบทบาทที่ผมกล่าวถึงนั้นก็คือการที่เราสมมุติตัวเองว่าเป็นตัวละครตัวนั้นจริงๆ มีกิจวัตรประจำวันไม่ว่าจะเป็นการกินข้าวหรือนอนพักตามเวลาจริง หรือจะเป็นการใส่ความเป็นตัวเองของเราไปในเกมทั้งหน้าตา, อุปนิสัยและการตัดสินใจตามแบบฉบับของเราลงไป และหากเพื่อนๆ ที่ยังคิดภาพไม่ออกผมก็ขอยกตัวอย่างจากเกม Skyrim ที่ภายในเกมเราจะมีอิสระในการทำเควสแบบไหนก็ได้ตามการตัดสินใจของเรา, การแต่งที่มาของตัวละครได้อย่างอิสระและที่สำคัญตัวเกมนั้นไร้ซึ่งข้อจำกัดในการสำรวจของผู้เล่น ทำให้ประสบการณ์ในการเล่นของแต่ละคนจะไม่ซ้ำกันอย่างแน่นอน
2. ลองเล่นเกมให้ช้าลงดูบ้าง
หากคุณคุ้นเคยกับเกมแนว Open World ที่มีแผนที่โลกกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยกิจกรรมต่างๆ ที่รอให้เราเหล่าผู้เล่นได้ทำอย่างล้นมือ มันก็จะต้องมีบางครั้งที่เจ้าภารกิจทั้งหลายนี้กระจายอยู่ไกลจากกันมากเหลือเกินและอาจจะใช้เวลาในการเดินทางไปมานานเกินความจำเป็นไปสักหน่อย เป็นผลให้หลายๆ เกมมีการใส่ระบบ Fast Travel ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินแบบมากโขและถึงมันจะเป็นระบบที่สะดวกสบาย แต่พอเอาเข้าจริงมันก็อาจจะทำให้เราพลาดอะไรดีๆ หลายๆ อย่างที่ทีมผู้พัฒนาตั้งใจรังสรรค์ปั้นมันขึ้นมาทั้งเหตุการณ์สุ่มที่ทำให้เกมมีชีวิตชีวา, วิวทิวทัศน์ที่สวยงามหรือแม้กระทั่งความลับบางอย่างที่ไม่มี Mark ไว้ในแผนที่ที่เราอาจจะเผลอพลาดไป เพราะฉะนั้นหากคุณยังพอมีเวลาก็ลองเล่นเกมๆ นั้นให้ช้าลงดีไหมครับ
3. ลองเล่นแบบไม่มีบทสรุปหรือ Walkthrough
ผมเชื่อว่าเกมเมอร์หลายคนในช่วงเวลาหนึ่งต้องเคยผ่านการใช้บทสรุปในการช่วยเล่นเกมแน่ๆ และมันก็ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันแค่เปลี่ยนรูปแบบจากหนังสือเป็นเล่มๆ มาเป็นบทความย่อ, วิดีโอ Walkthroung ที่เราสามารถพบเจอได้ใน Youtube หรือจะเป็นการรับชมเหล่า Caster/Streamer ที่เล่นเกมๆ นั้นอยู่มันก็นับเป็นเฉลยการผ่านแบบกลายๆ ซึ่งจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดนะครับเพราะในบางเกมการผ่านฉากหรือวิธีการที่จะเล่นให้จบ มันก็มีความยากง่ายแตกต่างกันไปและก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ในบางครั้งเราก็อยากจะมีตัวช่วยสักหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นหากคุณไม่ได้เร่งรีบในการเล่นขนาดนั้นผมก็ขอแนะนำวิธีการเล่นแบบ Blind Playtrough หรือการเล่นแบบไม่ต้องศึกษาอะไรเกี่ยวกับเกมนั้นๆ เลยและปล่อยให้ชั่วโมงการเล่นของเราเป็นตัวบ่มเพาะฝีมือของเราเอง ซึ่งผมก็ขอบอกเลยว่าประสบการณ์ที่คุณจะได้รับนั้นมันจะพิเศษและแตกต่างกับวิธีการเล่นแบบธรรมดาแน่นอน
4. เก็บ Lore ให้ครบและสนุกไปกับมัน
ในหลายๆ เกมนอกจากมันจะมอบความสนุกผ่านเกมการเล่นแล้ว ทางผู้สร้างก็อาจมีการใส่เนื้อหาหรือรายละเอียดภูมิหลังของเกม เพื่อเพิ่มความเข้มข้นของเนื้อเรื่องรอให้ผู้เล่นอย่างเราดึ่มด่ำและครุ่นคิดไปกับมัน อย่างในเกมตระกูล Soulsbourne ไม่ว่าจะเป็น Dark Souls ที่มีเนื้อเรื่องแยกย่อยและปมต่างๆ ที่เกมไม่ได้เล่าออกมาตรงๆ หรือจะเป็นเกมจากผู้สร้างคนเดียวกันอย่าง Bloodbourne ที่เพิ่มดีกรีความซับซ้อนของการเล่าเรื่องและปริศนาที่เพิ่มความลึกล้ำขึ้นไปอีก แต่ถึงอย่างนั้นการที่เกมมันไม่เล่าอะไรให้ผู้เล่นตรงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป เพราะนอกจากมันจะทำให้เกมมีเอกลักษณ์น่าจดจำแล้วมันยังทำให้เนื้อเรื่องมีความน่าค้นหามากขึ้น เป็นผลให้เกมเมอร์อย่างเราต้องคลุกคลีกับเกมๆ นั้นต่อไปแบบยาวๆ
5. เสพทุกสื่อที่เกี่ยวกับเกมซี่รี่ย์นั้นๆ (ถ้ามันทำออกมาดี)
นับว่าเป็นเรื่องธรรมดาในยุคปัจจุบันที่หากมีเกมๆ ไหนขายดีก็มักจะถูกนำไปดัดแปลงหรือถูกนำไปทำการ Adaptation เป็นสื่อประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากการเป็นเกม ซึ่งหากใครที่เป็นสมาชิก Netflix ก็คงเห็นตัวอย่างดีๆ อยู่หลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น The Witcher เวอร์ชั่นซี่รี่ย์ที่ทำให้ใครหลายคนติดงอมแงมแม้ไม่ได้เป็นแฟนเกม (แถมนิยายก็ดีมากๆ) , Ni no Kuni อนิเมะตอนยาวภาพสวยตระการตาชวนเคลิ้ม, Dragon Quest: Your Story หนังอนิเมชั่นงานดีที่นำเรื่องราวเก่ามาเล่าใหม่ในอีกมุมมอง หรือจะเป็น Dragon’ s Dogma ที่กำลังจะถูกทำเป็นอนิเมะซี่รี่ส์เร็วๆ นี้เป็นต้น เรียกได้ว่าหากคุณยังอินกับเกมไม่พอการได้ลองเสพสื่ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเกมโปรดของเรา มันจะเป็นตัวช่วยในการเพิ่มความสนุกในการเล่นของเราให้เพิ่มพูนขึ้นไปอีก
6. แชร์เรื่องราวกับผองเพื่อนชาวเกมเมอร์
การเล่นเกมและสนุกกับมันอยู่คนเดียวสำหรับบางคนก็อาจเป็นเรื่องปกติที่คุณคุ้นชิน แต่ผมก็เชื่อว่ามีเกมเมอร์อยู่ไม่น้อยที่เมื่อได้เจอกับเหตุการณ์แปลกๆ หรืออะไรฮาๆ ก็อยากแบ่งปันเรื่องราวให้กับเพื่อนชาวเกมเมอร์ได้รับรู้ในทันที ไม่ว่าจะมาในรูปแบบของโพสต์พร้อมแคปชั่นฮาๆ , ภาพ Meme กาวๆ หรือจะเป็นวิดีโอที่ชวนให้ขำกลิ้งกันไปข้าง ซึ่งสิ่งที่ผมกล่าวมาข้างต้นนั้นก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญ ที่ทำให้การเล่นเกมของเราสนุกมากขึ้นมาก เพราะถึงแม้เกมๆ นั้นจะเป็นเกม Single Player แต่การที่เราได้นำเรื่องราวต่างๆ มาแบ่งปันกันในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบเหมือนกัน มันก็เหมือนเป็นการได้นั่งหัวเราะเรื่องราวฮาๆ กับกลุ่มเพื่อนของเราไม่มีผิดเพี้ยน
วิธีการเล่นเกมของแต่ละคนนั้นย่อมมีหลากหลายและความสนุกของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นหัวข้อที่ผมยกขึ้นมาในวันนี้ก็เป็นเพียงแค่องค์ประกอบบางส่วนที่อาจจะช่วยให้เพื่อนๆ ชาวเกมเมอร์ได้รับความสนุกจากการเล่นเกมต่างๆ ไม่มากก็น้อย และก่อนจะจากกันในวันนี้ถ้าเพื่อนๆ มีวิธีอื่นๆ ที่ทำให้การเล่นเกมมันไม่ซ้ำซากจำเจ ผมก็ขอแรงเพื่อนๆ มาช่วยกันแบ่งปันเรื่องราวกันหน่อยนะครับและสำหรับวันนี้ก็ขอลากันไปก่อนไว้เจอกันในบทความหน้านะครับ
