10 ทริคที่คุณอาจไม่รู้ในการเล่น Honkai: Star Rail

สวัสดีเพื่อน ๆ ชาว Honkai: Star Rail ทุกท่านครับ เชื่อว่าเพื่อน ๆ ที่กำลังเล่นเกมนี้อยู่ก็คงจะจัดเต็มและเลเวลเกิน 30 กันไปหลายคนแล้วใช่ไหมครับ บางคนก็อาจจะสูงกว่านั้นอีก (รีบอะไรปานนั้น 555) ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ปั่นเกมนี้หนักมาก และก็รู้สึกว่าเกมนี้มีอะไรลึกซึ้งกว่าที่คิด หรืออาจทำให้เพื่อน ๆ ที่ไม่ถนัด Turnbased มีปัญหาในการเล่น ก็เลยทำบทความทริคออกมาช่วยเพื่อน ๆ ครับ เผื่อว่าเพื่อน ๆ ท่านไหนยังไม่รู้ก็จะได้หยิบจับเอาไปใช้งานกันได้

1. เดินคุยกับ NPC อาจได้เควสต์หรือของรางวัลเพิ่ม

ผู้เล่นหลายคนที่เป็นสาย Speed Run อาจจะไม่ได้ใส่ใจการสำรวจสิ่งรอบข้างมากนัก เน้นไปที่การต่อสู้ เมนเควสต์ ตรงไปสู้บอสอย่างเดียว และพัฒนาตัวละครให้เก่งขึ้น หรือเสพเนื้อเรื่องอะไรก็ว่ากันไป แต่การสำรวจหลาย ๆ อย่างทำให้เราได้รับรางวัลเป็นไอเทมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการคุยกับกระเป๋า ถังขยะ ตู้ไปรษณีย์ หรือแม้แต่ NPC ที่ทั้งตัวประกอบหรือตัวหลักก็ตาม อาจทำให้เราได้รับเควสต์ย่อยมาทำเพื่ออัปเลเวลหรือบางครั้งอาจจะได้เพชรมาฟรี ๆ เลยก็ได้ครับ

2. เปิดดูแผนที่อาจเห็นสัญลักษณ์เควสต์ย่อยให้รับ

ปัญหาเควสต์หมดเกมแต่เลเวลยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะดำเนินเมนเควสต์ต่อไปนั้นเป็นเรื่องปกติที่จะเจอได้บ่อย ๆ เหมือนเกมถูกออกแบบมาให้เราออกสำรวจตามข้อ 1 ที่เขียนไปก่อนหน้า แต่อีกหนึ่งวิธีที่สามารถเช็คเควสต์ย่อยได้ง่าย ๆ โดยที่เราไม่ต้องตระเวณคุยกับ NPC ทั่วเมือง ก็คือการเปิดแผนที่ขึ้นมาแล้วคลิกดูทุกแมพ ถ้าแมพไหนมีเควสต์รอให้คุณไปรับจะปรากฎเป็นสัญลักษณ์เครื่องหมายตกใจสีต่าง ๆ เช่น ฟ้า ม่วง เขียว เป็นต้น ซึ่งจะทำให้คุณประหยัดเวลาหาได้มากครับ หรือบางเควสต์ก็สามารถรับได้จากการคุยแชทโทรศัพท์เช่นกัน

3. ก่อนสู้กับศัตรู ให้ใช้ตัวชนะธาตุฟาดเปิดเกมก่อน

เกมนี้จะแบ่งการเล่นออกเป็น 2 Phase ใหญ่ ๆ โดย Phase แรกคือการเดินทั่วไปใน Open World และอีก Phase คือการตัดฉากเข้าสู่การต่อสู้ ซึ่งตรง Phase แรกที่เราเดินใน Open World นี่แหละที่เราจะเจอศัตรูก่อนเข้าสู้ได้ตลอด และสิ่งที่ทำให้เราได้เปรียบอย่างมากเลยก็คือการเปลี่ยนตัวละครเป็นธาตุที่ชนะทางศัตรูแล้วชิงโจมตีไปก่อนเลย จะทำให้ศัตรูทั้งหมดที่แพ้ธาตุเสียเกราะไปเยอะมาก และก็ต้องระวังการที่ศัตรูจะโจมตีโดนเราก่อนด้วย เพราะว่าถ้าศัตรูติดซุ่มโจมตีขึ้นมาเราจะถูกศัตรูทั้งหมดโจมตีฟรี 1 เทิร์นไปเลย ถ้าเลเวลไม่ห่างกันมากถือว่าเจ็บหนักเอาการครับ

4. ตัวละครบางตัวสามารถ Buff นอกการต่อสู้ได้

พูดต่อจากข้อที่ 3 คือใน Phase นอกการต่อสู้นั้น นอกจากเราจะสามารถใช้ตัวละครโจมตีธาตุชนะทางศัตรูได้แล้ว ตัวละครในทีมของเรา 4 ตัวนั้น บางตัวยังมีสกิล Buff ที่เป็นประโยชน์กับพรรคพวกได้ เช่น Dan Heng สามารถบัพพลังโจมตีได้, Gepard สามารถบัฟโล่ให้เพื่อนทั้งทีมได้ หรือแม้แต่ตัวละครหลักของเรายังสามารถใช้สกิลฮีลเพื่อนในทีมได้เช่นกัน อยู่ที่ว่าเรามีตัวละครตัวไหนบ้าง และจะใช้มันยังไงให้เหมาะสมครับ เวลาก่อนเจอบอสก็บัฟให้เต็มที่แล้วค่อยสู้ จะทำให้ชนะง่ายขึ้น

5. สกิลท่าไม้ตาย กดใช้ในเทิร์นศัตรูได้

ในการต่อสู้นั้น ตัวละครหนึ่งตัวจะสามารถใช้สกิลแบบ Active ได้ 3 อย่าง คือ โจมตีธรรมดา, ใช้สกิลต่อสู้ และใช้ท่าไม้ตาย ซึ่งท่าไม้ตายนั้นจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเก็บเกจจนเต็ม เกจเพิ่มขึ้นจากการที่เราโจมตีหรือถูกโจมตีก็ได้ ข้อดีของท่าไม้ตายคือนอกจากจะเป็นสกิลใหญ่พลิกเกมได้แล้ว ยังสามารถใช้งานในเทิร์นศัตรูได้อีกด้วย เพราะงั้นเราสามารถดักเทิร์นศัตรูได้ง่าย ๆ เช่น ศัตรูกำลังจะปล่อยท่าไม้ตายก็ให้เพื่อนสร้างโล่ให้ทัน หรือก่อนศัตรูจะโจมตีเรา เราก็ชิงโจมตีให้มันตายก่อนก็สิ้นเรื่อง ถือว่าอยู่ที่จังหวะในการกดของเพื่อน ๆ เลยครับว่าจะใช้ตอนไหนถึงจะดี

6. ตัวละครมีสกิลเก่งแค่ไหนก็ไม่สู้ตัวชนะธาตุ

เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงจะไปดู Tier List กันมาพอสมควรและรู้ว่าตัวไหนเก่งไม่เก่งยังไงบ้าง และแน่นอนว่าหลาย ๆ ตัวก็มีคอมโบที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เล่นคู่กันสะดวก ตัวเก่งกับตัวเก่งอยู่ด้วยกันแล้วก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก แต่ถ้าเกิดว่าตัวเก่งของเพื่อน ๆ นั้นไม่ได้ชนะธาตุศัตรูก็ถือว่ายังแบกทีมไม่ได้ครับ เพราะเกมนี้มีระบบเกราะที่จะตีเกราะเข้าก็ต่อเมื่อชนะธาตุเท่านั้น และถ้าเกราะแตกด้วย ชนะธาตุด้วย จะทำให้การโจมตีของเราแรงขึ้นถึง 139% แถมการเบรกเกราะศัตรูยังทำให้ศัตรูชะงักได้อีกด้วย การเล่นตัวเก่งอย่างเดียวแต่ไม่ชนะธาตุเลยจะมีโอกาสแพ้สูงกว่าเล่นตัว 4 ดาวทั่วไปแต่ชนะธาตุครับ

7. ควรปั้น DPS อย่างน้อยธาตุละ 1 ตัวไว้ใช้งาน

จากเหตุผลที่บอกไปในข้อที่ 6 การมีตัวชนะธาตุถือว่าเป็นตัวแปรหลักที่จะทำให้เราชนะศัตรูได้หรือไม่ แต่จะให้ชนะธาตุด้วย Tank หรือ Sup ก็คงจะไม่แรงพอที่จะทำลายเกราะศัตรูได้ เพราะตัวละครที่ทำหน้าที่ทำลายเกราะควรจะมีสกิลต่อสู้สายโจมตีเพื่อลดเกราะด้วย ดังนั้นการปั้น DPS อย่างน้อยธาตุละ 1 ตัว จึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ ควรมีตัวให้เลือกใช้เวลาที่เจอด่านใหม่ ๆ และปรับใช้ตามสถานการณ์ ไม่ควรโฟกัสปั้นตัวหลักแค่ 4 ตัวให้สุดทาง เพราะมันอาจทำให้เพื่อน ๆ เล่นไม่ผ่านได้ครับ

8. การจัดทีมแบบบาลานซ์คือ DPS 2 / Tank or Sup 1 / Buff or Debuff 1

ถ้าเพื่อน ๆ ยังไม่รู้ว่าควรจัดทีมแบบไหนดี จากตัวละครที่มีอยู่ให้ครบ 4 ตัว แนะนำว่าเพื่อน ๆ สามารถจัดทีมบาลานซ์ไปเล่นก่อนได้ครับ จะเป็นทีมที่เซฟ ปลอดภัย ไปได้เรื่อย ๆ คือมี DPS 2 ตัว ทำหน้าที่สร้างดาเมจและทำลายเกราะด้วยการชนะธาตุ มี Tank หรือ Sup อย่างใดอย่างหนึ่ง จำนวน 1 ตัว เพื่อเป็นตัวบัฟโล่ให้เพื่อนหรือฮีลเพื่อน และสุดท้ายคือตัว Buff หรือ Debuff อย่างใดอย่างหนึ่ง อีก 1 ตัว เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนบัฟตัวดาเมจหรือก่อกวนศัตรูให้เราเล่นง่ายขึ้น ทีมแบบ 2-1-1 แบบนี้จะบาลานซ์ในการเล่นระยะยาว ไปไหนก็ได้ แต่จะไม่ได้หวือหวาหรือมีสไตล์การเล่นที่โดดเด่นเท่ากับทีมเฉพาะทางครับ (ปัจจุบันผมเล่น DPS 3 Tank 1 ไม่มีฮีล ข้อดีคือ Auto แบบขี้เกียจคิดจะผ่านเร็วแบบรัว ๆ เจอมอนทั่วไปไม่ตายแน่นอน แต่สู้บอสแล้วจะตึง ๆ เพราะยืนไม่ไหวครับ)

9. ถ้าไม่มีตัวฮีล ไม่มียาปั้ม เน้นกลับเสาบ่อย ๆ แทนได้

ในช่วงแรกเพื่อน ๆ อาจจะยังไม่มี Natasha ที่เป็นตัวฮีลเลอร์ 4 ดาวแจกฟรีมาให้ใช้ หรือยาปั้มในเกมอาจจะไม่มากพอให้กด ทำให้เพื่อน ๆ เล่นเนื้อเรื่องได้ลำบากสักนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรครับ ต่อให้เราไม่มีฮีลแต่เกมนี้ยังมี NPC ที่เรียกว่าเสาวาร์ปอยู่เช่นกัน ซึ่งในแต่ละแผนที่จะมีเสาวาร์ปกระจายอยู่ทั่วทั้งแมพประมาณ 2-3 จุด เพื่อน ๆ สามารถใช้วิธีประหยัดโดยการวิ่งกลับไปเติมเลือดที่เสาวาร์ปแล้วไปสู้ต่อก็จะทำให้ประหยัดยาปั้มและไม่ต้องพึ่งตัวฮีลเลอร์ในการผ่านด่านได้ครับ หรือถ้าไม่คิดอะไรมากก็ใช้สกิลตัวหลักในการปั้มเลือดช่วยก็ได้ถ้าขี้เกียจวิ่งเยอะ

10. เกมนี้ยืมเพื่อนได้ในดันเจี้ยนที่ใช้ Stamina

สำหรับใครที่ต้องการฟาร์มทรัพยากรแบบง่าย ๆ ทุกดันเจี้ยนที่ใช้ Stamina จ่ายค่าเข้า เราสามารถยืมตัวละครเก่ง ๆ ของเพื่อนได้ โดยตัวละครที่ยืมมานั้นจะแทนในตำแหน่งที่ 4 ของทีมเรา ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ คนไหนอยากฟาร์มยาว ๆ ทีละ 6 รอบ โดยไม่ต้องห่วงว่าจะแพ้หรือเปล่าก็แนะนำว่าหาเพื่อนที่มีตัวเก่ง ๆ ไว้ใช้งานก็ดีเหมือนกัน เพราะนอกจากจะฟาร์มได้สะดวกแล้ว เรายังสามารถยืมมาทดลองเล่นก่อนตัดสินใจเปิดกาชาหาตัวละครมาใช้ได้อีกด้วยครับ

และนี่ก็คือ “10 ทริคที่คุณอาจไม่รู้ในการเล่น Honkai: Star Rail​” หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ทุกคนนะครับ จริง ๆ ทริคเหล่านี้ถ้าสังเกตดี  ๆ ก็น่าจะทราบได้ไม่ยาก แต่ก็เผื่อว่ามีเพื่อน ๆ มือใหม่หลายท่านที่ยังไม่รู้ จะได้มีแนวทางในการเล่นเกมนี้ได้ดีขึ้น และสนุกยิ่งขึ้นครับ

สำหรับใครที่ชื่นชอบบทความนี้ ก็อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์และติดตามข่าวสารของทาง TIG ที่จะอัปเดตเรื่อย ๆ ในครั้งต่อไป

วันนี้ขอลาไปก่อน บะบายยย～

♪♫ ～ ♪♫ ～ ♪♫ ～♪♫ ～ ♪♫ ～