10 สิ่งที่ Pokémon Legends: Z-A ไม่เป็นเหมือนที่คาดหวัง

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ Pokémon Legends: Z-A คือเกมที่แฟน ๆ ทั่วโลกตั้งตารอ หลังจากภาค Pokémon Legends: Arceus ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับแฟรนไชส์ด้วยระบบสำรวจและการจับโปเกม่อนแบบเรียลไทม์ หลายคนจึงคาดหวังว่า Z-A จะเป็นก้าวต่อไปที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อประกาศว่าเกมจะเกิดขึ้นในเมือง Lumiose เมืองสุด Iconic จากภาค Pokémon X/Y แต่เมื่อเกมเปิดตัวจริงกลับกลายเป็นว่า “สิ่งที่ได้” ไม่ได้สอดคล้องกับ “สิ่งที่หวัง” สักเท่าไร บางอย่างถูกเปลี่ยนจนแฟนรุ่นเก่าตกใจ บางอย่างกลับลดทอนเสน่ห์ของโปเกม่อนที่เรารู้จัก วันนี้เราจะมาพูดถึง 10 สิ่งที่ Pokémon Legends: Z-A ไม่เป็นเหมือนที่หลายคนคาดหวังไว้

1. ไม่ใช่แนว Turn-Based แล้ว

หนึ่งในจุดเปลี่ยนใหญ่ที่สุดคือการที่ Z-A เลิกใช้ระบบ “Turn-Based Battle” อันเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์หลัก กลายเป็นแนว “Action Hybrid” ที่ต้องหลบ โจมตี และรอจังหวะเอง ซึ่งแม้จะดูทันสมัย แต่ก็ทำให้หลายคนรู้สึกว่าความเป็นโปเกม่อนแบบดั้งเดิมหายไป การวางแผนจัดทีม ใช้ท่ากับธาตุอย่างชาญฉลาดกลับไม่สำคัญเท่าเดิม และแฟนคลับที่ชื่นชอบระบบเทิร์นเบสแบบคลาสสิกก็รู้สึกว่าเกมนี้ไม่ตอบโจทย์นัก เพราะแทนที่จะรู้สึกเหมือนต่อสู้ระหว่างเทรนเนอร์ มันกลับกลายเป็นเกมแอ็กชั่นที่มีโปเกม่อนเป็นส่วนประกอบเท่านั้นครับ

2. บรรยากาศในเกมที่ไม่มีชีวิตชีวา

แม้จะตั้งอยู่ในเมือง Lumiose ที่ควรจะเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่เกมกลับให้ความรู้สึกเงียบเหงาอย่างคาดไม่ถึง NPC มีจำนวนน้อยมาก หลายคนพูดซ้ำ ๆ หรือแทบไม่มีบทสนทนาเลย แม้แต่เสียงดนตรีในเมืองก็ขาดพลังและเอกลักษณ์ ความรู้สึกเหมือนอยู่ในมหานครใหญ่จึงกลายเป็นเพียงภาพลวงตา ผู้เล่นหลายคนบอกว่ามันเหมือนฉากทดลองมากกว่าเมืองที่มีชีวิตจริง ๆ ซึ่งน่าเสียดาย เพราะ Lumiose เคยเป็นหนึ่งในเมืองที่แฟน ๆ รักที่สุดใน Pokémon XY

3. เนื้อเรื่องที่เทียบภาคออริจินอลอย่าง XY ไม่ได้

Pokémon X/Y เคยมีเนื้อเรื่องเข้มข้นและธีมเรื่อง “ความงามและการทำลายล้าง” ที่ลึกกว่าหลายภาค แต่ใน Z-A กลับขาดพลังของการเล่าเรื่อง ตัวละครดูจืดจางและขาดแรงจูงใจ เหตุการณ์สำคัญถูกเล่าแบบเร่งรีบจนผู้เล่นไม่รู้สึกผูกพันกับใครเลย แม้เกมพยายามสอดแทรกปริศนาเกี่ยวกับอดีตของ Lumiose และการฟื้นฟูเมือง แต่ทุกอย่างกลับดำเนินไปแบบขาดอารมณ์และจังหวะ เนื้อเรื่องที่ควรจะ “ยิ่งใหญ่ระดับตำนาน” กลับกลายเป็นเพียงเรื่องราวสั้น ๆ ที่เล่นจบแล้วก็ลืม

4. ราคาเกมที่สูงเกินไป

อีกหนึ่งสิ่งที่ถูกพูดถึงมากคือ “ราคา” เกมที่สูงกว่าภาคก่อนหน้าเกือบ 20% โดยที่เนื้อหาภายในไม่ได้ให้ความรู้สึกคุ้มค่าเท่าที่ควร แม้จะมีกราฟิกใหม่และระบบต่อสู้ปรับปรุง แต่เมื่อเทียบกับปริมาณคอนเทนต์และจำนวนโปเกม่อนที่ลดลง หลายคนมองว่ามันไม่สมราคา การซื้อ DLC เพิ่มยังดูไม่ช่วยให้เกมสมบูรณ์ขึ้นมากนัก จึงไม่น่าแปลกใจที่แฟน ๆ บางส่วนเรียกมันว่า “เกมราคา AAA เนื้อหา AA” ครับ

5. ทั้งเกมอยู่แค่เมืองเดียว

ในตอนเปิดตัว หลายคนคาดว่าเราจะได้ออกสำรวจทั้งภูมิภาค Kalos อีกครั้ง แต่สิ่งที่ได้กลับมีเพียง “เมือง Lumiose” เมืองเดียวเท่านั้น แม้จะกว้างและมีหลายเขต แต่ก็ยังรู้สึกจำกัดอย่างมาก ไม่มีพื้นที่ธรรมชาติแบบป่า ภูเขา หรือทะเลให้ไปผจญภัยเหมือนเกมโปเกม่อนภาคอื่น การจับโปเกม่อนจึงวนอยู่ในโซนเดิม ๆ ทำให้ผู้เล่นรู้สึกอึดอัดและเบื่อเร็วกว่าเดิมมาก ทั้งที่ศักยภาพของโลก Pokémon น่าจะกว้างกว่านี้

6. โปเกม่อนน้อยมาก

อีกประเด็นที่แฟน ๆ ผิดหวังคือ “จำนวนโปเกม่อน” ที่ปรากฏในเกมซึ่งมีเพียงราว 250 ตัวเท่านั้น น้อยกว่า Pokémon Legends: Arceus เสียอีก และที่น่าเสียดายคือหลายโปเกม่อนตัวดังใน Kalos อย่าง Greninja หรือ Sylveon ยังต้องโหลดเพิ่มผ่านอีเวนต์หรือ DLC พิเศษ แทนที่จะรวมมาให้ตั้งแต่ต้น ความรู้สึก “ครบถ้วน” จึงหายไป ทำให้หลายคนเรียกร้องให้มีอัปเดตเพิ่มโปเกม่อนในอนาคตครับ

7. ไม่มีความยากแบบเมื่อก่อนหลงเหลืออยู่เลย

แม้เกมจะมีระบบต่อสู้แบบเรียลไทม์ที่ดูท้าทาย แต่ระดับความยากจริงกลับต่ำจนน่าตกใจ ศัตรูส่วนใหญ่โจมตีช้า แถมระบบฮีลไอเท็มและรีสตาร์ทจุดเซฟก็ง่ายเกินไป จนแทบไม่มีแรงกดดันในการต่อสู้เลย เทรนเนอร์หลายคนจึงรู้สึกว่าเกมขาดความ “ท้าทาย” ที่เคยเป็นหัวใจของซีรีส์ Pokémon การชนะใน Z-A ไม่ใช่เรื่องของกลยุทธ์อีกต่อไป แต่เป็นการกดปุ่มรัวๆเพื่อใช้ท่าครับ

8. ภาพไม่ค่อยสวย

แม้จะอยู่บนเครื่องใหม่และใช้เอนจินอัปเกรด แต่ภาพในเกมกลับไม่ได้สวยอย่างที่โปรโมทไว้ ฉากบางส่วนมี Texture เบลอ แสงเงาไม่สมจริง และเฟรมเรตตกในบางพื้นที่ โดยเฉพาะเวลาอยู่ในเมืองใหญ่หรือฉากฝนตก ตัวโปเกม่อนเองก็มีอนิเมชั่นแข็ง ๆ ทำให้รู้สึกว่าภาคนี้ยังคงมีปัญหาด้านเทคนิคเหมือนภาคก่อนหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่แฟน ๆ คาดหวังว่าจะได้รับการแก้ไขไปนานแล้วแต่ก็ยังคงอยู่ครับ

9. ตึกกับอาคารเข้าไม่ได้เลยมีไว้ประกอบฉากอย่างเดียว

อีกสิ่งที่ทำให้เมือง Lumiose ดูว่างเปล่าคือ “ตึกปลอม” ที่เข้าไม่ได้เลยแม้แต่หลังเดียว ทั้งที่เกมโฆษณาว่าเมืองนี้จะมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยสถานที่ให้สำรวจ แต่กลับมีเพียงอาคารไม่กี่แห่งที่เปิดประตูได้จริง เช่น Pokémon Center และร้านขายของ ความรู้สึกอยากสำรวจเมืองหายไปทันทีที่รู้ว่า 90% ของตึกเป็นแค่ฉากประกอบ เหมือนเกมที่ยังทำไม่เสร็จดีมากกว่าเกมเต็มรูปแบบครับ

10. การแพ้ทางธาตุไม่ค่อยมีผลอะไรเลย

หนึ่งในหัวใจของเกมโปเกม่อนคือ “ระบบธาตุ” ที่ต้องคิดเชิงกลยุทธ์ เช่น น้ำแพ้พืช พืชแพ้ไฟ แต่ใน Z-A กลับลดความสำคัญของระบบนี้ลงอย่างมาก การแพ้ทางแทบไม่ส่งผลต่อดาเมจเหมือนเดิม ทำให้การจัดทีมและเลือกท่ากลายเป็นเรื่องไม่จำเป็น ผู้เล่นจึงรู้สึกว่าเกมเสียเอกลักษณ์ไปอย่างสิ้นเชิง และต่อให้จับโปเกม่อนหลากหลายแค่ไหนก็ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างในการต่อสู้

Pokémon Legends: Z-A อาจเป็นความพยายามของทีมพัฒนาในการสร้างยุคใหม่ของซีรีส์ แต่ผลลัพธ์กลับทำให้หลายคนรู้สึกว่านี่คือการทดลองที่ยังไม่สมบูรณ์ เกมพยายามจะทันสมัยแต่กลับสูญเสียเสน่ห์ของโปเกม่อนแบบดั้งเดิมไปอย่างน่าเสียดาย ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีบางส่วนที่ดี เช่น บรรยากาศของเมือง Lumiose ที่ยังให้กลิ่นอายความเป็น Kalos อยู่บ้าง หวังว่าในอนาคต Pokémon Company จะรับฟังเสียงแฟน ๆ และปรับปรุงให้เกมต่อไปกลับมาสมบูรณ์อย่างที่ทุกคนรอคอยอีกครั้งครับ