ไดเร็กเตอร์ Final Fantasy VIII เผยหนึ่งสิ่งที่อยากเปลี่ยนหากเกมถูกนำมารีเมค
ระบบ Junction ที่ผู้เล่นหลายคนส่ายหัว
ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้คือวันครบรอบ 25 ปีของเกม Final Fantasy VIII ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเกมที่มีผู้เล่นอยากให้นำมารีเมคให้เราได้เล่นกัน โดยล่าสุดผู้กำกับ Yoshinori Kitase ได้ออกมาเปิดเผยว่ามี 1องค์ประกอบที่เขาอยากปรับเปลี่ยนในเกมคลาสสิคบน PlayStation 1 นี้ หากเกมดังกล่าวได้รับการรีเมค
Final Fantasy VII เป็นเกมที่ได้รับเสียงวิจารณ์ในเชิงบวกเมื่อวางจำหน่ายในปี 1999 แต่เกมนี้กลับไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าเกมอื่น ๆ เพราะถึงแม้เนื้อเรื่อง ตัวละคร และคัทซีนที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก แต่หลายคนก็พบว่ารูปแบบการเล่นนั้นกลายเป็นจุดที่น่าตำหนิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบการต่อสู้แบบ Junction ของ Final Fantasy VIII ที่ถูกวิจารณ์ว่าซับซ้อนและเล่นยากเกินไป ซึ่งความเห็นนี้แม้แต่ผู้พัฒนาก็เห็นด้วย
ในบทสัมภาษณ์กับ IGN คุณ Kitase กล่าวว่าเขาเชื่อว่าระบบ Junction ของเกมจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงใหม่สำหรับการรีเมคโดยระบบ Junction ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Final Fantasy VIII นำเสนอการปรับแต่งและกลยุทธ์ในระดับลึก แต่ความซับซ้อนนี้กลับกลายเป็นดาบสองคม “ผมคิดว่ามันเป็นระบบที่ยากมากสำหรับบางคนที่จะเข้าใจ บางครั้งพวกเขาก็ไม่สามารถใช้มันได้อย่างดีที่สุด” Kitase กล่าว
อย่างไรก็ตามแม้ว่าระบบ Junction จะซับซ้อน แต่มันก็มีประโยชน์อย่างมาก โดยมีผู้เล่นหลายคนสามารถคิดค้นวิธีเปลี่ยนตัวละครของตนให้กลายเป็นมอนสเตอร์ทรงพลังที่สามารถเอาชนะศัตรูได้อย่างง่ายดาย และเพื่อแทนที่ Junction ของ Final Fantasy VIII คุณ Kitase อยากปรับระบบความยากง่ายของเกมให้สมดุลมากขึ้น
อย่างไรก็ตามคุณ Kitase ได้บอกว่านี่คือความเห็นเท่านั้น มันยังไม่ใช่การยืนยันว่า Final Fantasy VIII จะได้รับการรีเมค แต่เขากล่าวว่าถ้ามีโอกาสเป็นไปได้จริง ๆ โครงการดังกล่าวจะต้องใช้เวลานานและความพยายามอย่างมาก และถึงแม้สถานะ Final Fantasy VIII Remake อาจจะยังไม่ชัดเจนในตอนนี้ แต่ข้อมูลจาก Kitase ก็เปิดเผยถึงความเป็นไปได้ที่น่าสนใจซึ่งเราก็ต้องมาลุ้นกันต่อไป
Final Fantasy VIII เป็นการพัฒนาที่ก้าวกระโดดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งของซีรีส์ Final Fantasy ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปร่างโมเดลตัวละครให้เป็นแบบ Full-scale เท่าคนจริง เพื่อความสมจริงขึ้นไปอีกระดับ เท่านั้นไม่พอยังมีการใช้เทคโนโลยี Motion Capture และการบอกเล่าเรื่องผ่านคัทซีนความยาวรวมทั้งหมดกว่าหนึ่งชั่วโมง ซึ่งถือว่ายิ่งใหญ่มาก ๆ ในสมัยนั้น
ในเกมนี้เราจะได้รับบทเป็นวัยรุ่นนักเรียนทหารสุดเท่อย่าง Squall ที่ร่วมผจญภัยไปกับนางเอกสาว Rinoa และผองเพื่อนในสงครามเพื่อเอาชนะ Edea จอมเวทย์หญิง พร้อมฟีเจอร์ใหม่เพิ่มเติมนอกเหนือจากคุณภาพกราฟิกและโมเดลที่ดีขึ้น อาทิ Battle Assist เพื่อช่วยให้เกมเล่นง่ายขึ้น , การปิด Random Encounter และฟังก์ชั่นการปรับความเร็วของเกมสูงสุดถึง 3 เท่า โดยจะเป็นเกมที่ไม่มีการวางจำหน่ายไอเทมเสริมเพิ่มเติมและเป็นประสบการณ์การเล่นแบบพรีเมียมเต็มที่
