ข่าว

สื่อนอกเผยวิธีการที่ Final Fantasy VII Rebirth เชื่อมโยงเกมเมอร์รุ่นพ่อกับลูกเข้าด้วยกัน

เรื่องราวใหม่ อาวุธที่คุ้นตา และอื่น ๆ

Final Fantasy VII Rebirth เป็นอีกหนึ่งเกมรีเมคที่เป็นมากกว่าเกมรีเมค เพราะเกมนี้ได้นำพาเกมเมอร์วัยหนวดหวนคืนสู่อดีตอันหอมหวานด้วยเรื่องราวที่แปลกใหม่และน่าติดตาม แถมมาพร้อมด้วยกราฟิกสุดอลังการทำให้เกมนี้เข้าถึงเกมเมอร์ยุคใหม่ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือ “ผู้พัฒนาเกมทำอย่างไรถึงทำให้เกมนี้กลายเป็นเกมที่เหมือนจุดเชื่อมของเกมเมอร์ 2 ยุคเข้าด้วยกัน” โดยล่าสุดทาง IGN ได้ออกมาเผยบทสัมภาษณ์ พร้อมบทวิเคราะห์วิธีการที่เกมดังกล่าวเชื่อมโยงเกมเมอร์รุ่นพ่อกับลูกเข้าด้วยกัน

วิธีการเชื่อมโยงเกมเมอร์ 2 ยุคเข้าด้วยกันผ่านเกม Final Fantasy VII Rebirth

Final Fantasy VII Rebirth Bridging the Gap Between Generations 1

สิ่งแรกที่ทาง IGN ได้ระบุไว้ว่า “ทางผู้พัฒนาเกมได้บอกกับเราว่ากราฟิกที่สมจริงขึ้นในเกมยุคใหม่ส่งผลต่อการเล่าเรื่องและถ่ายทอดอารมณ์ โดยเกมเมอร์รุ่นเก่าที่เคยเล่นเวอร์ชั่นต้นฉบับ อาจอินกับเกมมากขึ้นเมื่อเล่นเวอร์ชั่นใหม่เพราะภาพที่สมจริง” นอกจากนี้ทาง IGN ยังเน้นย้ำว่า กราฟิกที่สวยงามช่วยให้เข้าถึงกลุ่มผู้เล่นที่กว้างขึ้น รวมถึงเด็ก ๆ ด้วย โดยเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนอาจไม่สามารถดึงดูดเด็ก ๆ ได้ แต่การนำเสนอภาพ สีสัน และกิจกรรมเสริมที่สนุกสนาน จะช่วยให้เด็ก ๆ เพลิดเพลินไปกับเกม และสร้างประสบการณ์ร่วมกันระหว่างผู้ใหญ่และเด็ก

นอกจากนี้ผู้พัฒนาเกม Final Fantasy VII Rebirth ไม่ได้มุ่งเน้นการสร้างเกมเลียนแบบต้นฉบับแบบเป๊ะ ๆ แต่เป็นการผสมผสานไอเดียรีเมค และภาคต่อ โดยทีมงานมองว่า เกมใหม่นี้เป็นการสร้าง Final Fantasy VII เวอร์ชั่นใหม่ ที่มีองค์ประกอบและเนื้อเรื่องที่แตกต่างจากต้นฉบับ ตัวอย่างเช่น การเพิ่ม Whispers และ Zack เข้ามาในเนื้อเรื่อง ซึ่งผู้สร้างต้องการให้ผู้เล่นรู้สึกตื่นเต้น ไม่สามารถคาดเดาเนื้อเรื่องได้ว่า จะเดินตามต้นฉบับหรือเบี่ยงเบนไป “แนวคิดการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องนี้มาจากทีมงานรุ่นเก่าที่เคยสร้างเกมต้นฉบับ ส่วนทีมงานรุ่นใหม่ มุ่งเน้นการสร้างเกมที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากกว่า และเพื่อให้การพัฒนาราบรื่น ทีมงานจึงแบ่งหน้าที่ โดยทีมรุ่นเก่ารับผิดชอบการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาหลัก ส่วนทีมรุ่นใหม่รับหน้าที่ปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น” ทีมงานอธิบาย

สำหรับการตลาดก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ทางทีมงานให้ความสนใจ โดยทีมงานได้เรียกมันว่า “ปรากฏการณ์ความทรงจำอันทรงพลัง (Weaponized Nostalgia) ในวงการเกม” โดยทีมงานได้บอกกับทาง IGN ว่าความทรงจำ เป็นส่วนสำคัญที่หล่อหลอมตัวตนและความรู้สึกของเรา การหยิบเอาเกมในอดีตมาสร้างใหม่ด้วยมุมมองใหม่ ช่วยให้เราได้สำรวจตัวตนในวัยเด็กและปัจจุบัน ทำให้บริษัทเกมเลือกใช้ความทรงจำเป็นกลยุทธ์ทางการตลาด โดยอาศัยความชื่นชอบของผู้เล่นรุ่นเก่าที่ปัจจุบันมีกำลังซื้อสูง ในขณะเดียวกันทีมงานได้อธิบายเพิ่มว่าการนำเสนอเกมคลาสสิคในรูปแบบใหม่ ช่วยให้ผู้เล่นรุ่นเก่าได้หวนคืนสู่ความทรงจำวัยเด็ก และยังช่วยให้ผู้เล่นรุ่นใหม่ได้รู้จักเกมเหล่านี้

ทาง IGN ได้สรุปว่าเกม Final Fantasy VII Rebirth เป็นเกมที่ทำให้ผู้เล่นรุ่นใหม่ที่ได้สัมผัสกับเกมนี้ รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปวัยเด็กของพ่อแม่ โดยเว็บไซต์ดังกล่าวได้ชี้ว่า “ความทรงจำ” เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เราเติบโต แม้บางครั้งอาจมองเห็นสิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไป และเกมนี้เป็นตัวอย่างของการนำเสนอเรื่องราวในอดีตผ่านมุมมองใหม่ พร้อมกับมอบประสบการณ์ร่วมกันระหว่างผู้เล่นรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ โดยผู้เล่นรุ่นใหม่จะได้ทำความรู้จักกับตัวละครอย่าง Cloud, Tifa, Aerith และ Sephiroth ซึ่งทางผู้สร้างเกมก็ได้บอกเช่นกันว่าพวกเขาหวังว่าผู้เล่นจะได้สัมผัสประสบการณ์พิเศษ และเข้าใจว่าทำไม Final Fantasy VII จึงได้รับความนิยมมายาวนานจนถึงทุกวันนี้

ในขณะเดียวกัน Final Fantasy VII Rebirth เกมภาคต่อของ Final Fantasy VII Remake จะวางจำหน่าย 29 ก.พ. 2024 บน PlayStation 5 ผู้เล่นจะได้ติดตามการผจญภัยของ Cloud และผองเพื่อนเพื่อตามล่า Sephiroth บนแผนที่ที่มีสเกลใหญ่ขึ้น พร้อมสำรวจประวัติเบื้องหลังของตัวละครต่าง ๆ เกมมีทั้งหมด 2 แผ่น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะว่าการผจญภัยในครั้งนี้จะยิ่งใหญ่กว่าเดิมแน่นอน!

Youryu

นักผจญเกมที่ไม่จำกัดประเภทและแพล็ตฟอร์ม
Back to top button