Dragon Ball Super: Super Hero กลายเป็นภาพยนตร์ใน IP Dragon Ball ที่ทำเงินได้น้อยที่สุดในรอบ 25 ปี

กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจขึ้นมาเลยทีเดียวครับ เมื่อล่าสุดมีรายงานว่าภาพยนตร์ Dragon Ball Super: Super Hero ที่ฉายในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ทำรายได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับภาพยนตร์ Dragon Ball เรื่องก่อนหน้าที่ออกฉายในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา

แม้ว่าภาพยนตร์นี้จะยังไม่ได้ฉายในต่างประเททศ แต่ในญี่ปุ่นฉายมาได้ 3 สัปดาห์แล้ว โดยทำรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศได้น้อยกว่า 3 เรื่องก่อนหน้าอยู่พอสมควร ได้แก่ Dragon Ball Z: Battle of Gods, Dragon Ball Z: Resurrection ‘F’, Dragon Ball Super: Broly โดยรายได้ของ Dragon Ball Super: Super Hero อยู่ที่ 12,121,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ (434,583,603.20 บาท) อ้างอิงจาก BoxOfficeMojo ซึ่งภาพยนตร์ 3 เรื่องก่อนหน้าแต่ละเรื่องทำเงินได้มากกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (717,040,000 บาท) ใน 3 สัปดาห์แรกที่เปิดตัวทั้งสิ้น โดยรายได้ทั้งหมดสามารถแจกแจงได้ดังนี้

Dragon Ball Z: Battle of Gods ทำรายได้อยู่ที่ $23,618,327 (846,764,259.60 บาท)
Dragon Ball Z: Resurrection ‘F’ ทำรายได้อยู่ที่ $21,411,019 (767,627,853.19 บาท)
Dragon Ball Super: Broly ทำรายได้อยู่ที่ $23,640,548 (847,560,926.90 บาท)
Dragon Ball Super: Super Hero ทำรายได้อยู่ที่ $12,121,600 (434,583,603.20 บาท)

เรียกได้ว่ารายได้นั้นต่ำกว่าภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้าเกือบครึ่งเลยทีเดียว ซึ่งทางเว็บไซต์ animesenpai ได้ระบุว่าสาเหตุที่ทำให้ภาพยนตร์ดังกล่าวมีรายได้น้อยนั้นมีอยู่หลากหลายประการ แต่ 2 สาเหตุหลัก ๆ เกิดจากอนิเมชั่น และเรื่องราว

“รูปแบบอนิเมชั่นของภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้แตกต่างจากภาคก่อนอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่อนิเมะและภาพยนตร์ Dragon Ball ใช้ภาพอนิเมชั่น 2 มิติจนถึงปัจจุบัน แต่ภาพยนตร์ DBS: Super Hero เป็นอนิเมชั่น CG โดยสิ้นเชิง” animesenpai ได้แสดงความเห็นเอาไว้ “ปัจจัยหลักที่ 2 น่าจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงตัวละครหลักของ Dragon Ball Super: Super Hero ที่จะเน้นไปที่ Gohan และ Piccolo แทน Goku และ Vegeta ทำให้มีผู้มาชมน้อยลง”

สำหรับเรื่องราวใน Dragon Ball Super: Super Hero จะเกิดขึ้นหลังจากจอมมารบูพ่ายแพ้ไปสิบปี โดยเราจะได้พบเจอกับตัวละครที่คุ้นตามากมาย เช่น Gohan , Piccolo , Pan , Red Ribbon Army , Gamma 1 & Gamma 2 เป็นต้น